16 ก.พ. 2020 เวลา 15:40 • ไลฟ์สไตล์
หลายคนเคยได้ยินคอนเซปต์ Sharing Economy หรือระบบเศรษฐกิจบนพื้นฐานการแบ่งปัน แต่คอนเซปต์นี้เป็นจริงได้แค่ไหนเมื่อทุกคนยัง “อยาก” และ “จำเป็น” ต้องมีทรัพย์สินของตัวเอง
Wellington เมืองหลวงของ New Zealand ทำให้เรื่องนี้เกิดขึ้นได้สำหรับ Jump Scooter
สกูตเตอร์ที่ใช้เท้าถีบกับพื้นและมีมอเตอร์ช่วยผ่อนแรง (Jump Scooter) เป็นวิธีเดินทางยอดฮิตในเมืองที่มีเนินเขามากมายแห่งนี้ และ Uber บริษัทผู้ให้บริการแอปพลิเคชั่นสำหรับเรียกแท็กซี่รายใหญ่ก็ก้าวเข้ามาเป็นผู้เล่นสำคัญในตลาด โดยให้บริการ Jump Scooter ให้เช่าที่จอด “ทิ้ง” ไว้แทบจะทุกแห่งในเขตเมือง
มี Scooter จอดทิ้งไว้เต็มเขตเมืองไปหมดเลย
วิธีการใช้งานแสนง่าย เพียงเปิดแอปพลิเคชั่นบนมือถือ ระบบจะมองหา Jump Scooter ที่ว่างอยู่ใกล้ๆ พร้อมบอกว่ามีไฟฟ้าเหลือในแบตเตอรี่มากน้อยแค่ไหน วิ่งได้ไกลเท่าไหร่ ถ้าพอใจก็รีบกดจองแล้วเดินตามแผนที่ซึ่งแสดงในมือถือไปรับรถได้เลย
คันนี้อยู่ห่างไปแค่ 5 นาที มีไฟฟ้าพอสำหรับ 28 กม. กดจองไว้ได้เลย
เมื่อเดินมาถึงที่รถจอดอยู่ สิ่งที่ต้องทำก็แค่ยกมือถือขึ้นสแกน QR Code ซึ่งติดอยู่กับรถเพื่อปลดล็อค เท่านี้ Jump Scooter ก็จะเป็นของคุณที่จะไถไปไหนก็ได้ตามใจ เมื่อถึงที่หมายก็จอดทิ้งไว้พร้อมกดแอปแจ้งจบการใช้ ระบบจะหักเงินจากบัตรเครดิต เป็นอันเสร็จพิธี รถคันนี้ก็จะว่างให้คนอื่นมาใช้บริการต่อไป ขอแค่ไม่จอดกีดขวางทางจราจร ไม่จอดในที่ห้ามจอด เท่านั้นเป็นพอ
เจอแล้วนี่ไง สภาพพร้อมใช้งาน
สนนราคาค่าใช้บริการคิดเป็นนาที ซึ่งเมื่อเทียบกับค่าครองชีพของประเทศพัฒนาแล้วแห่งนี้ถือว่าไม่แพงเลย และขนาดเมืองที่ไม่ใหญ่ ฟุตบาทมีทางลาดทุกมุมถนน ถือว่าสะดวก รวดเร็ว จอดได้ทุกที่ไม่ต้องมองหาที่คืนรถเหมือนบริการเช่าจักรยานตามเมืองใหญ่หลายแห่ง แถมยังไม่ต้องต้องแบก Scooter ส่วนตัวขึ้นไปตั้งไว้ข้างโต๊ะทำงาน และที่สำคัญ รถเหล่านี้มีทะเบียนและมีประกันอุบัติเหตุพร้อมสรรพ
สแกน QR Code แล้ว ก็ Good to Go!!!
Sharing Economy คงเป็นจริงได้ถ้าคนในสังคมช่วยกันดูแลรักษาของที่มีไว้ใช้ร่วมกัน ปรับ Mind Set ความต้องการเป็นเจ้าของทรัพย์สิน และการสนับสนุนของภาครัฐ อย่างเช่นที่กำลังเกิดขึ้นในเวลลิงตันนี้
โฆษณา