13 ก.พ. 2020 เวลา 03:57 • สุขภาพ
Gaggan Anand กับร้านใหม่ของเขา
หลังจากปิดร้านGagganที่หลังสวนอย่างกระทันหันไปเมื่อสามเดือนก่อนหน้านี้ วันนี้เชฟชื่อดังหน้ามลคนดีคนเดิมได้กลับมาเปิดร้านใหม่ของเขาอย่าง “Gaggan Anand” บริเวณซอยสวัสดี
นับว่าเหนือความคาดหมายของหลายๆคนกันไปบ้างกับร้านใหม่ของเชฟชื่อดัง Gaggan Anand ใช้เวลาเพียงสามเดือนก็เนรมิตเสร็จ ร้านใหม่นี้ของเขาตั้งเป้าไปยังระดับที่สูงขึ้นกว่าร้านGagganเก่า
จากการที่ลดที่นั่งในร้านลงครึ่งนึงเมื่อเทียบกับร้านเก่าเเต่จำนวนสต็าฟยังอยู่ในระดับใกล้เคียงเดิม ด้วยราคาที่สูงขึ้นกว่าร้านเก่าเล็กน้อยตามจำนวนอาหารที่เพิ่มขึ้น Gagganคงตั้งเป้าหมายของร้านใหม่นี้ของเขาสูงกว่าร้านเก่าอย่างเเน่นอน ทำให้ผมค่อนข้างมีความคาดหวังกับร้านใหม่ของเขาเป็นค่อนข้างมาก
Gaggan Anand นับเป็นหนึ่งในเชฟชื่อดังที่สุดของไทย ร้านเก่าของเขาอย่าง Gaggan ที่หลังสวน เคยได้รับรางวัลทั้งมิชลินสตาร์สองดาวก่อนปิดตัวลง และยังได้รับการจัดอันดับติด Top 10 ใน The world 50 best list ปีล่าสุดอีกด้วย หรือรวมถึงได้ลงในซีรีย์ชื่อดังทาง Netflix อีกต่างหาก
ร้านนี้นับว่าเป็นหนึ่งในร้านที่ผมตั้งตาใจจดใจรอวันไปกินเลยทีเดียว ซึ่งกว่าจะได้กินนี่เรียกว่ามหากาพท์กันพอสมควรครับ ระบบการจองของGaggan ค่อนข้างมีความสนุกปนกวนๆนิดนึงจากคำถามสนุกๆที่ได้ใส่เอาไว้ในระบบ ทันที่ทีเปิดจองทางร้านได้รับการจองอย่างล้มหลามกว่าสองพันโต๊ะภายในเพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังจากเปิดรจองจนทำให้ระบบล่มไปเลยทีเดียวครับ กว่าผมจะได้คอนเฟริม์โต๊ะก็ปาไปสี่ห้าวันหลังจากจอง ได้ข่าวเเว่วๆว่าร้านมีการจองเต็มไปถึงปีหน้าเเล้วยังไงรีบๆจองกันนะครับ โดยทางร้านจะมีสองรอบนะครับคือ 18.00 เเละ 21.30 ในเเต่ละรอบจะใช้เวลากินราวสามถึงสี่ชม เพราะฉะนั้นใครที่ไปรอบสามทุ่มครึ่งเเบบผมนี้เตรียมตัวเตรียมใจว่ากินเสร็จราวๆตีหนึ่งต้องมี
สำหรับเมนูใหม่ของร้าน Gaggan นั้นมีปริมาณถึง25 จานเลยทีเดียว นอกจากมีปริมาณอาหารที่มากขึ้น ลูกเล่นที่บ้าขึ้น รวมถึงยังมีหลายจานซิกเนเจอร์ที่ไม่เพียงเเต่กลับมาให้หายคิดถึงเเต่ยังพัฒนาเพิ่มลูกเล่นขึ้นอีกด้วย ทำให้มื้ออาหารที่ Gagganนั้นเหมือนการเดินทางที่สนุกสนานของฟู้ดดี้ตัวน้อยๆแบบผมเลยทีเดียวครับ
โดยรวมอาหารของ Gaggan ใหม่นั้นได้รับเเรงบันดาลใจจากอาหารอินเดีย อาหารอาเชียนเเละญี่ปุ่น เเต่ละจานมีลูกเล่นที่เเพรวพราว ความสลับซับซ้อนของเทคนิคการปรุงในระดับสูง หลายๆจานคอมบิเนชั่นที่แปลกใหม่นั้นลงตัวกันอย่างไม่น่าเชื่อว่าวัตถุดิบเเบบนี้จะสามารถนำเสนออกมาได้อย่างนี้ เเต่ในส่วนของรสชาติส่วนตัวว่าหลายๆจานยังขาดอยู่นิดขาดอยู่หน่อย หรือบาง คอมบิเนชั่นนั้นยังดูแปลกเกินไป ถ้าหากปรับจูนเมนูอีกสักนิด ไม่เเน่ว่าGagganอาจจะได้มิชลินสตาร์สามดาว หรือติดอันดับหนึ่งใน The world 50 best restuarant เข้าสักวัน อย่างไรก็ตามผมยังตั้งหน้าตั้งตารอการคิดค้นใหม่ๆของGaggan การลองผิดลองถูกของเขา และร่วมลุ้นไปด้วยกันอย่างใจจดใจจ่อ หากว่าGagganมีการเปลี่ยนเมนูใหม่ผมก็คงกลับไปลองอีกครั้งนึง
การบริการของทีมงานของร้าน Gagganนั้น ฉีกเเนวจากร้านอาหารไฟน์ไดน์นิ่งเเบบเดิมๆ ตัวทีมสต๊าฟเเละบริกรดูมีความใกล้ชิดมากขึ้น กล้าที่จะหยอกล้อ คุยเล่นกับเรา จนทำให้อาหารมื้อนี้ไม่ดูเคร่งเครียด หรือเนี้ยบเเบบไฟน์ไดน์นิ่งดั่งเดิม ซึ่งตรงนี้ผมคิดว่าเหมาะกับอาหารสไตล์Gagganที่ฉีกกรอบเก่าๆยิ่งนัก เเต่ด้วยเหตุนี้ทำให้ร้านอาจจะละเลยดีเทลเล็กๆไปบ้าง ทั้งเรื่องเศษอาหารบนโต๊ะ(ผ้าสีดำยิ่งเห็นชัด PSเยอะนะ) การลืมกลับมาอธิบายจานอาหารที่บอกว่าจะกลับมา(อาจจะเพราะความยุ่ง) ซึ่งก็ไม่ใช่สาระสำคัญมากนักโดยส่วนตัว
สำหรับมื้ออาหารในร้านGaggan เริ่มด้วยราคาเริ่มต้นที่ 8000บาท++ เเละ 12,000บาท++สำหรับไวน์เเพร์ริ่ง ทำให้ร้านใหม่ของเชฟลือชื่อคนนี้เป็นหนึ่งในร้านอาหารที่มีราคาแพงที่สุดในไทย (11-2019)
เมนูของทางร้านยังนำเสนอผ่านอิโมจิเช่นเคยเเต่คราวนี้มาในรูปจิกซอว์ที่เราจะค่อยๆต่อตามการเดินทางในอาหารมื้อนี้ มันจะมีอะไรบ้างไปชมได้เลยครับ
Welcome drinkของทางร้าน ที่นำมาเสริฟ์เราระหว่างรอโต๊ะนะครับ มันเป็นน้ำใบเตยอัญชันโทนิค ส่วนตัวว่ากลิ่นหวานๆของใบเตยกับกลิ่นโทนิคขมๆไม่เข้ากัน เเต่ในส่วนของรสชาติเเก้วนี้ก็อร่อยดีครับ บาลานซ์รสได้ดีเเละไม่หวานมาก
จานเเรก Explosion เป็นจานซิคเนเจอร์ของเชฟอย่างโยเกิร์ตเอ็กซ์โพชั่นที่กลายร่าง
ผมชอบจานนี้มากขึ้นกว่าฉบับเดิมมากๆครับ ในคำนี้จะเพิ่มลูกเล่นแและมีรสที่หลากหลายขึ้น ตัวโยเกริต์ตรงกลางนอกจากรสเปรี้ยอมหวานของโยเกิร์ตเเล้วยังมีความเผ็ดเเละความร้อนจากเครื่องเเกง ตัดกับรสหวานของเเป้งน้ำตาลด้านข้างที่เพิ่มมิติความกรอบในปากให้สนุกสนานมากขึ้น มีเม็ดเป๊าะเเป๊ะเเทรกเข้ามาเป็นช่วงๆ เรียกได้ว่าเป็นจานที่น่าตื่นตาตื่นใจเอามากๆ
จานที่สองเชฟก็ยังกระทุ้งหนักด้วยซิกเนอเจอร์ของเชฟที่คราวนี้ไม่มีเพลงประกอบเเล้ว กับ Lick it up เวอรชั่นใหม่ที่ทำจากผลไม้เเละผัก โดยในจานนี้ได้รับเเรงบันดาลใจจากเทศกาลHoli festival หรือเทศกาลสาดสีของชาวฮินดู
จานนี้บริกรลืมกลับมาอธิบายผมว่าทำจากอะไรเพราะฉะนั้นดีเทลอาจจะไม่มีนะครับ จานนี้มีรสหวานมีกลิ่นเครื่องเทศนิดๆ ส่วนตัวว่าหวานไปนิดนึงสำหรับการนำมาเป็นอาหารจานเเรกๆเเบบนี้
Foliage เป็นจานที่มีส่วนผสมจากLand &Sea กับเทอรีนอังคิโมะและโฟกรา รับประทานกับบิสกิตคีนัวบัควีทและเเผ่นน้ำตาลจากมะม่วงกับยุสุ
จานนี้เกือบจะเพอรเฟ็กต์เลยละครับ รสเค็มเเละหอมจากเทอรีนอังคิโมะกับโฟกราเข้ากันได้อย่างสมดุลกลิ่นไม่ตีกันส่งกลิ่นหอมซับซ้อนในปาก ตัวบิสกิตมีรสคล้ายขนมข้าวเซมเบกรุบๆนิดๆ เค็มนิดๆหอมข้าวไปกันได้ดีกับตับทั้งสอง ก่อนจะปิดด้วยรสหวานติดปลายลิ้น ประทับใจมากๆเลยครับ
จานต่อมาหรือ Egg ได้แรงบันดาลใจจากกุ้งผัดไข่เค็มของมาเลเซีย
โดยตัวแป้งด้านล่างนั้นทำจากข้าว เจลตรงกลางคือไข่เค็ม ก่อนออนท็อปด้านบนด้วยกุ้งเเละเบบี้เครอท โดยตัวกุ้งนั้นนำไปต้มก่อนจะเอามาทอด ซึ่งเเบบนี้ทางบริกรบอกว่าเนื้อที่ได้จะไม่เหนียวเเละมีความหวานหอมของกุ้งมากกว่า
จานนี้มีรสเค็มๆมันๆนัวๆจากไข่ปนด้วยความเผ็ดร้อนนิดๆ อร่อยนะเเต่กลิ่นกุ้งไม่ออกมันดูนัวๆไข่ไปทั้งปาก
จานนี้คือ Fish เป็นปลาดราเอจเเละเจลสาหร่าย ออนท็อปบนรากขึ้นฉ่ายและแชลอต
จานนี้อร่อยครับ มันมีกลิ่นอายปลาดิบแบบญี่ปุ่นนิดๆ ปลามีเนื้อเเน่นกรอบเข้มข้นมีกลิ่นอายของท้องทะเลจากสาหร่ายนิดๆ เข้ากับเจลสาหร่ายที่มีรสอุมามิได้อย่างลงตัว ก่อนจะตัดด้วยรสฉุนเปรี้ยวหวานหอมเขียวนิดๆชวนให้คิดถึงน้ำจิ้มซีฟู้ดนิดๆที่ด้านล่าง สุดยอดและประทับใจมากๆครับ
Bambooเป็นจานถัดมา โดยเชฟเสริฟ์เป็นตัวหน่อไม้ที่ถูกเกรซด้วยเเกงเเดงก่อนจะเคลือบด้วยเม็ดคีนัวคั่ว
จานนี้ยอดเยี่ยมอีกเช่นกันครับ ตัวหน่อไม้นุ่มมากๆกรอบนิดๆ หอมกลิ่นเเกง มีรสหวานอมเปรี้ยวของผักดองตัดกับรสเผ็ดร้อนของเเกง คีนัวกรุบๆช่วยเพิ่มความสนุกสนานให้กับจานนี้ได้ดีทีเดียว จานนี้อาจจะแอบเผ็ดร้อนไปนิดสำหรับฟรั่ง
เชฟเสริฟ์ Tomatoเป็นจานต่อไป โดยมันทำจากมะเขือเทศเเช่เเข็ง ผงพริก เจลผักชี
