8 ก.พ. 2020 เวลา 05:12 • ธุรกิจ
เหตุผลที่ เศรษฐกิจไทย กำลังหดตัวอย่างรุนแรง
ถ้าให้มองย้อนกลับไปเป็นสิบปี ตั้งแต่ วิกฤตซับไพรม์ ปิดสนามบิน น้ำท่วมใหญ่ ชุมนุมทางการเมือง ระเบิดราชประสงค์
ไม่มีครั้งไหนที่น่าจะส่งผลกระทบเป็นวงกว้างต่อผู้ประกอบการไทยเท่าครั้งนี้
เพราะเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นส่วนใหญ่ จะกระทบเพียงกับบริษัทใหญ่ หรือ สถาบันการเงิน
พ่อค้าแม่ค้า คนทั่วไป คงไม่ได้เดือดร้อนอะไร บางเรื่องอยู่นอกประเทศที่ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเรา
ถ้าจะกระทบผู้ประกอบการรายเล็ก ก็จะกระทบเฉพาะในเขตพื้นที่นั้น เช่น ผู้ประกอบการในพื้นที่ใกล้การชุมนุม
และหลายเหตุการณ์ ก็เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาสั้นๆ ที่เป็นผลกระทบแบบชั่วคราว
แต่กับเหตุการณ์ในครั้งนี้ ที่ตอนแรกคาดว่าจะชั่วคราว แต่เมื่อเวลาผ่านไป ดูเหมือนว่ามันจะลากยาวกว่าที่เราคิด
และการลากยาวนี้คือประเด็น..
เพราะคนที่ทนการลากยาวไม่ไหว จะเริ่มหายไป
ลองจินตนาการว่า ตอนนี้นักท่องเที่ยวจีนที่มาเมืองไทยหายไปกี่ % คำตอบคือ จะหายไปอย่างน้อย 80% ใน 2 เดือนนี้
ถ้าไปถามพ่อค้าแม่ค้าที่ขายตามแหล่งท่องเที่ยว ตอนนี้เขาจะบอกว่ายอดหายไป 80%
จากเดิมที่ขายได้วัน 10,000 บาท ตอนนี้จะเหลือ 2,000 บาท
คำถามคือ ถ้าเขายังมีภาระค่าใช้จ่ายเท่าเดิม เขาจะอยู่ได้อย่างไร?
สเกลใหญ่ขึ้นมา เมื่อไปดูห้างสรรพสินค้า หรือ โรงแรม
รู้ไหมว่าตอนนี้ Occupancy Rate ของโรงแรมทั่วไป ลดลงต่ำกว่า 40% เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
นอกจากนักท่องเที่ยวจีนจะยกเลิกการมาเกือบทั้งหมด นักท่องเที่ยวต่างชาติก็เลื่อนการเดินทางออกไปด้วย
เรื่องทำนองเดียวกันกับ สายการบินต่างๆ ถ้าหลีกเลี่ยงได้ ก็ไม่มีใครอยากนั่งเครื่องบินไปเที่ยวในตอนนี้
โดยเฉพาะในแถบเอเชียที่มีการระบาดของไวรัสโคโรนา
โดยปกติแล้วโมเดลธุรกิจของ โรงแรม สายการบินจะไม่ค่อยทำกำไรในช่วง Low Season และมาได้กำไรหนักๆในช่วง High Season เพื่อทำให้ยอดกำไรทั้งปีเป็นบวก
แต่เรื่องมาแจ็กพอตตรงที่ ตอนนี้กำลังเป็น High Season พอดี นั่นก็เตรียมตัวไว้เลยว่า โรงแรม และสายการบินส่วนใหญ่ในปีนี้จะขาดทุน
เมื่อผู้ประกอบการเกี่ยวกับการท่องเที่ยวขาดทุนจะเกิดอะไรขึ้น?
1
อย่างแรกคือการขาดสภาพคล่องอย่างรุนแรง ในเมื่อรายได้น้อยลง รายจ่ายเท่าเดิม เงินสดก็มีไม่พอรายจ่าย
ถ้าบริษัทนั้นไม่ได้เก็บสำรองเงินสดไว้มากพอ ก็จะเกิดเหตุการณ์ เชิญพนักงานออก หรือมีโปรแกรมพิเศษเหมือนที่เกิดขึ้นแล้วกับสายการบิน Cathay Pacific ที่เชิญให้พนักงาน 27,000 คนลาหยุดโดยไม่รับเงินเดือน 3 สัปดาห์
และบอกได้เลยว่านี่จะไม่ใช่สายการบินแรกที่มีปัญหา
สายการบิน จีน ญี่ปุ่น เกาหลี ไต้หวัน ไทย มาเลเซีย สิงคโปร์ ในแถบนี้ จะเริ่มทยอยมีปัญหาตามมาทั้งหมด
คนที่ทำงานในสายการบินเตรียมพร้อมรับมือให้ดี
1
และเมื่อผู้ประกอบการอยู่ไม่ได้ ก็จะเริ่มกู้เงิน สำหรับผู้ที่มีเครดิตดีก็สามารถกู้ธนาคารได้
แต่ถ้ารายไหนใช้วงเงินเต็มแล้ว สิ่งที่จะได้รับผลกระทบตามมา ก็คือตัวสถาบันการเงินเองที่จะเกิด หนี้เสีย
ส่วนผู้ประกอบการรายย่อย ที่ไม่สามารถเข้าถึงสินเชื่อของธนาคาร ก็จะเริ่มเข้าสู่วงจรอุบาทว์ทางธุรกิจ ก็คือ การกู้นอกระบบ
เราจะได้เห็นคนหลายพัน หลายหมื่นคน ที่เกี่ยวกับภาคการท่องเที่ยว มีชีวิตที่เปลี่ยนไปจากเหตุการณ์ในครั้งนี้
เรื่องต่อมาก็คือภาคการส่งออก..
ในเมื่อจีนปิดทุกอย่าง ก็ต้องชะลอการนำเข้าด้วยเช่นกัน สิ่งที่ได้รับผลกระทบเร็วที่สุดทันที ก็คือการส่งออกผลไม้ไทยไปประเทศจีน
ทุเรียนที่ครองส่วนแบ่งตลาดผลไม้ไทยที่ส่งออกไปจีนมากที่สุด จะได้รับผลกระทบ และช่างบังเอิญว่าเรากำลังเข้าสู่หน้าทุเรียนพอดี..
ชาวสวนปลูกทุเรียนมา ขายไม่ได้ ทำอย่างไร?
เงินลงทุนที่จ่ายไปแล้ว จะทำอย่างไร?
แล้วนอกจากทุเรียน มีผลไม้ หรือสินค้าการเกษตรอะไรอีกบ้างที่ส่งไปจีน?
ก็คงต้องบอกว่าเรื่องนี้จะกระทบกับคนเป็นวงกว้างอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ไม่ใช่แค่ภาคการท่องเที่ยว แต่รวมถึงเกษตรกร หรือผู้ส่งออกสินค้าไปจีน
นอกจากนั้นก็ยังมีธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับคนจำนวนมาก เช่น โรงภาพยนตร์ คอนเสิร์ต ก็อาจได้รับผลกระทบ เพราะหลายคนจะหลีกเลี่ยงไปสถานที่เหล่านี้โดยไม่จำเป็น เช่น จองตั๋วไปแล้ว
และมหกรรมรวมคนจากนานาประเทศที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ที่กำลังจะเกิดขึ้นก็คือ "โอลิมปิก" ที่ประเทศญี่ปุ่น
ถามคำถามเดียวคือ ถ้าเราเป็นนักกีฬายูโด ถ้าให้เราแข่งกับนักกีฬา จีน ตอนนี้ เราจะรู้สึกอย่างไร..
และนั่นอาจเป็นเหตุผลที่ทำให้ โอลิมปิก อาจต้องถูกเลื่อน ถ้าเหตุการณ์แบบนี้ลากยาวไปอีก 2-3 เดือน
ตอนนี้ไม่ใช่แค่ประเทศจีนได้รับผลกระทบ
แต่ทุกประเทศในเอเชียที่มีเศรษฐกิจเชื่อมต่อกับจีนกำลังได้ผลกระทบ
และผลกระทบนี้จะส่งผลเป็นวงกว้างต่อเอเชียแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อนในรอบหลายสิบปี
หนึ่งในเหตุผลก็คือ ตอนนี้จีนก้าวมาเป็นประเทศที่ใหญ่มาก
ใหญ่พอที่จะลากคนอื่นมีปัญหาไปด้วย ถ้าตัวเขาเองมีปัญหา
ตอนนี้เราคนไทยกำลังประเมินความเสียหายกันน้อยกว่าที่คิดหรือไม่
แล้วเราจะทำอย่างไร?
สิ่งที่พอจะทำได้ก็คือ การตอบสนองต่อเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นแบบล่วงหน้า
โดยไม่ต้องรอ ให้ผลเสียหายมันเกิดขึ้นก่อน
(คล้ายกับที่แบงก์ชาติลดดอกเบี้ย 0.25% ในสัปดาห์ที่ผ่านมา)
ภาพที่ลงทุนแมนเห็นตอนนี้ก็คือ
เรากำลังเหยียบคันเร่ง 200 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ที่ระยะทางอีก 10 กิโลเมตร กำลังเจอเหว
เรากำลังมึนๆ และเหมือนจะรอให้ตกเหวก่อน แล้วค่อยคิดว่าจะทำอย่างไร
10 กิโลเมตรที่ดูเหมือนไกล
แต่รู้หรือไม่ว่า
ด้วยความเร็วแบบนี้ อีก 3 นาที ก็จะถึงปากเหวแล้ว..
ปิดท้ายด้วยข้อมูลที่น่าสนใจ
นักท่องเที่ยวจีนมี 11 ล้านคน ถ้าให้หายไปทั้งปี มูลค่าความเสียหายโดยตรงคือ 520,000 ล้านบาท หรือ 3.5% ของ GDP ไทย มันอาจไม่หายไปทั้งปี แต่มันยังมีความเสียหายทางอ้อมที่ไม่ได้เกี่ยวกับภาคการท่องเที่ยว เช่น ภาคเกษตรกรรม ภาคส่งออก ที่กล่าวถึงในบทความด้านบน
อัตราการเติบโตของ GDP ไทย ล่าสุดอยู่ที่ 2.4%
ในกรณีเลวร้ายสุด
หลายคนยังพูดถึงว่า GDP จะโตช้าลง
แต่ลงทุนแมนกำลังพูดถึงว่า GDP ไทยปีนี้จะติดลบ..
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
โฆษณา