Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
ธรรมส่องปัญญา
•
ติดตาม
15 ก.พ. 2020 เวลา 14:15 • การศึกษา
#ความเชื่อผิดๆเกี่ยวกับความรัก (#^_^#)
"ความรักแบบโรแมนติก" คงประกอบไปด้วย #ความอยากได้ในทางเพศ เป็นธรรมดา "ความอยาก" หรือ "ความต้องการ" เรียกว่าเป็น #กิเลส เพราะเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาความสงบและปัญญา
แต่ในเมื่อเป็นส่วนหนึ่งของ #ชีวิตคู่ ฆราวาสควรควบคุมมันให้ดี ไม่หลงใหล ไม่ตกเป็นทาสของมัน ไม่ให้ #กาม เป็นศูนย์กลางของชีวิตคู่ เพราะกามมีจุดเบื่อ และเมื่อจุดเบื่อของทั้ง 2 คนไม่ตรงกัน กามจึงเป็นเหตุให้เกิดความทะเลาะวิวาท ความขัดข้องใจ ความน้อยใจ ความเคืองใจได้ง่าย
ยิ่งกว่านั้น... ความมักมากในกาม อาจนำไปสู่การนอกใจได้ ซึ่งเป็นบ่อนทำลายความสงบ และความไว้ใจในบ้าน #อาจทำให้คู่ที่เคยรักกันมากไม่อยากเห็นหน้ากันอีกเลย และหย่ากันในที่สุด!!
สำหรับ #คู่ที่มีลูกแล้ว ผลกระทบของ "การผิดศีลข้อ 3" ก็ยิ่งหนักขึ้น อาจจะมีผลร้ายต่อความสุขและสุขภาพจิตของลูกในระยะยาว ผู้ที่ผิดศีลข้อที่ 3 มักจะมีข้ออ้างอยู่เสมอ
#ผู้ชาย ชอบอ้างธรรมชาติของความต้องการทางเพศ #ผู้หญิง ชอบอ้างความรัก ทั้ง 2 ฝ่ายไม่ยอมรับผิดชอบต่อการกระทำของตัวเอง อยากจะให้เข้าใจว่า #ไม่ใช่ฉันทำ ความต้องการของร่างกายพาทำ!! หรือความรักพาทำ!!
จริงอยู่... ปุถุชนธรรมดาต้องเผชิญหน้ากับความยั่วยุจากร่างกายหรืออารมณ์เป็นประจำ แต่จะถึงขั้นละเมิดศีลจริงๆ ขอพูดตรงๆว่าเป็นเพราะ "อยากละเมิด" ไม่ใช่อย่างอื่น
ถ้าคนเรา #รักษาศีล เฉพาะเวลาที่ไม่มีกิเลส ศีลก็คงไม่ใช่ศีล!! เพราะศีล คือ #เจตนางดเว้น มีหน้าที่เป็นรั้วกันบาปกรรม การฝึกความอดทน ความยับยั้งชั่งใจ #โดยมีศีลเป็นเครื่องระลึกของสติ เป็นทางสู่การเลี่ยงกรรมชั่ว
#การแต่งงาน น่าจะหมายถึงว่า "เราสัญญากับสามีหรือภรรยาว่าจะไม่หากามสุขนอกบ้าน" คือ ยอมเสียสละความสุขในทางนี้บ้างเพื่อ #ความถูกต้องต่อคู่ครอง และเพื่อเสวยความสุขในการเป็นผู้ตรง ไม่หลอกลวง ไม่ทรยศ
เพื่อความภูมิใจและความเคารพนับถือตัวเองว่า #เป็นผู้ทรงศีล และ "ศีล" นี่แหละที่เป็นฐานของ #การเข้าถึงความสุขของสมาธิ ซึ่งเลิศกว่ากามสุขอย่างเทียบไม่ได้เลย!!
เมื่อแต่งงานแล้ว... จะอยู่ในโลกโดยไม่เกิดความรู้สึกชอบใคร หรือไม่รู้สึกในเสน่ห์ดึงดูดของใครเลยคงเป็นไปได้ยาก เราห้ามความรู้สึกไม่ได้หรอก!! แต่สิ่งที่เราห้ามได้คือ "กาย - วาจา"
ไม่ทำหรือพูดสิ่งใดที่จะเติมเชื้อของ "ความรู้สึกนั้น" เช่น พูดคุย 2 ต่อ 2 คุยทางโทรศัพท์ อีเมล์ ฯลฯ ไม่ส่งเสริมให้คนที่เราชอบคนนั้นคิดผิดหรือ ทำผิด และที่สำคัญยิ่งคือ ไม่ยินดีในความรู้สึกนั้น ไม่คิดปรุงแต่งด้วยอำนาจของความยินดี
#ผู้มีความละอายต่อบาป เกรงกลัวต่อบาป มีสัจจะ มีความอดทน ย่อมมองว่ากามเป็นไฟเผาลนใจ #ผู้รักความถูกต้องย่อมชนะใจได้ พอความรู้สึกนั้นหายไปแล้วก็จะได้ปัญญาว่า "เป็นของแค่นั้นแหละ"
# พระอาจารย์ชยสาโรภิกขุ
บันทึก
1
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย