11 ก.พ. 2020 เวลา 12:31 • บันเทิง
มังกรหยก ภาค ๑...ตอนที่ ๑๐
ก้วยเจ๋งมีความก้าวหน้าเรื่องขี่ม้า มวยปล้ำ ยิงธนูอยู่ในระดับดีเลย...แต่ทางด้านวิทยายุทธที่หกอาจารย์สอนให้...กลับอยู่ในระดับหมาไม่เห่า...ความคืบหน้าของการเรียน ประมาณสองหอยทากต่อชั่วโมง เล่นเอาอาจารย์เจ็ดที่เป็นผู้หญิง ถึงกับน้ำตาตกไปหลายรอบ...
ในระหว่างนี้ ทางคิวชู่กีก็ให้ลูกศิษย์ส่งข่าวมาว่า หาทายาทของเอี้ยทิซิมเจอแล้ว เป็นผู้ชาย ก็ได้ชื่อตามที่ตั้งกันไว้ล่วงหน้าคือ เอี้ยคัง...เพราะฉะนั้นกำหนดประลองในอีกสองปีข้างหน้าระหว่างเอี้ยคังกับก้วยเจ๋ง...คอนเฟิร์มนาจา...
...แต่เรื่องที่รุ่นผู้ใหญ่ได้ท้าทายกันไว้ จนตกมาเป็นภาระรุ่นเด็กนี้...หกประหลาดไม่เคยเล่าให้ให้ก้วยเจ๋งฟังเลย ว่าได้ท้าทายวางเดิมพันไว้กับใครยังไงบ้าง...ได้แต่กำชับให้ตั้งใจฝึกวิทยายุทธแค่นั้น...
วันต่อมา ขณะที่ก้วยเจ๋งกำลังฝึกวิทยายุทธอยู่...เจนนี่ก็มาหา พยายามชี้ชวนให้ดูลูกแร้งขาวบนชะง่อนผา...พ่อแม่มันตายหมดแล้ว ลูกแร้งสองตัวนี่จะอยู่ยังไง ถ้าไม่มีคนช่วย...
ก้วยเจ๋งก็ไม่รู้จะทำยังไง...”คงต้องเหาะได้มั้ง ถึงจะขึ้นไปช่วยลูกแร้งคู่นี้ได้”...ว่าแล้วก้วยเจ๋งก็ตั้งหน้าตั้งตา ฝึกวิทยายุทธต่อไป...ไม่สนใจลูกแร้งทั้งสอง
ทันใดนั้น ก็มีเสียงของบุคคลประหลาด วิจารณ์ก้วยเจ๋งตรงๆ...“ฝึกยังงี้อีกร้อยปีก็ยังไม่เก่งหรอก”...
ก้วยเจ๋งฝึกวิทยายุทธอยู่ ได้ยินคนวิจารณ์แบบดูถูก...อ้าวๆๆๆ ใครวะมาปากหมาแถวนี้...
หันไปดูปรากฏว่าเป็นนักพรตแก่ๆหัวขาวคนนึง...เฮ้ยลุง วอนซะแล้ว...แต่ยังไม่ทันจะได้ขยับตัว กระบี่ในมือก้วยเจ๋งก็โดนนักพรตเฒ่าแย่งไปแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัว...ก้วยเจ๋งนึกว่าจะโดนคนแก่เล่นซะแล้ว ก็เตรียมตัวรับมืออย่างตึงเครียด
“มึงดูนี่”...นักพรตเฒ่าไม่ได้จู่โจม แต่กลับร่ายรำเพลงกระบี่ให้ก้วยเจ๋งดูอย่างคล่องแคล่ว...
“โหยลุง เจ๋งอ้ะ”...ก้วยเจ๋งถึงกับอุทานอ้าปากหวอ...พรตเฒ่าโยนกระบี่คืนให้...”เมื่อกี๊ได้ยินมึงคุยกันถึงลูกแร้งบนชะง่อนผาใช่มั้ย...ไม่ต้องเหาะได้หรอก ดูกูนี่”...
1
...ว่าแล้วนักพรตประหลาดก็แสดงฝีมือ ไต่ขึ้นไปตามหน้าผาที่ชันเก้าสิบองศาอย่างแคล่วคล่อง...ไต่สูงขึ้นไปๆ จนมองเห็นตัวเป็นจุดเล็กๆ คิดดูแล้วกันว่าสูงขนาดไหน...ในที่สุดก็ถึงชะง่อนผาที่ลูกแร้งสองตัวนั่นอยู่...
ไต่กลับลงมาเร็วกว่าขาขึ้น...พรตประหลาดยื่นลูกแร้งสองตัวให้ก้วยเจ๋งกับเจนนี่...”เอาไปเลี้ยงให้ดี แต่อย่าบอกใครว่าพวกเอ็งพบข้าที่นี่”...
กำลังจะเดินจากไป...ก้วยเจ๋งรีบคุกเข่าขอร้องนักพรตเฒ่าด้วยความเลื่อมใสในวิทยายุทธของเขา...”ข้าสมองโง่ทึบ อาจารย์ข้าสั่งสอนเท่าไหร่ก็ไม่กระดิก...หากได้พื้นฐานวิทยายุทธของผู้อาวุโส ข้าคงได้กระดิกบ้าง...โปรดถ่ายทอดวิชาให้ข้าด้วยเถิด”...
พรตเฒ่าทนรบเร้าไม่ไหว ก็ตกลง...”อีกสามวัน กูจะรอมึงบนชะง่อนผานั่น”...
ก้วยเจ๋งอ้าปากค้าง...”แล้วข้าจะขึ้นไปได้ยังไงอ้ะ”...
“เรื่องของมึง”...พรตประหลาดทิ้งท้ายแล้วจากไป...
...สามวันต่อมา ในเวลากลางคืน พระจันทร์เต็มดวงส่องสว่าง...ก้วยเจ๋งมาที่ตีนผา...”ปีนก็ปีนวะ”...แล้วก็เริ่มต้นปีนหน้าผาเก้าสิบองศานี้ขึ้นไป...
1
ก็ปีนตกๆอยู่นั่นแหละ จะเหนี่ยวก้อนหิน เหนี่ยวเถาวัลย์ บางทีก็ขึ้นไปได้สูงหน่อย แล้วก็ตกลงมาหวุดหวิดจะหัวแตกตายอยู่หลายรอบ...แต่เพื่อจะขึ้นไปเอาวิชา ก้วยเจ๋งตัดใจ...ตายเป็นตายวะ...
...เอามีดขุดหน้าผาให้เป็นรู เออพอมีที่เกาะปีนขึ้นไปได้...แต่ขืนขุดทีละรูยังงี้ มีดกุดก็ยังไปไม่ได้ถึงครึ่งทางแน่...
ก้วยเจ๋งปีนขึ้นไปได้ไม่เท่าไหร่ กำลังหมดหนทางจะไปต่อ...ก็มีเชือกหย่อนลงมาช่วยชีวิต...
นักพรตเฒ่านั่นเอง หลังจากทดสอบกำลังใจก้วยเจ๋ง จนเห็นว่าสุดๆแล้ว...ก็เลยหย่อนเชือกลงมาช่วยดึงตัวเขาขึ้นไป...
ขึ้นไปถึงชะง่อนผาแล้ว นักพรตเฒ่าขอทำความเข้าใจกันก่อน...เราไม่ใช่ศิษย์อาจารย์กัน สิ่งที่ข้าจะสอนคือ...การนั่ง นอน ยืน เดิน และการหายใจ...ไม่ได้สอนวิทยายุทธ เพราะฉะนั้นถือว่าไม่ผิด...
...ต้องบอกไว้ก่อนว่า ในสมัยนั้นเค้าถือกันมาก...ถ้าจะเรียนวิชากับอาจารย์คนไหน ต้องไปขออนุญาตพ่อแม่ก่อน...หรือถ้าเรียนกับอาจารย์คนไหน แล้วจะไปเรียนเพิ่มเติมกับอีกคน...ก็ต้องขออนุญาตกับอาจารย์คนเก่าก่อน...ถ้าผิดจากนี้ถือว่านอกลู่นอกทาง...
1
ทีแรกก้วยเจ๋งก็งงๆ...อารัยว้า กะอีแค่นั่งนอนยืนเดิน ต้องเรียนกันด้วยหรอ...แต่ด้วยความเป็นคนซื่อ เค้าให้เรียนก็ตั้งใจเรียน...
ก็ฝึกนั่งนอนยืนเดินและควบคุมลมหายใจไปเรื่อย โดยไม่รู้ว่านั่นคือพื้นฐานการฝึกลมปราณและกำลังภายใน...แต่หลังจากฝึกไปได้ระยะนึง ก้วยเจ๋งรู้สึกว่า...เมื่อมาฝึกฝีมือกับหกประหลาด มีความคืบหน้าขึ้นอย่างรวดเร็ว การเคลื่อนไหวมือเท้า ดูจะแคล่วคล่องขึ้นจนอาจารย์ทั้งหกก็แปลกใจ...เอ้อ ไอ้เจ๋งนี่มันก็ชักจะก้าวหน้าเว้ยพวกเรา...
...อีกหนึ่งปีผ่านไป ความคืบหน้าในฝีมือของก้วยเจ๋งเป็นที่น่าพอใจอย่างมาก...แต่แล้ววันนึงก็เกิดเรื่อง...
ระหว่างก้วยเจ๋งฝึกฝีมืออยู่กับอาจารย์ทั้งหก...มีคนต้อนม้าผ่านมา ม้าตัวนึงในฝูงนั้นเป็นม้าสีแดง...ฝีเท้าและพละกำลังอยู่ในขั้นสุดยอด เสียแต่ว่าโคตรพยศไม่มีใครเอาอยู่...
จังหวะนึง ม้าแดงเกิดเตลิดวิ่งออกนอกฝูง ไม่มีม้าตัวไหนไล่ตามทัน ทุกคนกำลังเสียดายที่จะต้องเสียสุดยอดม้านี้ไป...ทันใดนั้น ชายหนุ่มคนนึงก็วิ่งออกตามม้าแดงไปจนทัน...ซุปเปอร์แมนนั่นเอง อ้าวไม่ใช่...ก้วยเจ๋งของเราต่างหาก...
...คนบ้าที่ไหนวิ่งไล่ม้าทันวะ...ก็คนบ้าในนิยายนี่แหละฮะ...แต่เป็นคนธรรมดาไม่ได้ ต้องมีลมปราณและวิชาตัวเบาด้วย
ก้วยเจ๋งฝึกนั่งนอนยืนเดินและหายใจทุกวัน ไม่รู้เลยว่านั่นคือการฝึกลมปราณ และทำให้วิชาตัวเบาของตนก้าวหน้าไปอย่างมาก ถึงกับวิ่งไล่ม้าทัน...
อาจารย์ทั้งหกก็มองหน้ากันเลิกลั่ก...มึงสอนไอ้เจ๋งรึเปล่า วิชาตัวเบาแบบนี้...เฮ้ยกูเปล่า กูก็เปล่า...ต่างคนต่างส่ายหัวกันหมด...คราวนี้ก็เป็นเรื่องล่ะสิ...
...จับม้าแดงมาได้...อาจารย์ทั้งหกก็ทำเป็นชื่นชมลูกศิษย์ แต่เก็บความสงสัยไว้ในใจ...
โฆษณา