14 ก.พ. 2020 เวลา 14:01 • ธุรกิจ
🔥เจ้าของธุรกิจพันล้าน ที่เคยเป็น กรรมกร รับจ้างตัดหญ้า เรียนไม่จบป.6 และต้องมาต่อยมวยตามงานวัด
แต่ทุกวันนี้ เขามีทรัพย์สินกว่าพันล้านบาท รวยกว่าเชฟเอียน เชฟกระทะเหล็กประเทศไทยแล้ว
Ironchef
เชฟบุญธรรม หรือ คุณบุญธรรม ภาคโพธิ์ เจ้าของธุรกิจร้านอาหาร "โอชิเน" ร้านอาหารญี่ปุ่นที่สร้างรายได้กว่า 100 ล้านบาทต่อปี
เชฟบุญธรรมเกิดในอำเภอเขมราฐ จังหวัดอุบลราชธานี
ในวัยเด็กเชฟบุญธรรม ต้องปากกัดตีนถีบอย่างมาก แม่ของเขาก็แยกทางกับพ่อแท้ๆตั้งแต่เขาอยู่ในท้องและย้ายมาอยู่กับพ่อเลี้ยงแทน เชฟบุญธรรมเป็นลูกชาวนา ต้องช่วยแม่ทำงานตั้งแต่เด็ก
เมื่อหมดหน้านาก็ไปทำอาชีพรับจ้างทั่วไป เมื่อเข้าสู่ชั้นประถม เชฟบุญธรรมได้เรียนแค่ถึงชั้นป.6 เท่านั้นก็ไม่มีเงินเรียนต่อ เพราะแม่ของเขาเกรงใจพ่อเลี้ยงที่ต้องมาส่งเขาเรียน ก็เลยให้เขาหยุดเรียนไป
ทำให้เชฟบุญธรรมได้ไปบวชเรียนต่อที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เมื่อตอนบวชเชฟบุญธรรมตั้งใจเรียนอย่างหนัก เพื่อจะสอบเปรียญธรรมให้ครบ9ประโยค ก่อนอายุ21 ปี เพื่อที่จะเป็นนาคหลวง
แต่เมื่อเขาอายุ21 ปีเชฟบุญธรรมก็ต้องผิดหวัง เพราะไม่มีรายชื่อเขาสอบผ่านอยู่ในใบรายชื่อ และเมื่อนี้ไม่ใช่เส้นทางของเขา เขาจึงตัดสินใจ บอกลาหลวงพ่อ และสึกออกมา
เมื่อเชฟบุญธรรมกลับมาบ้านนั้นตรงกับช่วงฤดูแล้งพอดี ทำให้เชฟบุญธรรมต้องรับจ้างสารพัด ทั้งตัดหญ้า ขุดตอไม้ และเลี้ยงวัว เป็นกรรมกรก่อสร้างหรือแม้แต่ชกมวยตามงานวัด ซึ่งนี่ถือเป็นอีกหนึ่งจุดเปลี่ยนของเชฟบุญธรรมเลยก็ว่าได้ เพราะ เขาตั้งใจกับอาขีพชกมวยมาก จนถึงขั้นว่าฝึกซ้อมอย่างหนัก จนชกชนะรวดทีเดียว4ยกเลยทีเดียว เรียกได้ว่างานใช้แรงงานทั้งหมดเขาเคยผ่านมาหมดแล้ว
Thairat.com
เมื่อเข้าสู่ช่วงทำนา เชฟบุญธรรมก็ไม่ได้รับจ้างอื่นๆอีกแม้แต่การชกมวยที่เขาชื่นชอบ เพราะไม่ค่อยมีงานวัดในช่วงทำนา จนกระทั่งวันหนึ่งญาติของเขามาชวนไปทำงานที่กรุงเทพ เชฟบุญธรรมตกลงไปทันที ด้วยความคิดเพียงแค่ว่าถ้าหากไปกรุงเทพอาจจะได้ชกมวยอีกครั้ง เพราะที่กรุงเทพมีค่ายมวยเยอะมากนั่นเอง
...และชีวิตของเชฟบุญธรรม เชฟอาหารญี่ปุ่นที่รวยที่สุดในประเทศไทย ก็ได้เริ่มก่อกำเนิดขึ้น
IronChef
เมื่อเข้าสู่จังหวัดกรุงเทพ เชฟบุญธรรมได้โอกาสเข้าทำงานในร้านอาหารญี่ปุ่น ซึ่งได้เป็นถึงตำแหน่งผู้ช่วยกุ๊ก แต่ด้วยความที่เขาทำเป็นแค่ต้มไข่ กับ ตำส้มตำ เขาจึงไม่สามารถช่วยเชฟได้จริงๆ จึงได้ไปทำงานล้างจานแทน
เมื่อทำงานล้างจานมาได้ซักพัก เชฟบุญธรรมเริ่มรู้งานในห้องครังมากขึ้นจากรุ่นพี่ที่ช่วยสอน อย่างวัตถุดิบต่างๆ ที่เชฟญี่ปุ่นสั่งให้ไปล้างและเอาไปเก็บ ก็ต้องรู้ว่า มันคืออะไร ล้างยังไง เก็บยังไง ทำให้เขาได้เรียนรู้เรื่องใหม่ๆอยู่ตลอดเวลาจากรุ่นพี่ของเขา จนเวลาร่วงเลยมาถึง 6 เดือน ด้วยความที่เขาเป็นคนใฝ่เรียนรู้ เขาจึงไปแอบถามรุ่นพี่ผู้ช่วยเชฟ ให้ช่วยสอนทำอาหารเป็นบางเมนู จนเขาสามารถทำอาหารญี่ปุ่นได้หลายอย่าง
ในร้านอาหารญี่ปุ่นที่เชฟบุญธรรมไปทำงานล้างจานนั้น จะมีเชฟใหญ่ซึ่งเป็นคนญี่ปุ่น ที่เป้ะกับการทำ
อาหารมากๆ เชฟใหญ่จะไม่ยอมให้ใครทำอาหารไปเสิร์ฟจนกว่าจะมีฝีมือถึงขั้น
แต่แล้วโอกาสพลิกชีวิตก็มาถึง เมื่อวันหนึ่งเชฟบุญธรรมได้มาเปิดร้านอาหารและเตรียมของแต่เช้า แต่ในวันนั้นกลับไม่มีเชฟคนไหนมาทำงานเลยนอกจากเขา และดันเป็นวันที่ลูกค้าเยอะมาก ทำให้เชฟใหญ่ซึ่งทำอาหารอยู่คนเดียวทำไม่ทัน
เชฟใหญ่จึงต้องยอมให้เชฟบุญธรรมช่วยทำแบบไม่เต็มใจนัก เพราะไม่มีใครช่วยอีกแล้วนอกจานเด็กล้างจานคนนี้
จนวันนั้นเชฟใหญ่ต้องเรียกเขาไปคุย โดยปกติเชฟใหญ่เป็นคนที่เป้ะ และดุมาก ไม่ค่อยชมใครง่ายๆ แต่วันนั้นเขาเอ่ยปากชมเชฟบุญธรรมว่า ขนาดไม่เคยทำอาหารมาก่อน ยังทำได้สวยและอร่อย สามารถช่วยเชฟใหญ่ได้ จึงได้เป็นผู้ช่วยเชฟในที่สุด
เชฟบุญธรรมเป็นคนที่รักการเรียนรู้ และรักการทำงานมาก เขาอยากได้ประสบการณ์ใหม่ๆในการทำอาหารญี่ปุ่น เลยเปลี่ยนที่ทำงานไปเรื่อยๆ จนประสบการณ์เริ่มมากขึ้นทุกวัน ได้ก้าวหน้าขึ้นเป็นตำแหน่งหัวหน้าเชฟ
ในช่วงที่น่าจะเป็นจุดสูงสุดของชีวิตแล้วนั้น เขาดันโชคร้าย มาประสบอุบัติเหตุ ขาเดินไม่ได้ จนต้องลาออกจากงานไป เดือนกว่าๆ ในตอนนั้นเขาเสียใจมาก เพราะเขามีภรรยา และมีลูกต้องดูแล ไหนจะพ่อแม่ของเขาอีก
สุดท้ายเขาเลยฉุกคิดได้ว่าเขาควรจะต้องมีงานเสริมของเขาเอง เพื่อเลี้ยงครอบครัว เพราะในสภาพแบบนี้คงไม่มีใครรับเข้าทำงาน ใช่แล้วเขาคิดจะเปิดธุรกิจของตัวเองตั้งแต่ตอนนั้น
เชฟบุญธรรมเปิดธุรกิจมาแล้วหลายธุรกิจ ทั้ง
ร้านก๋วยเตี๋ยว ร้านคาราโอเกะ แต่ก็ไม่ได้สำเร็จอย่างที่คิดไว้ จนมาเริ่มเปิดธุรกิจนำเข้าวัตถุดิบอาหารญี่ปุ่น ที่เน้นความซื่อสัตย์ต่อลูกค้า สด ใหม่ ตลอด ซึ่งรายได้ค่อนข้างดี จนสุดท้ายเขาผันตัวมาเปิดร้านอาหารญี่ปุ่นของตัวเอง เพราะมีลูกค้าที่คิดถึงรสชาติซูชิที่เขาเคยปั้น
Oshinei
เมื่อเข้าสู่วงการร้านอาหารญี่ปุ่น เชฟบุญธรรม เหลือเงินทุนไม่มากนัก เพราะต้องล้มลุกคลุกคลานกับธุรกิจก่อนหน้ามาเยอะ จนเงินเก็บ และเงินทุน หายไปเยอะ
ในเดือนแรกที่เริ่มทำร้านอาหาร ร้านเขาแทบไม่มีลูกค้าเลยและเกือบจะไม่รอดแล้ว จนต้องโทรหาคนรู้จักให้มาช่วยกิน เพื่อพยุงธุรกิจเอาไว้ และเขายังต้องโทรไปหาลูกค้าคนสนิทเพื่อขอยืมเงินมาพยุงร้านแต่โดนปฏิเสธ
ในเดือนที่3 ของการเปิดร้าน ด้วยอาหารคุณภาพจากฝีมือที่สะสมมา กับวัตถุดิบคุณภาพเยี่ยม ทำให้ร้านอาหารญี่ปุ่นของเขาในแบรนด์ "โอชิเน"มีลูกค้าหลั่งไหลเข้ามามากขึ้นเรื่อยๆ จากการบอกปากต่อปาก
Ironchef
และนอกจากนั้นเชฟบุญธรรมยังได้เข้าร่วมการแข่งขันในรายการระดับประเทศอย่าง "เชฟกระทะเหล็ก" ทำให้เริ่มมีชื่อเสียง และร้านของเขาต้องขยายสาขาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เพื่อรองรับลูกค้า จนปัจจุบันมีมากกว่า7สาขาแล้ว ทำรายได้ต่อปีทะลุ100ล้านบาทเลยทีเดียว และเขาได้เปิดค่ายมวย "ศิษย์เชฟบุญธรรม" เพื่อเติมเต็มความฝันในวัยเด็กของเขาอีกด้วย
Thairat.com
เรื่องราวของเชฟบุญธรรม สอนให้เรารู้ว่า ไม่ว่าเราจะเกิดมาจากที่ไหน เป็นคนภาคไหน มีพื้นฐานหรือไม่ มันไม่ใช่ปัญหาเลย ถ้าหากเรามีความขยัน ซื่อสัตย์ และอดทนกัดฟัน ด้วยหลักการง่ายๆแบบนี้แหละ ไม่มีเคล็ดลับความสำเร็จอะไร อยู่ที่ว่าคุณจะทำหรือไม่แค่นั้นเอง
ซึ่งทางStandUpDaily ขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนในสังเวียนของนักสู้ ผู้ไม่ยอมแพ้ต่อโชคชะตา
โฆษณา