20 ก.พ. 2020 เวลา 04:58
มาเป็นนักอ่านสไตล์ C & D กันเถอะ
สำหรับนักอ่านหนังสืออย่างพวกเรา คิดว่าแต่ละคนก็คงมีสไตล์การอ่านที่
แตกต่างกัน เช่น ชอบอ่านเล่มเดียว รวดเดียวจบ หรืออ่านสลับๆไปๆมาๆ
บางคนก็ชอบการอ่านหนังสือแนวพัฒนาตนเอง บางคนชอบนิยาย
แต่ในวันนี้ ผมจะมาชวนเพื่อนๆมาลองเป็นนักอ่านสไตล์ "C & D" กันครับ
แรกสุดต้องขออธิบายก่อนว่า C & D มันคืออะไร จริงๆแล้วมันคือตัวย่อของกลยุทธทางธุรกิจที่มีชื่อเต็มว่า Copy and Development นั่นเอง
การ Copy ก็คือ การเลียนแบบวิธีการผลิตสินค้า หรือผลิตภัณฑ์ต่างๆ โดยที่จริงๆแล้วมันคือการเรียนรู้อย่างรวดเร็ว และค่อนข้างประหยัดทั้งเวลา และ
ต้นทุน
ส่วน Development ก็คือหลังจากที่เลียนแบบมาจนมีองค์ความรู้นั้นๆ ในแบบลึกซึ้งแล้ว จึงนำไปต่อยอด ไปวิจัยหรือพัฒนาให้เหมาะสมกับกลุ่มลูกค้าที่เฉพาะเจาะลงในภูมิภาคหรือในประเทศของตนเอง
ตัวอย่างที่เห็นชัดๆก็คือ ประเทศที่ปัจจุบันมีการผลิตที่ทันสมัยและตอบ
โจทย์ผู้บริโภค อันได้แก่ เกาหลี จีน ที่มีแบรนด์ดังระดับโลกคือ Samsung
และ Huawei โดยที่ทั้งสองเจ้านี้ ในสมัยที่เริ่มแรกก็ไม่ได้มีเทคโนโลยี
ล้ำสมัยมาแต่แรก แต่เน้นไปที่การ Copy มาจากอเมริกา
หลังจากที่ศึกษาจนชำนาญแล้ว จึงมีการนำมาวิจัยต่อยอดอย่างจริงจัง และ
ในปัจจุบันนี้มีเทคโนโลยี(บางอย่าง)ที่ล้ำหน้าไปกว่าฝั่งอเมริกาเสียอีก
แล้วการอ่านหนังสือเกี่ยวกันยังไงกับกลยุทธ C & D
การ Copy นั้นก็เปรียบได้กับการอ่านหนังสือ เพราะเป็นการป้อนข้อมูลเข้า
ไปเก็บไว้ในสมองของเรา ทำให้เรามีองค์ความรู้ในเรียนนั้นๆมากยิ่งขึ้น โดยที่จะมากจะน้อยก็ขึ้นอยู่กับจำนวนหนังสือที่เราอ่าน และความเข้าใจใน
เนื้อหาของหนังสือนั้นๆ
ส่วน Development นั้นก็สำคัญไม่แพ้กัน ดีไม่ดีอาจจะสำคัญกว่าด้วย
เพราะว่าการที่เราจะนำความรู้ที่มีมาพัฒนาต่อยอดให้เหมาะสมกับตัวเราเองนั้น จะต้องเกิดจากการที่เราได้ "ทดลอง" จริงและมีการวิเคราะห์ความเหมาะสมกับตัวเรา ซึ่งจะคล้ายกับการทำธุรกิจที่ต้องมีการปรับตัวผลิตภัณฑ์ให้เข้ากับกลุ่มผู้บริโภคของตน
สุดท้ายแล้วถ้าเราสามารถใช้ กลยุทธ C & D กับการอ่านของเราได้ ก็น่าจะทำให้เราพัฒนาตัวเองต่อยอดจากการอ่านไปได้อีกมากเลยครับ
ขอยกตัวอย่างให้เห็นภาพ เช่น ถ้าเราไปอ่านเจอเทคนิคการบริหารเวลาแบบ "โพโมโดโร" ซึ่งคือการทำงาน 25 นาที แล้วพัก 5 นาที เพื่อให้เรามีพลัง
สมาธิในการทำงานเต็มที่รวมถึงได้พักฟื้นพลังสมาธิ แต่ก็ใช่ว่าแต่ละคนจะมีรอบเวลาที่เท่ากัน ดังนั้นจึงต้องมีการทดลองทำจริงดูก่อนเพื่อให้รู้ว่ารอบ
เวลาที่เหมาะสมของตัวเองคือกี่นาที บางคนอาจจะทำงาน 20 นาที หรือบางคนมีสมาธิดีทำงาน 30 นาที เมื่อรู้ถึงรอบเวลาที่เหมาะสมแล้วก็จะนำมา
ต่อยอดได้อีก เช่น ทำแบบ 25/5 ได้กี่รอบต่อวัน
แต่ก็อย่างที่ได้พูดไว้ข้างต้นครับว่า แต่ละคนก็จะมีรูปแบบของตนเองซึ่งสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือการที่เราต้อง "เริ่ม" ที่จะทดลอง
แล้วคุณหละครับ มาลองเป็น นักอ่านสไตล์ C & D กันไหมครับ
#อ่านแล้วเขียน
#MyStoryBook
โฆษณา