18 ก.พ. 2020 เวลา 12:21 • ความคิดเห็น
เราอยู่ในโลกที่เรื่องปกติกลายเป็นเรื่องที่พิเศษ?
เราอยู่ในโลกที่เรื่องปกติกลายเป็นเรื่องที่พิเศษ?
“น่าชื่นชม สาวหน้าสวยไม่รังเกียจแต่งงานกับหนุ่มบ้านนอกขี้เหร่”
“น่ายกย่อง ผู้มีตำแหน่งใหญ่โต ไม่ถือตัวและวางตัวเป็นกันเอง”
“น่านับถือ มหาเศรษฐีใช้ชีวิตสมถะ สันโดษ ติดดิน”
“น่าชื่นชม เรือประมงช่วยปลาวาฬที่ติดอวนอยู่กลางทะเล”
ฯลฯ
คุณคิดว่าหัวข้อเหล่านี้ฟังดูเป็นเรื่องที่พิเศษหรือไม่? ถ้าคุณตอบว่าใช่...
- แสดงว่าคุณยอมรับว่าในโลกใบนี้คนหน้าตาดีต้องเกิดมาคู่กับคนที่มีฐานะร่ำรวยหรือรูปร่างหน้าตาโดดเด่นเท่านั้น
- แสดงว่าคุณยอมรับว่าผู้ที่มีตำแหน่งใหญ่โตและมีฐานะทางสังคมคือคนที่ไม่สมควรลดตัวลงมาคลุกคลีอยู่กับคนที่ฐานะด้อยกว่า
- แสดงว่าคุณยอมรับว่ามหาเศรษฐีต้องมีชีวิตที่หรูหราฟุ่มเฟือยมีระดับถึงจะถูกต้อง
- แสดงว่าคุณยอมรับว่าการเบียดเบียนชีวิตสัตว์อื่นๆนั้นเป็นเรื่องปกติที่ไม่ควรรู้สึกรู้สาอะไร
เช่นนั้นแล้วสิ่งที่เรามองว่าพิเศษแท้จริงแล้วคือเรื่องปกติที่เราทุกคนควรทำหรือมีอยู่ในจิตใต้สำนึกมิใช่หรือ? ควรเป็นบรรทัดฐานที่เราทุกคนควรมี แต่ถ้าคุณมองว่าสิ่งเหล่านี้คือสิ่งพิเศษ นั่นหมายความว่าโลกของคุณคือโลกวัตถุนิยมและเป็นโลกที่ตัดสินทุกอย่างจากเปลือกนอกเท่านั้นเอง
- จะเป็นไปไรไปถ้าคู่รักจะมีพฤติกรรมการจับคู่ในแบบที่หลากหลาย
สวย-หล่อ, สวย-ไม่หล่อ, ไม่สวย-หล่อ,
รวย-รวย, ไม่รวย-รวย, ไม่รวย-ไม่รวย
ชาย-หญิง, ชาย-ชาย, หญิง-หญิง
หลากหลายสไตล์แตกต่างกันไปไม่มีถูกผิดมีเพียงแต่ความพึงพอใจและไม่พึงพอใจ ถ้าหากเรายึดรูปร่างหน้าตาและฐานะสังคมเป็นหลักก็คงมีอีกหลายๆคู่ต้องเลิกลากันไป เพราะสุดท้ายแล้วเปลือกนอกไม่ได้ช่วยให้ชีวิตคู่นั้นยืนยาว แต่การที่คนเราจะครองคู่กันได้ยาวนานนั้นต้องอาศัยความเมตตา ความเข้าใจ ความเห็นอกเห็นใจ และการยอมรับตัวตนของกันและกันถึงจะทำให้ความรักนั้นยั่งยืนได้
- จะเป็นไรถ้าคนมีตำแหน่งใหญ่โตจะมีนิสัยอ่อนน้อมถ่อมตน ไม่ถือตัวถือตน เหมือนกับคนธรรมดาทั่วไปอีกหลายๆคนที่ไม่ได้มีฐานะทางสังคมอะไรเลย สุดท้ายแล้วเรื่องนี้เราควรจะสรรเสริญคนๆนั้นที่มีอุปนิสัยอย่างนี้ หรือสรรเสริญเขาเพราะเขามีหน้าที่ตำแหน่งและฐานะทางสังคม? ถ้าเลือกสรรเสริญที่อุปนิสัยของเขาคนที่มีอุปนิสัยเช่นนี้ก็น่ายกย่องทุกคน แต่ถ้าเลือกสรรเสริญที่ตำแหน่งและฐานะทางสังคมก็เท่ากับว่าเรายอมรับว่าการเป็นคนดีที่น่ายกย่องนั้นต้องมีฐานะและตำแหน่งทางสังคมเท่านั้น
- เช่นเดียวกันหากเรายกย่องความสมถะสันโดษของมหาเศรษฐีว่าดี เท่ากับเรายอมรับว่าต้องมีความร่ำรวยเป็นองค์ประกอบด้วยถึงจะเป็นที่ยอมรับ ทั้งๆที่จะเป็นใครก็ได้ไม่ว่าจะรวยหรือจะจนเขาก็ควรได้รับคำชื่นชมเช่นเดียวกันมิใช่หรือ?
ผู้เขียนจึงอยากยกตัวอย่างคำพูดของบิลเกตส์ที่ให้ความหมายเรื่องนี้ได้อย่างลึกซึ้ง มีคนเคยถามบิลเกตส์ว่า“มีใครที่รวยกว่าคุณในโลกบ้างไหม? บิลเกตส์ตอบว่า
บิลเกตส์ ตอบว่า :“ ใช่,มีคนที่รวยกว่าผมแน่นอน”
จากนั้นเขาก็เล่าเรื่องราว “มันเป็นช่วงเวลาที่ผมไม่รวยและยังไม่มีชื่อเสียง ผมอยู่ที่สนามบินนิวยอร์ก ผมเห็นคนขายหนังสือพิมพ์ ผมต้องการซื้อหนังสือพิมพ์หนึ่งฉบับ แต่ผมมีเงินไม่พอ”
ผมเดินเข้าไปหาคนขายหนังสือพิมพ์และพูดว่า : “ ฉันไม่มีเงินพอที่จะซื้อ ฉันขอเช่าอ่านแล้วส่งคืนให้ได้มั้ย?”
คนขายกล่าวว่า : “ฉันให้ฟรี”
(ผมเลยรับหนังสือพิมพ์ไป)
หลังจากนั้นประมาณสองถึงสามเดือนผมก็มีไฟลท์ลงจอดที่สนามบินเดียวกันโดยบังเอิญ และผมก็มีเงินไม่พอที่จะซื้อหนังสือพิมพ์เหมือนเช่นเดิม คนขายหนังสือพิมพ์ให้หนังสือพิมพ์ผมฟรีอีกครั้ง
ผมปฏิเสธและบอกเขาว่า: “ฉันไม่สามารถรับได้เพราะฉันมีเงินไม่พอ”
เขาพูดว่า :”คุณเอามันไปได้ ฉันให้ฟรี!! วันนี้ขายได้กำไรเยอะแล้ว”
(ผมก็เอาหนังสือพิมพ์ไปเช่นเดิม)
หลังจาก19 ปีต่อมา ผมก็ประสบความสำเร็จโด่งดังและเป็นที่รู้จักของผู้คน ทันใดนั้นผมก็จำได้ว่ามีคนขายหนังสือพิมพ์ที่เคยให้หนังสือพิมพ์กับผมฟรีฟรี ผมเริ่มตามหาเขา ประมาณหนึ่งเดือนครึ่ง
ผมก็พบเขา
ผมถามเขาว่า : “ คุณรู้จักฉันหรือเปล่า?”
เขาพูดว่า : “ ใช่, คุณคือ บิลเกตส์”
ผมถามเขาอีกว่า : “คุณจำได้ไหมว่าคุณเคยให้หนังสือพิมพ์แก่ฉันฟรี!!”
คนขายหนังสือพิมพ์พูดว่า “ใช่ฉันจำได้!!! ฉันให้คุณสองครั้ง “
ผมพูดว่า : “ฉันต้องการตอบแทนที่คุณให้หนังสือพิมพ์ฉันฟรีในตอนนั้น อะไรก็ตามที่คุณต้องการในชีวิตของคุณบอกฉันมาได้เลย ฉันจะทำให้”
คนขายหนังสือพิมพ์พูดว่า : “ ฉันไม่คิดว่าการทำเช่นนั้นจะทำให้คุณสามารถช่วยเหลือฉันได้”
ผมถามกลับว่า : “ ทำไมละ?”
เขาพูดว่า : “ฉันช่วยเหลือคุณในตอนที่ฉันเป็นคนขายหนังสือพิมพ์ที่ยากจน และคุณกำลังพยายามที่จะช่วยเหลือฉันในตอนนี้ ตอนที่คุณกลายเป็นคนที่ร่ำรวยที่สุดในโลกแล้ว ความช่วยเหลือของคุณจะเหมือนกับของฉันได้อย่างไร ?”
ในวันนั้นผมได้รู้ว่า คนขายหนังสือพิมพ์รวยกว่าผม เพราะเขาไม่ได้รอที่จะรวยเพื่อช่วยเหลือใครสักคน
มนุษย์ต้องเข้าใจใหม่ว่าคนรวยที่แท้จริงคือ ***คนที่มีหัวใจที่ร่ำรวยมากกว่าจำนวนเงิน***
ด้านบนคือบทความที่ผู้เขียนยกมาเพื่อให้ผู้อ่านเห็นภาพได้ชัดเจนและผู้เขียนเห็นด้วยกับประโยคปิดท้ายที่ต้องการจะสื่อว่าความร่ำรวยไม่ได้วัดกันที่ฐานะแต่ควรวัดกันที่น้ำใจมากกว่า เช่นนั้นแล้วไม่ว่าจะรวยจะจนถ้าคุณมีหัวใจที่เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่และมีน้ำใจต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกันแล้วนั้นล้วนแต่น่าสรรเสริญทั้งสิ้น
- การที่เราช่วยเหลือสัตว์อื่นที่เผชิญกับเหตุการณ์เลวร้ายอันเนื่องมาจากฝีมือของมนุษย์ก็เป็นเรื่องที่ควรจะกระทำแล้วมิใช่หรือ มันเป็นหน้าที่ๆเราต้องช่วยกันรับผิดชอบอยู่แล้วถือเป็นเรื่องปกติเพราะเราต่างก็มีส่วนร่วมในการเบียดเบียนชีวิตอื่นเพื่อการดำรงอยู่ของเผ่าพันธุ์เราไม่ว่าจะทางตรงหรือทางอ้อมมาโดยตลอด เช่นนั้นแล้วเรื่องนี้ควรมีอยู่ในจิตสำนึกของทุกคนเป็นปกติ เพราะถ้าเรามองเรื่องนี้เป็นเรื่องที่พิเศษเท่ากับว่าเรายอมรับว่าการเบียดเบียนสัตว์เหล่านี้ถือเป็นเรื่องปกติที่ไม่ต้องแสดงความรับผิดชอบอะไรเลยก็ได้ ทั้งที่จริงแล้วเราควรจะรู้สึกแย่เวลาเห็นพวกเขาเผชิญกับสถานการณ์ที่เลวร้ายอันเนื่องมาจากฝีมือของมนุษย์และเราควรเข้าไปช่วยเหลือสัตว์เหล่านั้นให้เป็นปกติจะดีว่า
สุดท้ายนี้ผู้เขียนต้องการจะสื่อว่าเราควรทำสิ่งที่ควรทำและทำสิ่งที่ดีๆให้เป็นเรื่องปกติดีกว่าการที่จะทำเพื่อให้เป็นเรื่องพิเศษที่หาได้ยาก เพราะถ้าเราทุกคนทำสิ่งดีๆให้เป็นเรื่องปกติแล้วนั้นสังคมจะน่าอยู่ขนาดไหนลองนึกดูสิ
นามปากกา: หาหัวใจให้เจอก็เป็นสุข
โฆษณา