Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
World Maker
•
ติดตาม
14 ก.พ. 2020 เวลา 02:01 • ไลฟ์สไตล์
บทความสั้น ๆ กับข้อคิดดี ๆ EP2 : ปาฏิหาริย์มีจริงหรือไม่? ในทางพุทธศาสนา
"ปาฏิหาริย์" แปลตามความหมายได้ว่า "ความสามารถพิเศษ" แต่ในเชิงของความรู้สึกและความเป็นไปได้แล้วนั้นถือเป็นเรื่องน่า "อัศจรรย์"
แม้แต่หลาย ๆ คนก็คงเคยได้ยินเรื่องเล่าเกี่ยวกับปาฏิหาริย์ของพระสงฆ์ไทยมาแล้วมากมาย แต่ก็ไม่รู้ว่าจริงหรือไม่จริงกันแน่ เช่น
1. หลวงปู่ทวด สามารถเหยียบน้ำทะเลทำให้เป็นน้ำจืดได้
2. พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต สามารถรู้จิตใจผู้อื่น ปราบภูติผีปีศาจ ปราบสัตว์ร้ายให้เชื่องได้
3. หลวงพ่อวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ รู้จิตใจผู้อื่น
4. เรื่องราวของแม่ชีวัดปากน้ำปัดลูกระเบิดได้ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2
5. หลวงปู่แหวน สุจิณโณ เหาะได้ มีนักบินพบกลางอากาศ
แล้วปาฏิหาริย์ที่ว่า ๆ มาเนี่ย ตามหลักพุทธศาสนา มันมีจริงมั้ย ? มาดูกันครับ
World Maker ได้ทำการศึกษามาแล้ว และบอกได้ว่า "มี" ครับ
ปาฏิหาริย์ในทางพุทธศาสนามีอยู่ "3 อย่าง" นั่นก็คือ
1. อิทธิปาฏิหาริย์ หมายถึงการแสดงฤทธิ์ต่าง ๆ เหนือธรรมชาติได้เช่น ล่องหนหายตัว เดินผ่านฝาผนังหรือกำแพงได้ เดินบนอากาศได้ เป็นต้น
2. อาเทศนาปาฏิหาริย์ หมายถึง การรู้ความเป็นไปของสรรพสิ่งทั้งปวง เช่น การทายใจคนออกว่าคิดอะไร การยั่งรู้อดีตของคน การรู้ใจสัตว์ทั้งหลาย เป็นต้น
3. อนุสาสนีปาฏิหาริย์ หมายถึง การให้คำสอนผู้คนให้รู้แจ้งเห็นจริงในสัจธรรม นำผู้ฟังให้ละความชั่ว ทำความดี มีชีวิตที่ประเสริฐได้จริงในชีวิตนี้
ตามประวัติศาสตร์และบันทึกพระไตรปิฎกนั้น พระพุทธเจ้าทรงตรัสไว้ว่า ทั้ง 3 สิ่งนี้ "เป็นไปได้จริง" แต่...!!
ปาฏิหาริย์อย่างที่ 1 และ 2 นั้น ในภายหลังพระพุทธเจ้าทรง "สั่งห้าม" มิให้พระภิกษุสงฆ์ที่บรรลุแล้ว แสดงให้สาธารณะเห็นหรือรับรู้อย่าง "เด็ดขาด" เนื่องจากเป็นดาษสองคม นั่นก็คือ หากนำปาฏิหาริย์ทั้ง 2 อย่างแรก ไปใช้ในทางที่ดีจึงจะเป็นผลดีมหาศาล แต่ถ้าหากมีเจตนาร้าย นำไปใช้ในทางที่ผิดเช่น หลอกลวงคนอื่น ปล้นทรัพย์ หรือกระทำการใด ๆ ที่ผิดศีล ก็จะก่อให้เกิดผลเสียหายอย่างมหาศาลด้วยนั่นเอง !
1
ส่วนผลเสียที่เกิดกับประชาชนก็คือ หากใครได้เห็นปาฏิหาริย์ทั้ง 2 อย่างนี้ก็จะก่อให้เกิด "ศรัทธา" ที่มากเกินไป และตามมาด้วย "กิเลส" ในการอยากให้ตัวเองมีฤทธิ์เดช ซึ่งเป็นการมุ่งเน้นไปที่ปาฏิหาริย์มากกว่าการใส่ใจ "หลักธรรมคำสอน" ของพระพุทธเจ้า ซึ่งถือเป็น "ธรรมะ" ที่ "ประเสริฐ์ที่สุด" แล้วนั่นเอง
แต่ในทางกลับกันหากผู้ที่ได้เห็นแล้วไม่เชื่อ ก็จะทำให้ "เสื่อมศรัทธา" หาว่าพระภิษภุสงฆ์นั้น "หลอกหลวง" โดยการเล่นกลอะไรสักอย่าง และจะเกิดการพูดปากต่อปากกันต่อไป ทำให้พุทธศาสนาเสื่อมเสียเป็นวงกว้าง
คำสอนจากซีรี่ย์เรื่อง พระพุทธเจ้า มหาศาสดาโลก
พระพุทธเจ้าจึงทรงยกย่องปาฏิหาริย์อย่างที่ 3 ว่าเป็นปาฏิหาริย์เพียงอย่างเดียวที่ประเสริฐอย่างบริสุทธิ์ไร้มลทิน นั่นก็คือ "อนุสาสนีปาฏิหาริย์" หรือ การให้คำสอนที่ทำให้ผู้คนสามารถมองเห็น "ความจริงอันประเสริฐ" และเข้าถึง "หลักธรรมะ" ของพระพุทธเจ้าได้นั่นเอง ผู้ใดที่สามารถสอนให้คนอื่นสามารถเข้าถึง "นิพพาน" ได้ จึงจะถือเป็น"ผู้ประเสริฐ" และ "ผู้มีปาฏิหาริย์" อย่างแท้จริง
แล้วเราควรทำตัวยังไงต่อเรื่องปาฏิหาริย์ ?
1. ให้รู้ว่าเรื่องเหนือธรรมชาตินั้นมีจริง ทั้งทางวิทยาศาสตร์และทางจิตใจ อย่าเพิ่งไปปฏิเสธ และอย่าเพึ่งไปศรัทธา เพราะความรู้ปัจจุบันของมนุษย์เรานั้นยังจำกัดอยู่มาก เช่น ถ้าเราไปบอกคนเมื่อ 300 ปีก่อนว่า เราอยู่ไทยแล้วสามารถคุยกับคนที่อยู่อเมริกาได้ เขาจะไม่เชื่อ หาว่าเราบ้า บ้างก็จะว่าเราหลอกลวงต่าง ๆ นา ๆ เพราะความรู้ในสมัยนั้นยังไปไม่ถึงสิ่งที่เรียกว่า "โทรศัพท์มือถือ" และ "ระบบดาวเทียม" ความรู้เขายังจำกัดอยู่ แต่พอปัจจุบันมันแทบกลับกลายเป็นเรื่องที่เชยไปแล้วด้วยซ้ำ
2. ต้องเข้าใจว่าปาฏิหาริย์จะมีประโยชน์ ต่อเมื่อเกิด "ศรัทธา" ที่ไม่มากเกินไปจน "หลงผิด" ไม่อยากนั้นจะเกิดโทษมหาศาล
3. อย่าลุ่มหลงในปาฏิหาริย์แบบหวังผล เช่น ขูดต้นตะเคียนขอหวย ไหว้งู 2 หัว ไหว้จอมปลวก หรือแม้แต่ศาลเจ้าพ่อเจ้าแม่ต่าง ๆ เพื่อขอพร โดยที่เราไม่ได้ทำความดี ไม่ได้สร้างบุญเลย แบบนี้เรียกว่า หลงในปาฏิหาริย์ไปแล้ว นอกจากไม่ทำให้เกิด "ปัญญา" แล้วยังทำให้ "เสื่อมปัญญา" อีกด้วย
คำสอนจากซีรี่ย์เรื่อง พระพุทธเจ้า มหาศาสดาโลก
ทิ้งท้ายเพื่อเตือนใจ
1. บทความนี้ไม่ได้ชี้นำหรือแนะนำให้เกิดความเชื่อ แต่ต้องขอเตือนอย่างเป็นกลางว่า "อย่าหลงในความรู้วิชาการสมัยใหม่" มากเกินไปเช่นกัน อย่าเพึ่งปฏิเสธหรือดูหมิ่นปาฏิหาริย์ทุกอย่างว่าไม่มีจริง ต้องฟังหูไว้หู เพราะความรู้ของมนุษย์ในปัจจุบันยังน้อยนัก เรื่องจริงในจักรวาลที่ความรู้ทั้งหมดในปัจจุบันยังไปไม่ถึง และยังอธิบายไม่ได้มีอยู่อีกมาก หากเราอาศัยความไม่รู้ไปโจมตีกล่าวร้ายต่อผู้มีคุณธรรมสูงอย่างพระพุทธเจ้า พระเถระทั้งหลาย ก็ถือเป็นเรื่องไม่ควร ไม่คุ้ม ไม่เชื่อก็ต้องลองเอง ศึกษาเอง พบเจอด้วยตัวเอง อย่าเพิ่งลบหลู่ และอย่าเพึ่งศรัทธา เป็นกลางเข้าไว้
2. อย่าให้อิทธิปาฏิหาริย์มาบดบังอนุสาสนีปาฏิหาริย์ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือตั้งใจทำความดี และหากไม่เชื่อในอิทธิปาฏิหาริย์ ก็วางใจเป็นกลางๆ อย่าเพิ่งปฏิเสธ เลิกยึดติดในอัตตาของตนเอง แล้วตั้งใจศึกษาในส่วนคำสอนดู มันไม่มีอะไรเสียหาย ชีวิตเราจะมีความสุขมากกว่าการปฏิเสธอิทธิปาฏิหาริย์แล้วพาลดูถูก ปฏิเสธคำสอนที่ดีๆ ในชีวิต ไม่ใช่แค่คำสอนของศาสนาพุทธ แต่สิ่งนี้ใช้ได้กับคำสอนของทุกศาสนา
คำสอนจากซีรี่ย์เรื่อง พระพุทธเจ้า มหาศาสดาโลก
การกดไลค์ กดแชร์ กดติดตาม และการติชมบทความในเชิงสร้างสรรค์ของคุณ เป็นกำลังใจให้เราและเหล่าอาชีพนักเขียนทุกคนในการพัฒนาผลงานให้ดียิ่งขึ้นต่อไป ขอบคุณมากครับ
ขอเชิญทุกท่านร่วมสร้างสังคมการเรียนรู้ที่ดีด้วยกันกับเรา
World Maker
Reference
1.
https://www.tnews.co.th/religion/300404/3ปาฏิหาริย์ที่พระพุทธเจ้าสอนไว้!-และปฏิหาริย์แบบใดเป็นปาฏิหาริย์ที่พระองค์สรรเสริญ-
2.
https://www.facebook.com/BuddhaSamakkee/photos/a.172553942948731/225443167659808/
3.
https://www.dhammahome.com/webboard/topic/19730
4.พระไตรปิฎกเล่มที่ ๙ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑ ทีฆนิกาย สีลขันธวรรค
7 บันทึก
52
3
17
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
Life - ชีวิต
7
52
3
17
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย