18 ก.พ. 2020 เวลา 10:59 • กีฬา
ถึงเวลาปล่อยของได้หรือยัง?
หลังจากที่ Bruno Fernandes ตัวรุกป้ายแดงของ Manchester United ได้นำทัพผีแดงบุกมากำราบสิงห์บลูส์ Chelsea ได้ถึง Stamford Bridge พร้อมกับทำ 1 assists ช่วยให้ผีแดงนั้นเดินหน้านับสถิติไม่แพ้ Chelsea ในทุกรายการติดต่อกันถึง 6 เกมติด
ดูเหมือนว่าในช่วงขวบปีนี้ ผีแดงนั้นดูจะกลายเป็นของแสลงสำหรับสิงห์บลูส์ไปแล้ว
แม้ว่านัดประเดิมสนามของเขานั้นจะดูสับสนไปหน่อย ทั้งจากตำแหน่งการเล่นที่เขาต้องรับบทหนัก 3 บทในแผงกลางที่ดูไม่ค่อยจืดนักสำหรับผีแดง ซึ่งตัวความหวังอย่าง Paul Pogba นั้นก็เหมือนจะถูกลืมและหายเข้ากลีบเมฆไปแล้ว จากอาการบาดเจ็บเรื้อรังของเจ้าตัว
แต่เชื่อว่าไม่นานนี้ แฟนผีแดงเกินครึ่งจะลืมเจ้าพอลไปได้เลย เมื่อจอมทัพคนใหม่อย่าง Bruno ได้เข้ามาบัญชาเกมรุกของผีแดงแล้ว
เมื่อช่วงครี่งแรกของฤดูกาล Manchester United นั้นได้ประสบปัญหากับตำแหน่ง playmaker หรือกองกลางตัวรุกของทีม เนื่องจาก Paul Pogba นั้นมีปัญหาเกี่ยวกับอาการบาดเจ็บ และตัวหมากที่เหลือของ OGS อย่าง Jesse Lingard หรือ Andreas Pereira นั้นฟอร์มบู่เหลือเกินเมื่อต้องมารับบท “เบอร์ 10”
ในส่วนของรายแรกนั้นคงไม่ต้องเล่าความใดๆให้มากมายซึ่งฟอร์มของเขาไม่สามารถยกระดับเกมรุกของทีมได้แม้แต่น้อย ส่วน Pereira นั้นไม่ได้ต่างกันมาก และคงยังต้องหาตำแหน่งที่ดีที่สุดของตัวเองต่อไปหลังจากได้รับคำสั่งให้เล่นทั้งตำแหน่งที่ถนัดและไม่ถนัด หรือว่า “จับฉ่าย” นั่นเอง
ทำให้บอร์ดของผีแดงต้องสานต่องานจาก summer ที่แล้วให้ลุล่วงให้ได้ภายใต้สถานการณ์ที่ค่อนข้างบังคับ และมีผลต่อผลงานของทีมในช่วงที่เหลือของฤดูกาลอย่างแน่นอน
ซึ่งบอร์ดผีแดงก็ไม่ได้ปล่อยให้เหตุการณ์เลยตามเลย ซึ่งในตลาดช่วงฤดูหนาวล่าสุดนี้เองที่ผีแดงเร่งเครื่อง เดินหน้าล่าลายเซ็นต์เป้าหมายที่ได้ทำการเล็งมานาน เล็งแล้วเล็งอีก มีข่าวแล้วมีข่าวอีก อย่าง Bruno Fernandes กลางจอมถลุงประตูจาก Sporting Lisbon มาเปิดตัวในเกาะอังกฤษจนได้
หลังจากผ่านไปสองนัดด้วยกัน ต่างก็เกิดคำถามว่า เขาควรจะเล่นตรงไหน? OGS ใช้งานเขาผิดหรือเปล่า? แต่ Bruno ก็ได้ฝากผลงานไว้ด้วยการ assist ไปหนึ่งประตูด้วยกัน จากการปรับตัวที่ค่อนข้างไวของเขาใน league ที่แตกต่างจากเดิม และเขาก็ไม่ทำให้แฟนผีแดงต้องรอนาน
พูดถึงสมัยนี้ เมื่อทีมคุณซื้อนักเตะระดับ world-class มา ย่อมมีความคาดหวังและแรงกดดันสูงเสมอ การที่ลงสนามเพียงแค่ 3 นัดโดยปราศจากผลงานมีส่วนร่วมกับประตู คนดูต่างก็เริ่มสงสัยในฝีเท้าแล้ว ว่าของจริงหรือปลอม
