จากความพ่ายแพ้ในรายการ UEFA Champions League รอบ 16 ทีมนัดแรกในฤดูกาลที่ลุ้นแชมป์เต็มตัวของหงส์แดง Liverpool ทำให้แชมป์เก่า 6 สมัยทีมนี้ยังคงไร้ชัยชนะในการบุกเยือนทีมจากแดนกระทิงดุมาอย่างต่อเนื่องในยุคของ Jurgen Klopp
หลังจบเกม นายใหญ่ชาว Germany ได้กล่าวกับสื่อเกี่ยวกับผลลัพธ์ของ match ที่ค่อนข้างเป็นไปตามแผนที่วางไว้ของเจ้าบ้าน แต่ก็ยังไม่ลืมที่จะมี moment ที่เรียกเสียงเชียร์แฟนหงส์ให้กลับมากึกก้องอีกครั้งใน leg 2 ที่จะได้กลับมาเปิดรัง Anfield แก้แค้นตราหมี ชี้ชะตาเข้าสู่รอบ 8 ทีมต่อเนื่อง
อีกครั้งที่หงส์แดงต้องตกที่นั่งลำบากในเกมแรกของรอบ knockout รายการ UEFA Champions League แม้ว่าทีมจะมีสถิติในการ comeback ที่ค่อนข้างดีกว่าทีมอื่นๆในช่วงขวบปีที่ผ่าน
แต่เชื่อได้เลยว่า มันจะไม่ง่ายเหมือนกันการพลิกล๊อคไล่ถล่ม Barcelona ในฤดูกาลที่แล้ว ก่อนจะส่งให้ทีมหงส์แดงเข้าชิงได้ในที่สุด แต่นั่นไม่ได้เป็นเพียง match ที่ Liverpool นั้นเล่นได้อย่าง top form แต่เป็น match ที่กองเชียร์บน stand ทั่วทั้งสี่ทิศพร้อมใจกันเชียร์ทีมรักอย่างสุดหัวใจอีกด้วย
ตัดมาที่คืนก่อน ณ กรุง Madrid เมืองหลวงแดนกระทิงดุ
เมื่อ match เริ่มไปไม่ถึง 10 นาที แฟนหงส์แดงต้องเผชิญกับความรู้สึกเดียวกับที่ทีมรักของพวกเขายัดเยียดให้กับ Tottenham Hotspurs ในนัดชิงดำปีที่ผ่านมา
และหงส์แดงก็ถูกออกนำตั้งแต่ไก่โห่เช่นเดียวกับนัดชิงดำนัดนั้นไม่มีผิด Virgil Van Dijks ก่อความผิดพลาดให้ Saul Niguez ตามซ้ำเข้าไปในจังหวะขลุกขลิก ก็อาจจะเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้หงส์แดงปราชัยในนัดแรก
หงส์แดงของ Jurgen Klopp ในฤดูกาลนี้ต้องพบกับปัญหาในการโดนออกนำไปตั้งแต่ช่วงต้นเกม ซึ่งเป็นสิ่งที่ส่งผลต่อรูปเกมครึ่งหลังของ Liverpool มากๆ ที่ต้องเร่งเครื่องเดินหน้าทำประตูให้หนักหน่วงกว่าเดิม เนื่องจากคู่แข่งมักจะลงไปรับลึกกันหมดเมื่อสามารถออกนำทีมที่มีเกมรุกร้อนแรงที่สุดทีมหนึ่งในยุโรป
เมื่อเกมรุกของ Liverpool นั้นรุนแรงและรวดเร็ว เปรียบได้กับรถ sport 2 ประตูที่วิ่งฉิวไปตามถนนดีๆโล่งๆ แต่ถ้าหากเจ้า Ferrari นั้นต้องมาวิ่งบนถนนรถติดๆและขรุขระล่ะ? คำตอบคือ มันก็วิ่งได้ไม่เต็ม 100% แน่นอน
แต่ถ้าเป็นทีมของ Jose Mourinho หรือ Diego Simeone ที่เล่นเกมรับได้อย่างไร้ที่ตินั้น สามารถโยนงานหนักให้แนวรุก Liverpool ได้เป็นอย่างดี แม้ว่าเมื่อเล่นใน Anfield นั้นจะไม่ใช่งานหนักเท่าไหร่ แต่งานนั้นจะเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัวเมื่อต้องออกไปเล่นเกมเยือนกับทีมเหล่านั้น ซึ่งกองเชียร์นั้นมีผลแน่นอนในผลงานของทีม
ถ้าในวันนั้น Manchester United ไม่ได้เล่นบอลเกมรับรัดกุมเป็นพื้นฐานก็คงจะโดนหงส์แดงสอยคาบ้านไปเรียบร้อยแล้ว แต่ผีแดงกลับขึ้นนำหงส์แดงได้ก่อน อีกทั้งยังจะเกือบรักษา score ไว้ได้อีกต่างหาก
ส่วนนัดอื่นนั้นแม้ว่าจะโดนขึ้นนำตั้งแต่นาทีแรกอย่างนัดเจอไก่เดือยทองแต่ก็สามารถพลิกกลับมาขึ้นนำได้ก่อนสิ้นเสียงนกหวีด เช่นเดียวกับชัยชนะเหนือ Aston Villa ที่ Klopp ทำให้ทีมเครื่องจักรสีแดงไม่คุ้นชินกับคำว่าพ่ายแพ้
