18 ก.พ. 2020 เวลา 03:32 • ท่องเที่ยว
เสียงสะอื้น จากอีกัวสุ
จากริโอ เดอ จาไนโร เมืองหลวงเก่าของบราซิล
สู่ดินแดนทางใต้ส่วนที่ติดกับประเทศอาร์เจนตินาและปารากวัย
ความยิ่งใหญ่ของ อีกัวสุ
มองออกไปนอกหน้าต่างเครื่องบิน ท่ามกลางผืนสีเขียวของป่าไม้สุดสายตา
เราเห็นสิ่งที่ดูเหมือนหมอกกลุ่มใหญ่อยู่เหนือป่าไม้
แต่เมื่อเขม้นมองให้ดีจึงเห็นว่าเป็นละอองน้ำจากน้ำตกที่ฟุ้งสูงขึ้นบนอากาศ
ซึ่งแน่นอนว่าต้องเป็นน้ำตกขนาดใหญ่มหาศาล
เพราะขนาดมองจากเครื่องบินยังเห็นได้ในระยะไกล
เมืองและสนามบินเกิดขึ้นเพื่อรองรับนักท่องเที่ยว ที่จะมาชมน้ำตกขนาดใหญ่นี้
บาติสตา คนนำทางท้องถิ่นชาวบราซิลคุยให้เราฟังด้วยความภาคภูมิใจว่า
น้ำตกแห่งนี้ใหญ่ที่สุดในโลก!
เป็นหนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ทางธรรมชาติ
ซึ่งแม้จะเห็นได้จากทั้งสามประเทศ
คือ บราซิล อาร์เจนตินา และปารากวัย
แต่มุมมองที่สวยและยิ่งใหญ่ที่สุด
ต้องมองจากบราซิล เท่านั้น !
จากโรงแรม Tropical Das Caratas ที่พักซึ่งไม่ไกลจากน้ำตก
เราต้องเดินทางโดยรถจี๊ป
ผ่านป่าดงดิบอันอุดมสมบูรณ์ปราศจากการตัดทำลายไปสู่ท่าเรือเล็กๆ...
เดินทางสู่อีกัวสุ ด้วยรถจี๊ป ผ่านป่าไม้ สู่อีกัวสุ
ที่ท่าเรือ
เราต้องสวมเสื้อกันฝนก่อนจะสวมชูชีพทับลงไป และต้องเก็บของที่เปียกไม่ได้ลงในถุงพลาสติคก่อนที่จะลงเรือ
คนขับเรือพาเราไปลอยลำชมความงดงามของน้ำตกอยู่ครู่ใหญ่ก่อนจะเตือนให้เราเก็บสิ่งของและยึดตัวเองกับเรือให้ดี
หลังจากน้ำ...เขาขับเรือยางเฉียดเข้าใกล้สายน้ำตก
ละอองน้ำพุ่งเข้าใส่ตัวเราอย่างรุนแรง
บางคนนั่งนิ่งด้วยความกลัวในขณะที่บางคนกรีดร้อง
และบางคนส่งเสียงเฮฮาด้วยความมันสะใจ
เมื่อคนขับพาเรือออกมาพ้นกระแสน้ำตก เราหันไปยกนิ้วหัวแม่มือให้เขา
คนขับเรือตั้งลำ แล้วพาเรือพุ่งเข้าหาน้ำตกอีกครั้ง เรียกเสียงเฮฮาและกรีดร้องอีกหน
พอเรือออกมาพ้นสายน้ำ เราหันไปยกหัวแม่มือให้อีกครั้ง เขาตั้งเรือแล้วพาเรือพุ่งเข้าสู่น้ำตกอีกเป็นเที่ยวที่สาม !
ชักเอะใจว่าเรือลำอื่นเขาเล่นน้ำตกกันลำละเที่ยวเดียว
ลำที่เรานั่ง ซัดเข้าไปสามเที่ยว
หรือที่เรายกหัวแม่มือให้คนขับเรือจะแปลว่า พวกเรากำลังมัน และส่งสัญญาณ...
“ขออีกที”
หรือไม่ก็คนขับเรืออยากให้เราสนุกกันเต็มที่
จึงลองยกหัวแม่มือดูอีกที ...
คราวนี้เราได้เที่ยวที่สี่จริงๆ
และเป็นเที่ยวที่เขาขับเรือพุ่งเข้าใกล้กระแสน้ำมากที่สุด
แน่นอนว่าเสียงกรีดร้องจากคนกลัวและเสียเฮสะใจจากคนชอบความมัน ดังกว่าทุกเที่ยว
พอเรือผละออกมาจากสายน้ำ คนขับสบตาเราเหมือนจะถามว่า
“เอาอีกไหม”
เฉยครับ คราวนี้พวกเราทุกคนนั่งเฉย
ไม่มีใครยกหัวแม่มือ หรือสบตาคนขับอีกเลย
เขาจึงพาเรือกลับ
บราซิลเป็นประเทศเดียวในอเมริกาใต้ที่ใช้ภาษาโปรตุเกศ
เราจึงสื่อสารกับคนพื้นเมืองได้ยาก
บาติสตา คนนำทางชาวบราซิล บอกว่า
จากโรงแรมที่พัก เราสามารถเดินไปดูน้ำตกในอีกมุมมองหนึ่ง
เขาพาเดินไปตามทางเดินเล็กๆลัดเลาะไหล่เขาผ่านป่าไม้อันร่มรื่น
ตะกวดตัวย่อม ๆ นอนผึ่งแดดมองเราอย่างไม่อนาทร แม้เราจะเดินไปใกล้ๆ
มันอาจคิดว่าเราเป็นตระกูลใกล้เคียงกัน!
นกที่มีปีกและหลังดำเหลือบน้ำเงินเป็นมันตัดกับขนใต้ท้อง ขา และปลายหางสีขาว มีขนหัวตั้ง
มันเกาะกิ่งไม้อยู่ใกล้แทบเอื้อมมือถึง
เจ้านกแสนสวยสีน้ำเงิน เสียดายที่โฟกัสพลาด เพราะความรีบร้อน
ไม่ห่างกันนัก
นกที่เหมือนกับนกเงือกบ้านเรา แต่มีปากใหญ่สีแดงสดฝูงใหญ่เกาะอยู่บนต้นไม้ไม่สูงนัก
คล้ายนกเงือก แต่เชื่องมาก ผิดกับนกเงือกบ้านเรา
ตัวอะไรสักอย่างขนาดแมวตัวใหญ่ๆ หน้าแหลมเหมือนหมาจิ้งจอก
ลำตัวสีเทาหม่น หางเป็นพวงฟูงาม
มีลายเป็นปล้อง สองตัว
ขุดคุ้ยดินอยู่ข้างทาง
สิ่งที่มันกัดดึงขึ้นมาจากดินเป็นไส้เดือนตัวอ้วน
มันกล้าขนาดพากันเดินเข้ามาหาและใช้จมูกดุนกระเป๋าสะพายที่เราวางไว้ สักพักมีเสียงแกรกกรากจากข้างทาง แล้วลูกตัวน้อยของมันสองตัวก็โผล่หน้าบ้องแบ๊วออกมาจากพงหญ้าข้างทาง เอียงคอมองเราอย่างสงสัย
ตัวอะไร เรียกไม่ถูก
ลูกน้อยสองตัว
เสียงน้ำตกดังกึกก้อง
ละอองน้ำเป็นฟุ้งฝอยลอยขึ้นบนอากาศ
มันโปรยปลิวไปทั่วตามแต่กระแสลมจะพาไป สร้างความชุ่มชื้นแก่ป่ารอบด้าน
บาติสตา บอกว่าน้ำตกใหญ่ที่สุดในโลกแห่งนี้ ครอบคลุมพื้นที่มากกว่าน้ำตกไนแองการาที่ชายแดนสหรัฐ และแคนาดาถึงสองเท่า
มีน้ำตกถึง 275 สาย
ถ้าไม่มีป่าและน้ำตกอันน่าอัศจรรย์แห่งนี้ ก็คงไม่มีเมือง ไม่มีสนามบิน ไม่มีธุรกิจโรงแรม
นักธรณีวิทยาอาจอธิบายถึงการเกิดของน้ำตกอันยิ่งใหญ่นี้ด้วยวิชาการ
แต่ชาวพื้นเมืองเชื้อสายอินเดียแดงเล่าถึงการเกิดของมันด้วยตำนาน
บาติสตา คนนำทางท้องถิ่นเล่าเรื่องการเกิดน้ำตกแห่งนี้ระหว่างเดินกลับที่พัก
ตั้งแต่ครั้งที่ “ตาโรบา”
ผู้แข็งแรงดุจกระทิงเปลี่ยว
ลูกชายของ “อีโกบี” ผู้เป็นใหญ่เหนือดินแดนแถบแม่น้ำอีกัวสุและปารานา ไปหลงรัก “เจ้าหญิงไนปี” ผู้เลอโฉมและฉลาดล้ำ
แต่แสนอาภัพ
เพราะตาของเจ้าหญิงแสนสวย...
บอดสนิท !
อรุณรุ่งวันหนึ่ง
ตาโรบา จูงมือพาเจ้าหญิงไนปี ยอดเสน่หาเดินเที่ยวไปในหุบเขาผีเสื้อ
เจ้าหญิงผู้อาภัพไม่สามารถเห็นอะไรได้ แต่ตาโรบาบรรยายทุกสิ่งที่เขาเห็นให้เธอฟัง
จนเมื่อทั้งสองมาถึงเนินเขาเล็ก ๆ ริมฝั่งน้ำ
ตาโรบาพรรณาถึงความงามของแม่น้ำอีกัวสุ ซึ่งโอบหุบเขาไว้ดุจอัศวินกล้าผู้ป้องกันยอดรักจากผองภัย
นางดื่มด่ำในถ้อยพรรณนา...
แต่มิอาจเห็นได้
กลายเป็นความเสียพระทัยในความอาภัพของตนเอง
เจ้าหญิงไนปีกันแสงสะอื้นจนตาโรบามิอาจข่มใจ
เขาบรรจงจุมพิตที่หัตถ์แห่งนางผู้เป็นที่รัก แล้วหันหน้าสู่แม่น้ำอีกัวสุเบื้องหน้า กล่าวคำอธิษฐานต่อ “เทพเอ็มบอย”
“มหาเทพผู้เป็นใหญ่ ....
ท่านประทานความงามเป็นเลิศแก่เจ้าหญิงไนปี
แล้วไฉนจึงประทานความอาภัพมานางให้ด้วยเล่า
ขอท่านโปรดคืนการมองเห็นให้แก่นางผู้เป็นที่รักแห่งข้าเถิด
แล้วจะประสงค์สิ่งใดจากข้าก็ได้ ...
แม้แต่ชีวิตของข้า !
พลัน...
แม่น้ำอีกัวสุอันกว้างใหญ่ก็หยุดไหล...
พร้อมเสียงกัมปนาทสะเทือนเลื่อนลั่นจากใต้ภิภพ ...
แผ่นดินไหว ...ฉีกผืนดินออกจากกัน กลืนร่างของตาโรบาลงไป !
แผ่นดินที่ยุบตัว เกิดเป็นน้ำตกมหึมา พร้อมกับการมองเห็นของเจ้าหญิงไนปี...
นางคือคนแรกที่ได้เห็นน้ำตกอันน่าอัศจรรย์แห่งนี้
แต่ต้องสูญเสียชายอันเป็นที่รักไปพร้อมกัน
ชาวพื้นเมืองกล่าวขานกันว่า
ในคืนพระจันทร์เต็มดวง
เสียงจากน้ำตกอีกัวสุที่กึกก้องอยู่นี้จะแปลกกว่าคืนปกติ
 
มันจะสะท้อนเสียงคร่ำครวญโหยไห้เพรียกหาชู้รักของเจ้าหญิงไนปี
คืนนั้นเรานอนอยู่คนเดียว
มองพระจันทร์ลอยเด่นเหนือราวป่า ฟังเสียงน้ำตกจนหลับไป
แต่ไม่แน่ใจว่ามีเสียงร้องไห้คร่ำครวญจากเจ้าหญิงผู้อาภัพเจือมากับเสียงน้ำตกด้วยหรือเปล่า
โฆษณา