แต่สำหรับ Bruno Fernandes นั้น แม้จะไม่ยิง แต่ก็ส่งให้เพื่อนยิงแล้วนะเอ้อ
เมื่อมาพูดถึงเรื่อง style ของเขานั้น
Bruno Fernandes เป็นกองกลางเบอร์ 8 ธรรมชาติ ที่เล่นเกมรุกเก่งมาก โดยมีจุดที่เด่นที่สุดคือการทำประตูที่เยอะไม่แพ้กองหน้าเลยด้วยซ้ำ แต่เขายังเล่นในตำแหน่งเบอร์ 10 ที่ยืนสูงกว่าได้ดี และมีประสิทธิภาพไม่แพ้กันเลย แต่ว่ามันก็ยังมีข้อแตกต่างที่จะเปลี่ยนรูปแบบการเล่นของเขาไปตามสถานการณ์และตำแหน่งของเขา
โดยเมื่ออิงจากสถิติของเขาในฤดูกาลที่แล้วจนถึงช่วงครึ่งแรกของฤดูกาลนี้ของเขากับ Sporting Lisbon นั้น เขามักจะมีส่วนร่วมในการทำประตูของทีมจากการยืนตำแหน่งทั้งสองของเขา แทบจะไม่แตกต่างกันเลย
เขาได้รับอิสระจาก coach ให้เคลื่อนที่ได้ตามใจชอบ ไม่ว่าจะทำเกมรุกหรือว่าสอดเข้าเขตโทษไปยิง ซึ่งการที่เขามีทักษะการสอดเข้าไปทำประตูในกรอบเขตโทษนี้เองทำให้เขาได้ถูกกล่าวถึงว่ามี style การเล่นที่สอดเข้าไปทำประตูคล้าย Frank Lampard และเขาก็ตอบแทนด้วยการทำประตูได้เป็นกอบเป็นกำ
เขาสามารถเคลื่อนที่ไปได้ตามใจก็จริง แต่เขานั้นจะไม่ลงมาล้วงบอลในตำแหน่งที่ต่ำมากๆ เมื่อเขายืนตำแหน่งกองกลางตัวรุก แต่เขาจะลงมาล้วงบอลและช่วยขึ้นเกมมากกว่าเมื่อเขาเล่นในตำแหน่งเบอร์ 8 หรือกองกลางตัวกลางร่วมกับกองกลางอีกสองคนในระบบ 4-3-3
แต่เมื่อบอลได้ถูกลำเลียงเข้าสู่ final third หรือพื้นที่ที่สามารถสร้างโอกาสทำประตูได้แล้วนั้น เขาสามารถเลือกที่ถอยตำ่มา assist ให้เพื่อนยิง ถ่ายบอลออกข้างแล้วสอดเข้าเขตโทษไปรอยิง หรือว่าจะซัดเองซะเลยเขาก็ทำได้หมด
โดยถ้าอิงจากสถิตินั้น เขาทำประตูในกรอบเขตโทษได้มากกว่านอกกรอบด้วยซ้ำไป
แต่สิ่งที่ทำให้เป็นสิ่งที่ยืนยันได้เลยว่าเขานั้นเหมาะกับตำแหน่งตัวกลางมากกว่านั้นก็คือ heat map ของเขา
ซึ่ง heat map ของเขานั้นได้บ่งบอกชัดเจนว่า จุดที่เขาได้เล่นกับบอลมากที่สุดนั้นก็คือส่วนกลางของสนาม และค่อนข้างที่จะต่ำกว่าตำแหน่งที่กลางรุกนั้นควรจะเป็นพอสมควร แต่นี่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะเล่นตัวรุกไม่ได้
เขาเล่นได้เหมือนกัน แต่บางทีก็ต้องดูจากภาพรวมของทีมด้วย ซึ่งจะทำให้เขายกระดับการเล่นของทีมได้ดีและสมบูรณ์กว่าทำให้ตัวเองเล่นเด่นขึ้นแค่เพียงคนเดียวเท่านั้น
เมื่อทีมไม่มีตัวป้อนบอลแม่นๆ ให้เขาพลิกไปเล่นเกมรุกในแดนหน้าได้เลย เขาก็ต้องลงมาช่วยขึ้นเกม และบางทีก็ต้องกลายเป็นตัวขึ้นเกมไปซะอย่างงั้น ไม่ได้รอทำเกมรุกในแดนหน้าอย่างที่เขาทำได้ดีอย่างที่ควรจะเป็นบ่อยนัก
แต่ถ้าหากได้ถอยลงมาเล่นในตำแหน่งที่ต่ำกว่า เขาก็จะได้ช่วยทมขึ้นเกมและถ่ายบอล ช่วยทีมแก้ pressing ได้ดีกว่าเดิมแน่นอน แล้วค่อยหาช่องและโอกาสขึ้นไปขึ้นประตูหน้ากรอบและในกรอบที่เข้าถนัด
ซึ่งอาจจะเหมาะกับเขามากกว่า คือถ้าเป็นนักเตะที่ไม่ได้มีทักษะและความสามารถในการปรับตัวได้ดีอย่างเขานั้น ก็อาจจะต้องใช้เวลานานในการจูนให้เข้ากับทีม เมื่อ Bruno นั้นเป็นคนที่เพื่อนร่วมทีมปีศาจแดงการยอมรับว่าหัวไวและปรับตัวได้ดีนั้นไม่น่าจะมีปัญหาสำหรับเขาในเรื่องตำแหน่ง หรือว่าการใช้งานที่ถูกหรือผิดของ OGS
แม้ว่าในอนาคตทีมจะได้ Pogba กลับมา แต่เชื่อว่ายังไง Bruno ก็จะเป็นตัวเลือกก่อนหน้า Pogba ในตำแหน่งกลางตัวรุกอยู่ดี
ถึงใครจะมองยังไงว่าเขาเหมาะกับตำแหน่งเบอร์ 8 มากกว่าเบอร์ 10 ก็ตาม เขานั้นก็สมควรที่จะถูกเลือกเป็นตัวเลือกแรกของตำแหน่งกลางรุกของทีมชุดนี้อย่างแน่นอน อีกทั้งเขายังมีสถิติในการเลี้ยงหลบได้ดีที่สุดในทีม(เริ่มนับจากต้นฤดูกาลที่อยู่กับ Sporting Lisbon)เป็นรองจาก Marcus Rashford เท่านั้น ซึ่งเป็นทักษะที่กลางรุกของผีแดงตอนนี้ขาดอยู่
เชื่อว่าอีกไม่นานเราจะได้เห็นเขาปรับตัวจนเข้ากับระบบของทีมและเริ่มปล่อยของออกมาได้อย่างที่เขาได้ฝากไว้ให้แฟนๆ Sporting ตราตรึงอย่างแน่นอน
หากใครยังสงสัยที่ Manchester United นั้นยังมีข่าวกับ James Maddison หรือว่าจะ Jack Grealish อย่างต่อเนื่องแม้ว่าจะสามารถปิด deal Bruno Fernandes ที่สามารถเล่นในตำแหน่งเดียวกันได้แล้ว
heat map ของ Bruno Fernandes และ กองกลางหมายเลข 6 ของทีมนั้น นั้นอาจจะสามารถทำให้หลายคนคิดกันว่ามันช่างคล้ายกันซะเหลือเกิน และเมื่อลองย้อนไปดูการเล่นของเขาที่โปรตุเกสนั้นก็สามารถบอกได้ว่า เขาเล่นตำแหน่งเดียวกับหมายเลข 6 คนนั้ได้เหมือนกัน!!!
เมื่อรวมกับข่าวลือต่างๆนานา ที่เจ้าพอลนั้นเล่นตัวกับสโมสรซะเหลือเกิน จนอาจจะส่งผลต่อภาพลักษณ์ของสโมสรในเรื่องของการควบคุมนักเตะของตัวเอง ซึ่งไม่มีสโมสรไหนที่ต้องการให้มีนักเตะคนไหนมีอำนาจหรือถือตัวเหนือสโมสรอย่างแน่นอน
ซึ่งถ้าหากผีแดงสามารถปิดดีลคว้าตัวหนึ่งในเป้ากมายทั้งสองได้นั้น ก็อาจจะต้องถึงคราวอำลากองกลางค่าตัวสถิติทั้งระดับสโมสรและทั้งสูงที่สุดในโลก ณ นาทีนี้อย่าง “Paul Pogba”
แฟนผีแดงคงคิดภาพ Bruno - Pogba - McTominay เล่นร่วมกันในตำแหน่ง 4-3-3 กันแล้วว่าจะสะเด่าขนาดไหน ซึ่งอาจจะไม่ต่างจากแฟนคลับทีมอื่นเหมือนกันรวมถึงผู้เขียน ที่อยากจะเห็นสามคนนี้เล่นร่วมกันเหมือนกัน คงจะเป็นแผงกลางที่แข็งแกร่งไม่แพ้คู่แข่งร่วม league เลยทีเดียว
เพื่อนๆคิดอย่างไรกันมั่งครับ ?
ติดตามพวกเราได้อีกช่องทางได้ที่ Facebook : Talk Shit Football
โฆษณา