สิ่งที่ทำให้ทีมของ Diego Simeone นั้นสามารถรักษาผล score ที่ต้องการได้จนจบ match ไม่ใช่แค่เพียงกำแพงเกมรับสองชั้นในระบบ 4-4-2 ของเขาเท่านั้น แต่คงต้องยกประโยชน์ในลูกล่อลูกชนของลูกทีมเขาด้วย
หากว่า Sadio Mane ไม่มีใบเหลืองติดตัวในเกม Klopp คงจะให้ Mane ควยป่วนเกมรับตราหมีจนจบ match แน่นอน แต่ด้วยความที่ผู้เล่นตราหมีและกองเชียร์สามารถส้างอารมณ์คุกรุ่นในกับ Mane ได้
ซึ่งชัยชนะยกแรกของตราหมีนั้น Simeone และลูกทีม นั้นสมควรได้รับอย่างไร้ข้อกังขา พวกเขาสามารถทำให้ Mane Firmino และ Salah นั้นยิงรวมกันไม่เข้ากรอบแม้แต่ครั้งเดียว
ต้องบอกเลยว่า 4-4-2 ของ Federico Valverde กับ Diego Simeone คุณภาพในเกมรับมันคนละเรื่องกันเลย
Barcelona ไม่สามารถที่จะปิดพื้นที่ได้ครอบคลุมทุกพื้นที่อันตรายได้เท่า Atletico Madrid นั่นเอง จากการที่มีคู่หน้าอย่าง Lionel Messi และ Luis Suarez แม้ว่าทั้งคู่จะสามารถพังประตูคู่แข่งได้ง่ายดายแม้กระทั่งด้วยการเล่นประสานเพียงสองคน แต่สภาพร่างกายก็ไม่ได้อยู่ในสภาพที่จะเล่นเกมรับได้อย่างมีประสิทธิภาพ
1
แต่ต่างกันที่ Morata หรือว่าจะเป็น Joao Felix และ Angel Correa นั้นจะวิ่งไล่บี้ตัวขึ้นเกมตลอด ไม่ให้สามารถเจาะเข้าตรงกลางได้ แต่ match น่าสุดต้องยกประโยชน์ให้ man of the match อย่าง Renan Lodi ที่เอาเกมริมเส้นคู่แข่งซะอยู่หมัด ไม่ให้มีลูก cross สวยๆจาก fullback ที่เป็นจุดขายของ Liverpool
และถ้าเกมที่สองนี้ Liverpool ยังไม่สามารถเจาะกำแพงสองชั้นนี้ได้ก็อาจจะต้องพึ่งพาปืนใหญ่อย่าง Oxlade-Chamberlain หรือ Fabinho ให้คอยหาช่องยิงผ่านแนวรับตราหมีให้ได้
การเดินเกมรุกตั้งแต่เป่านกหวีดเริ่มการแข่งขันก็อาจจะเป็นเรื่องที่ดูจำเป็นสำหรับ Liverpool
Atletico Madrid นั้นจะมาเล่นเกมรับแบบเต็มที่แน่นอน และจากบทเรียนราคาแพงที่ CR7 มอบให้เมื่อปีที่แล้วนั้นคงจะทำให้ Simeone เข้มงวดและรัดกุมกับเกมที่ต้องการยัน score ประเภทนี้มากขึ้นอย่างแน่นอน
แต่อันที่จริงแล้ว Liverpool ไม่จำเป็นที่จะต้องเร่งเกมใน speed เดียวที่ใช้ถลุง Barcelona แม้ไร้เงา keyman อย่าง Salah และ Firmino ซึ่งเรื่องของเรื่องก็คือหงส์แดงฤดูกาลนี้ยิงประตูในบ้านได้ทุกนัด ถ้าอิงตามสถิติมันก็เหมือนกับ Atleico Madrid ที่โดนยิง 2 ลูกในเกมเดียวคาบ้านยากมาก แต่อันนี้ก็คือ ยากมากที่จะหยุด Liverpool ไม่ให้ยิงประตูใน Anfield ได้
ซึ่งถ้าเกมมันออกมาในรูปแบบ one way ที่ตราหมีตั้งรับลูกเดียวตั้งแต่ต้นเกม Liverpool อาจจะขึงเกมบุกไปเรื่อยๆ เดี๋ยว score ก็ไหลมาตามจังหวะบอลซักลูกเองแหละ ซึ่งถ้า Liverpool ไม่ได้เล่นผิดฟอร์ม ก็น่าจะมี 1 ลูกในบ้านแน่ๆ ที่เหลือก็แค่ชิงจังหวะไหล score ไปเป็น 2-0 เท่านี้ก็เข้าสูตร Klopp แล้ว
แต่ฟุตบอลมันไม่มีอะไรแน่นอนใช่ไหม.... ถ้าเกิดหงส์แดงฉายหนังม้วนเดิมเรื่องเดียวกับนัดแรกล่ะก็ การไล่ตีเสมอ และพลิกแซงจากกฎ away goal นั้นดูจะยากมากพอสมควร และหนทางไปสู่การป้องกันแชมป์ของหงส์แดงก็จะจบลง game over เลยทันที