คำนี้แอบเย็นเจี๊ยบ มีรสเผ็ดร้อนที่ปลายลิ้น หอมผักชี ตามด้วยความเปรี้ยวหวานบนเค็มนิดๆของมะเขือเทศเมื่อละลาย เจ๋งดี
Emojiรูปนมเชฟเสิรฟ์เป็นนมทอดไส้เห็ดเเละออนท็อปด้วยไวท์ทรัฟเฟิล
คำนี้มีความหอมเอริธตี้เเบบเห็ดผสมผสานกับกลิ่นนมอ่อนๆ นมทอดรสมันกรุบกรอบตัดกับครีมเห็ดอุ่นๆรสเค็มละมุนลิ้น ทรัฟเฟิลขาวช่วยเพิ่มกลิ่นชวนหิวอย่างอ่อนโยน ยอดเยี่ยมมากครับ
Comet จานนี้เป็นเนื้อปลาเเละหอยเชลสับทอดเคลือบแป้งชาโคลสอดไส้ด้วยแมกม่าอิคุระ
บริกรเเนะนำให้เราค่อยๆทานเพราะร้อนต้องระวัง
ตัวแป้งชาโคลให้ความกรอบหนึบหนับ ปลากับหอยเชลล์สับตรงกลางมีรสหวานจากซีฟู้ดแฝงด้วยกลิ่นขึ้นฉ่ายเเละขิงอ่อนสดชื่นดีให้ความรู้สึกเหมือนอาหารจีน ที่เด็ดในจานนี้คือไส้อิคุระที่กะเวลาทอดได้ดีมากไข่ปลายไม่สุกเกินไปกรุบกรอบเเต่ในขณะที่เนื้อเเละเเป้งสุกกำลังดี จานนี้ผมว่าทำได้ดีเลยครับ
เพอเพิ้ลฮาร์ทของเชฟนั้นถูกทำจากส่วนประกอบทุกอย่างที่เป็นสีม่วงประกอบด้วยมีซอเรลม่วง มันม่วง ข้าวโพดม่วง(โดนความร้อนเเล้วเปลี่ยนสี ;)) และดอกไม้สีม่วง
เชฟได้รับเเรงบันดาลใจมาจากวงร็อคที่ชื่นชอบ เเป้งกรอบตัดความนุ่มหวานจากมันม่วงเเละข้าวโพด มีกลิ่นเขียวฉุนแฝงรสเปรี้ยวจากดอกไม้นิดๆ เป็นจานเบรคระหว่างมื้อที่ดีทีเดียวครับไม่หนักเกินไปทานได้ง่ายเเละสดชื่น
จานต่อมาเป็นอิโมจิรูปPotatoครับ มันทำมาจาก กะหล่ำทอด มันบด มันสคูป เเละสมุนไพร
จานนี้มีรสมันฟรั่งมากๆ มีกลิ่นสดชื่นฉุนเขียวจากสมุนไพรนิดๆ ตัดกับรสขมของกะหล่ำทอด โดยส่วนตัวผมว่ากะหล่ำทอดนี้เข้ากับอาหารประเภทเนื้อสัตว์มากกว่า พอมาจับคู่กับมันมันขมไปนิดทำให้กลิ่นมันฟรั่งที่ค่อนข้างอ่อนโดนกะหล่ำปลีกลบจนหมด ไม่เหมาะสมกับEmoji รูปนี้สักเท่าไหร่
รูปAngel ของเชฟ ได้ถูกตีความเป็น Panipuriเคลือบด้วยไวท์ช็อคโกเเลต จานนี้ผมเเอบผิดหวังครับส่วนตัวรู้สึกว่ารสหวานของช็อคโกเเลตขาวกลบกลบกลิ่นและรสไส้ที่เป็นเอกลักษณ์ของPanipuri
จานต่อมาคือโดซ่าฉบับกักกาน โดยจะมีไส้กล้วยเเละฝักทอง เจลขิงเเละมะขาม
แป้งโดซ่าของเขามีเท็กเจอร์ที่ดีมากมีความกรอบกรุบเเต่ก็ยังคงเหนียวหนึบ ไส้รสหวานติดเผ็ดร้อนตัดกับเเป้งรสเค็มนิดๆ ได้อย่างลงตัว อร่อยดีทีเดียวครับ
Emoji Eggplant เป็นจานที่ผมประทับใจที่สุดในมื้อนี้ จานนี้ทำจากมะเขือม่วง ฟิงเกอร์ไลม์ และ อูนิจากฮอกไกโด
จานนี้มีรสชาติที่ดีมากๆครับ รสหวานมันติดเค็มนิดๆของมะเขือม่วงเข้ากับกับรสหวานหอมกลิ่นอายทะเลของอูนิได้อย่างลงตัว
ส่วนตัวไม่คิดว่ามะเขือม่วงจะเข้ากับอูนิได้ดีขนาดนี้ ยิ่งไปกว่านั้นฟิงเกอร์ไลม์ช่วยเพิ่มรสเปรี้ยวจิ๊ดนิดๆที่ช่วยชูรสเเละความหอมของวัตถุดิบทั้งสองอย่างยอดเยี่ยม มันอาจจะดูเป็นจานที่ธรรมดาๆเอามากๆเมื่อเทียบกับจานอื่นในมื้อนี้เเต่ผมดันชอบจริงๆ
จานต่อมาอย่างBread เป็นอินเดียโดนัทไส้ชาเขียว ในจานนี้ผมอาจจะผิดหวังที่สุดในมื้อ รสไส้ที่เผ็ดเเกงนิดๆกับรสขมชาเขียวมันไม่เข้ากันจริงๆ ไม่รู้ต้องการสื่ออะไรผ่านอาหารจานนี้
ถัดไปเชฟเสริฟ์ Emoji Chili มันเป็นพริกยัดไส้หมู จานนี้ทำได้ดีครับเสริฟ์มาอุ่นๆ อร่อยดีทุกอย่างนุ่มมากๆ รสเผ็ดร้อนจากพริกก็เข้ากับไส้ได้ดี เเต่ในเเง่ไอเดียเมื่อเทียบกับจานอื่นในคอร์สเเล้วออกจะดูธรรมดาไปนิด
Emoji รูป Chesnut จานนี้เชฟได้ทำเซอร์ไพรส์ให้กับผมกับซุปเย็นจากสัปปะรดเเละเเครอท ที่รับประทานกับครีมด้านล่างที่ทำสารพัดถั่วเเละเกาลัด
จานนี้ผมว่าตัวไส้นั้นอร่อยเอามากๆหอมถั่วเเละเกาลัด เเต่มันยังรู้สึกขัดๆนิดๆเวลากินกับซุปสัปปะรดเปรี้ยวหวาน
จานรูป Fishing เป็นแป้งรูปปลาที่ทำจากข้าวและดอกไม้ รับประทานกับไส้ครีมเครื่องเเกง
โดยส่วนตัวผมว่าจานนี้รสชาติเค็มเกินไปตัวเเป้งก็มีรสเค็มนิดๆอยู่เเล้ว ไส้ก็ยังเค็มอีก เเถมปริมาณเเป้งที่เเสนบางเมื่อเทียบกับไส้นั้นยิ่งทำให้ทุกอย่างดูเเย่ไปหมด จานนี้เป็นอีกจานที่ผมไม่ชอบในมื้อนี้
รูป Baby chick นั้นเชฟเสิรฟ์เป็นไก่ย่างกับไข่มุก ผิดๆๆๆ เชฟใช้ลูกไก่จากฝรั่งเศสนำมาหมัก ซูวี่ เเล้วจึงอบก่อนเสริฟ์ รับประทานกับไข่มุกและซอสเชฟร่อน
จานนี้ตัวไก่ย่างทำออกมาได้โอเค กลิ่นหอมไก่กับซอสเเซฟร่อนเข้ากันได้ดี เเต่ผมรู้สึกว่าเท็กเจอร์ไก่ที่เนื้อเด้งหนึบกับกับเม็ดไข่มุกมันเเปลกๆจริงๆนะ
จานต่อมาคือ leaves โดยเชฟใช้ หอยเป๋าฮื้อ,มะพร้าว,สาหร่ายสด,ใบเคอรี่และซอสจากงาดำพริกไทยดำ
จานนี้เป็นจานที่ทำออกมาได้ลงตัวดีเลยครับ เท็กเจอร์ตัวเป๋าอื้อที่กรอบเด้งไปกันได้ดีกับสาหร่ายสดเเละมะพร้าว เเต่ความยอดเยี่ยมของจานนี้อยู่ที่ตัวซอสที่นอกจากอร่อยยังเเสดงถึงตัวตนของสไตล์อาหารGagganได้ดี
รสมันเผ็ดร้อนของซอสพริกไทยดำที่ถูกเพิ่มมิติความหอมจากงาดำ ที่นอกจากตัดกับหวานของมะพร้าวได้ลงตัวเเละยังไปดีกับเป๋าฮื้ออีกด้วย
จานต่อมาเชฟเสริฟ์เเกะย่าง โดยทางร้านจะใช้เเกะจากออสเตรเลียที่กินเฉพาะมะกอกกับเเครอท รับประทานกับซอสพริก
ตัวเนื้อเเกะนั้นนุ่มเเละมันกว่าปกติ มันอาจจะค่อนข้างจะเลี่ยนสำหรับผู้ที่ไม่ชอบทานเเกะเช่นทีมงานอีกท่านของเรา เเต่สำหรับผมมันอร่อยดีเลยครับ ตัวซอสพริกรสเผ็ดร้อนนิดๆรสกลมกล่อมช่วยขับรสหวานเเละดับกลิ่นเเกะได้ดี ไม้ที่เผามาด้านล่างช่วยกลบกลิ่นสาปเเละขับความอยากอาหารได้ดี เป็นจานที่อร่อยดีเลยละครับ
จาน Rice เชฟเสริฟ์เป็นข้าวบาสมาติกับสารพัดเห็ด ผลเดทจากอิหร่านเเละถั่ว โดยเราจะคลุกเคล้าให้เข้ากันก่อนกิน
ความหอมเอิรธ์ตี้ของเห็ดนั้นตลบอบอวลทันทีที่เราเปิดฝาหม้อ รสเค็มนิดๆของข้าวตัดกับรสหวานของผลเดทเเละถั่วอย่างเข้ากัน จานนี้อร่อยดีครับ เเต่มันอิ่มมากๆเเล้วก่อนที่จะมาถึงจานนี้
ทีมงานอีกท่านของเราที่ไม่ค่อยชอบข้าวบาสมาติคิดว่ามันออกจะเเห้งไปนิดเวลาไม่ได้กินข้าวบาสมาติกับเเกง เเต่ผมว่ามันก็อร่อยเเบบเรียบๆดีไม่ได้ผิดพลาดอะไร
มาถึงของหวานกันเเล้วกับ จานเเรกอย่าง Emoji pineapple โดยเป็นเยลลี่น้ำเต้าหู้ น้ำสัปปะรดชามะลิ สาคูเเละดอกไม้
จานนี้เป็นจานที่ดีมากๆครับหลังจากผ่านศึกหนักอบ่างข้าวมา เต้าฮวยเเเบบGaggan นั้นเบาละมุนเเละอร่อย เนื้อมันๆของเต้าฮวย เข้ากันกับความหวานอมเปรี้ยวของตัวน้ำที่แอบแฝงรสขมนิดของของมะลิได้อย่างลงตัว อร่อยเเปลก เเละเจ๋งมากๆครับ
จานต่อมาเป็น Emoji Mushroom โดยเชฟเสริฟ์เป็นเห็ดพอชินี่เคลือบคาราเมล กับช็อคโกเเลตวิสกี้กานาช(Ganache)
ใครจะคิดว่าเห็ดจะเอามาทำเป็นของหวานได้ผมชอบชอบไอเดียการใช้เห็ดมาทำขนมหวานของGaggan เเต่จานนี้ตัวเด่นของมันคือช็อคโกเเลตที่ทำออกมาได้หอมวิสกี้ ขมนิดๆ ไม่หวานนัก ลงตัวมาก จนทำให้ความเด่นของเห็ดหมดไป
จานสุดท้ายในคำคืนนี้เป็น Emoji Cookie โดยมันประกอบด้วย แอปเปิ้ล แอปเปิ้ลมูส ยุสุเเยม แอปริคอตเเยม และผงดำสูตรลับของทางร้าน
จานนี้รสนัวๆมีความครีมมี่และความเปรี้ยวหวานโปร่งเบาจากแอปเปิ้ล สดชื่น เป็นจานที่อร่อยมากๆครับ ผมกินหมดจานด้วยความรวดเร็วเเม้จะอิ่มจนเเทบคลานเเล้ว
#Score:
🍾Service : 8/10
🍽Food: 8.25/10
🤩WOW factor: 9.5/10
💰Value for money: 8.5/10
Total: 8.55/10
⏰เวลาเปิดปิด: 18.00-1.00
💵ค่าเสียหาย: ~8000 baht++ Baht (Not include wine pairing)

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา