19 ก.พ. 2020 เวลา 10:24 • การศึกษา
เคยรู้สึกไหมคะว่าทำไมคนไม่ค่อยเข้าใจเรา หรือ ทำไมเราเองนี่แหละที่ไม่ค่อยเข้าใจคนอื่น...
วิธีการที่จะอยู่ร่วมกับผู้คนมีมากมายหลายวิธี แต่วันนี้เราจะมาพูดถึงอีกวิธีที่ได้รับการยอมรับไปทั่วโลกด้วยการ "เข้าใจตัวเอง" ในหลักการของวิทยาศาสตร์ สถิติ และ จิตวิทยา
ศาสตร์นี้ชื่อว่า Myers Briggs Type Indicator (MBTI) ซึ่งคืองานวิจัยที่ว่าด้วยตัวอักษร 5 ตัวที่จะทำให้คนที่ทำแบบทดสอบราวๆ 15-20 นาทีสามารถที่จะรู้นิสัยของตนเองผ่าน
การ Stereotyping หรือการจัดกลุ่มนิสัยของคนออกมาเป็น 16 ประเภท หรือที่เราจะเรียกกันว่า MBTI 16 personalities
เราค้นพบว่าการที่เราเข้าใจตัวเองทำให้เราสามารถยอมรับตัวเองในแบบที่เป็นได้ ยอมรับจุดอ่อนของตนเองอย่างตรงไปตรงมาและพัฒนามัน รวมไปถึงกับการเข้าใจความเหมือนและความแตกต่างของคนรอบข้างทำให้เรามีความสัมพันธ์กับคนอื่นๆทั้งที่เหมือนเราและต่างจากเราได้ดีขึ้นมาก ทำให้อยากเอาเรื่องนี้มาแบ่งปันให้ทุกคนค่ะ
เนื่องจากว่าเราได้ใช้เวลาพอสมควรในการศึกษาเรื่องนี้และค้นพบว่ามันมีประโยชน์นำไปใช้ได้หลากหลาย เราจึงได้ซื้อหนังสือที่อธิบายแต่ละลักษณะมาอย่างละเอียดและจะมาสรุปให้ทุกคนอ่านในซีรีส์ “รู้เขารู้เราด้วย MBTI 16 personalities” :)
หนังสือ ebook ของแต่ละ Personality ถ้าใครสนใจสามารถหาซื้อได้จากเว็บที่จะให้ไว้ด้านล่างได้เลยค่ะ
ในโพสนี้เราจะยังไม่ได้เข้าไปอธิบายในลักษณะนิสัยทั้ง 16 แบบแต่จะขออธิบายจากวิธีการจัดกลุ่มของงานวิจัยนี้ก่อนนะคะ
1
เมื่อทำข้อสอบความยาวประมาณ 15-20 นาทีจบแล้ว (ซึ่งเดี๋ยวจะแปะ Link ข้อสอบเอาไว้ให้ท้ายโพสนี้นะคะ มีแบบแปลไทยด้วยแต่ส่วนตัวเราว่าแปลไทยยังมีงงๆ อยู่บ้างในบางประโยค ถ้าใครทำภาษาอังกฤษได้แนะนำให้ทำเป็นภาษาอังกฤษนะคะ) เราจะได้รับตัวอักษรมา 5 ตัว ซึ่งทั้ง 5 ตัวจะอธิบายถึงนิสัยของเราที่ทางงานวิจัยนี้ได้เก็บสถิติจากคนทำข้อสอบกว่า 200 ล้านครั้งและการแปลไปกว่า 30 ภาษา
1
ตัวแรก E (Extroverted) VS I (Introverted)
1
ตัวแรกนี้จะพูดถึงการชาร์จพลังงานของ “จิตใจ” (Mind) ว่าโดยปกติแล้วจิตใจของเราจะได้รับพลังงานจากเรื่องใด
คนที่ได้ตัวอักษร E (Extroverted) ความหมายของมันคือคุณมักจะได้รับพลังงานจากผู้คน การพูดคุย เป็นคนที่มีพลังงานสูง
ส่วนคนที่ได้ตัวอักษร I (Introverted) คือคนที่ได้รับพลังงานจากการอยู่คนเดียว สูญเสียพลังงานเมื่อต้องพบปะผู้คนจำนวนมากหรือสังสรรค์ และโดยปกติแล้วจะเป็นคนที่ไวต่อปัจจัยภายนอกเช่น กลิ่น เสียง หรือ แสงมากกว่าคน E
1
Introverted พักผ่อนกับตัวเอง VS Extroverted พักผ่อนกับเพื่อนฝูง
ตัวอักษรตัวแรกนี้เป็นตัวที่สำคัญมากตัวหนึ่งเพราะว่ามันจะบอกวิธีที่จิตใจของคนๆนั้นอยากจะทำเมื่อต้องการที่จะพักผ่อน โดยที่สิ่งที่คนมักจะเข้าใจผิดมากที่สุดคือเข้าใจว่าคน I คือคนที่เข้าสังคมไม่เป็น มีปัญหาด้านการเข้าสังคม ซึ่งจะบอกว่าไม่จริงเลย เพราะว่ามีคน I มากมายที่เข้าสังคมได้เก่งกว่าคน E แต่เพียงแค่ว่าถ้าในวันที่เขาเหนื่อยๆ เขาจะอยากนั่งอ่านหนังสืออยู่บ้านมากกว่าที่จะไปดื่มกินกับเพื่อนๆเท่านั้นเอง
ตัวอย่างของคน Introverted ที่ทุกคนน่าจะรู้จักคือ Queen Elizabeth II (ISFJ) ผู้นำจักรวรรดิอังกฤษ, Alicia Keys นักร้องผู้ร้องเพลงดังอย่าง If I ain’t got you (INFP) และ Michael Jordan นักบาสระดับตำนาน (ISTP) ซึ่งคนเหล่านี้มีสกิลการเข้าสังคมและอารมณ์ขันอย่างเหลือเชื่อแต่เพียงแค่ว่าคนที่เป็น Introverted นั้นจะชอบที่จะอยู่คนเดียวตอนที่อยากจะชาร์จพลังงาน
ตัวอย่างของคน Extroverted เช่น Bill Clinton อดีตประธาธิบดีสหรัฐ (ESFJ), Robert Downey Jr. นักแสดงนำใน Ironman (ENFP) และ นักร้องชื่อดังอย่าง Celine Dion (ENTP)
3
มีหนังสือที่เขียนและทำวิจัยลงไปในตัวอักษรสองตัวนี้มากมาย เล่มโปรดในดวงใจของเราที่ถ้าใครสนใจเรื่องนี้เป็นพิเศษคือ Quiet (พลังของคนเงียบในโลกที่ไม่เคยหยุดพูด) ของ Angela Duckworth ที่เราเคยทำรีวิวเอาไว้ที่ลิงค์นี้ https://www.blockdit.com/articles/5e38391858a84008104ff8f8/# สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ค่ะ :)
2
ตัวที่สอง N (Intuitive) VS S (Observant)
2
ตัวนี้จะอธิบายว่าเราเห็นโลกเป็นยังไงและจัดการกับข้อมูลที่ได้มาอย่างไร
3
คนที่เป็น N (Intuitive) มีแนวโน้มที่จะเป็นคนที่มีจินตนาการสูง ใจกว้าง และ ขี้สงสัย ชอบความแปลกใหม่มากกว่าความมั่นคงและชอบที่จะหานัยยะที่ซ่อนไว้ของสิ่งต่างๆและความเป็นไปได้ในอนาคต มีแนวโน้มที่จะใช้เวลาเยอะมากกับการคิดสถานการณ์ที่ “ถ้าสมมุติว่ามันเกิดขึ้น… (What if? scenarios)
3
คนที่เป็น S (Observant) มีแนวโน้มที่จะเป็นคนที่ชอบอะไรที่จับต้องได้และสามารถนำไปใช้ได้ในชีวิตจริง มักจะมีนิสัยติดตัวและชอบที่จะสังเกตสิ่งที่เกิดขึ้นไปแล้วหรือกำลังเกิดขึ้นมากกว่าที่จะเดาอนาคต ชอบความเรียบง่ายมากกว่าความซับซ้อน
2
แต่ไม่ใช่ว่าคน S คือคนที่ไม่สนใจอนาคตนะคะ เขาแค่เป็นคนที่สนใจเรื่องอดีตและอนาคตที่จะสามารถส่งผลได้ถึงปัจจุบันได้มากกว่า เช่นเรื่องอดีตบางอย่างที่ไม่มีประโยชน์ก็จะโยนมันทิ้งไป เช่นเดียวกันกับเรื่องอนาคตที่เกิดขึ้นได้ยาก
Observant พูดถึงเรื่องปัจจุบัน VS Intuitive ใช้จินตนาการ
ตัวอย่างคน S ที่น่าจะรู้จักกันคือ Natalie Portman ดาราสาวดีกรีออสการ์ (ISTJ), Frank Sinatra นักร้อง Jazz ที่ชื่อดังที่สุดคนหนึ่ง (ENTJ) และ Michael Jackson ราชาเพลงป๊อป (ISFP)
3
ในขณะที่คน N คือ William Shakespeare นักเขียนที่ผลงานอยู่เป็นนิรันดร์ (INFP), Elon Musk นักคิดค้นและนักประดิษฐ์แห่งยุคสมัย (INTJ) และ Steve Jobs ผู้ก่อตั้ง Apple (ENTJ)
ตัวที่สาม T(Thinking) VS F (Feeling)
ตัวนี้จะอธิบายวิธีการตัดสินใจและการแก้ไขปัญหา
คน T (Thinking) มีแนวโน้มที่จะตัดสินใจด้วยเหตุผลและเป้าหมาย ให้ความสำคัญกับตรรกะมากกว่าความรู้สึก มีแนวโน้มที่จะซ่อนความรู้สึกและให้ความสำคัญกับประสิทธิภาพการทำงานมากกว่าการร่วมมือกัน คน T นั้นจะเชื่อถือข้อมูลเป็นส่วนสำคัญ ซึ่งหลายๆครั้งที่เขาอาจจะไม่ค่อยเข้าใจอารมณ์ของคนอื่น แต่คนในลักษณะนี้นั้นจะมีความสามารถในการคิดแผนการที่รอบด้านและระมัดระวังได้ดี
คน F มีแนวโน้มที่จะอ่อนไหวและแสดงความรู้สึกออกมาได้ดี เป็นคนที่มีเมตตาและเห็นใจคนอื่น จะไม่อยากเอาชนะเท่ากับคน T เพราะจะให้ความสำคัญกับความปรองดองและการทำงานร่วมกันมากกว่า การตัดสินใจส่วนมากจะทำเพื่อประโยชน์สุขของคนส่วนรวม แต่จุดที่คนมักจะเข้าใจผิดคือคน F ไม่ใช่คนไม่มีตรรกะหรือเหตุผลนะคะ เพียงแค่ว่าเหตุผลของคนกลุ่มนี้จะมีอารมณ์เข้ามาเป็นปัจจัยในการตัดสินใจด้วยเท่านั้นเอง ในขณะที่ของคน T จะค่อนข้างใช้อารมณ์น้อยกว่า
9
Thinking ใช้เหตุผล VS Feeling ใช้ความรู้สึก
ตัวอย่างคนดังที่เป็น T คือ Thomas Edison ผู้ประดิษฐ์หลอดไฟ (ENTP), Margaret Thatcher ผู้นำหญิงแกร่ง (ENTJ) และ Bill Gates ผู้ก่อตั้ง Microsoft (INTP)
1
และตัวอย่างคนดังที่เป็น F คือ Britney Spears ราชินีเพลงป๊อป (ISFP), Taylor Swift ผู้ซึ่งคว้ารางวัล Artist of the decade (ESFJ) และ Barack Obama อดีตประธานาธิบดีสองสมัยของสหรัฐ (ENFJ)
1
ตัวที่สี่ J (Judging) VS P (Prospecting)
1
ตัวนี้คือลักษณะที่คุณจะใช้ในการทำงานและวางแผน
คนที่เป็น J (Judging) มีแนวโน้มที่จะกล้าตัดสินใจ ชัดเจน และเป็นระบบ เขาจะชอบความแน่นอน ชัดเจน และ รายละเอียด ชอบที่จะมีแผนมากกว่าที่จะไปตัดสินใจเอาหน้างาน ถ้าเป็นเรื่องเร่งด่วนหรือฉุกเฉิน คน J มีแนวโน้มที่จะสามารถตัดสินใจได้ชัดเจนและเคลียร์มาก ตัวอย่างคน J คือ Oprah Winfrey (ENFJ) พิธีกรชื่อดังและเป็นผู้หญิงที่ทรงอิทธิพลที่สุดคนหนึ่งในโลก, Beyonce ควีนบีของโลกดนตรี (ISFJ) และ Gordon Ramsey เชฟผู้เป็นเจ้าของมิชลินสตาร์เยอะที่สุดในโลก (ENTJ)
1
คน P (Prospecting) มีแนวโน้มที่จะแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าเก่งและหาโอกาสได้อยู่เสมอ เป็นคนยืดหยุ่น เป็นคนชิวที่ไม่ทำตามระเบียบแบบแผนและชอบที่จะเปิดโอกาสให้กว้างไว้เสมอ ไม่สามารถอยู่กับอะไรได้นาน เบื่อง่าย ชอบความแปลกใหม่ ตัวอย่างคน P คือ Albert Einstein ผู้คิดค้นทฤษฎีสัมพันธภาพ (INTP) , Tom Cruise นักแสดง Hollywood พระเอก Mission Impossible (ISTP) และ Madonna (ESTP)
2
Judging มีแบบแผน VS Prospecting ตัดสินใจเอาหน้างาน
ตัวที่ 5 A (Assertive) VS T (Turbulent)
ตัวนี้คือตัวใหม่ที่เพิ่งมีขึ้นมา ถ้าคนที่ทำแบบทดสอบนี้เมื่อ 10 ปีที่แล้วอาจจะยังไม่เจอตัวนี้นะคะ
ในนิสัยของเราจะมีหลักๆคือ 4 ตัวอักษรแรก แต่ตัวอักษรที่ 5 นี้ ตัวแสดงถึงความมั่นใจในตัวตนและการตัดสินใจของเรา ตัวนี้เพิ่มขึ้นมาเพื่อให้ผลการทดสอบแม่นยำขึ้น
คนที่เป็น A มีแนวโน้มที่เป็นคนที่มั่นใจในตัวเอง ไม่ชอบความเครียด ไม่ขี้กังวลและไม่กดดันตัวเองจนเกินไปเพื่อให้ถึงเป้าหมาย มั่นใจในตัวเองว่าจะฝ่าฝันปัญหาและความยากรายวันได้
2
ในขณะที่คน T มีแนวโน้มที่จะอ่อนไหวกับความเครียด รับรู้ความรู้สึกได้หลากหลาย เป็นคนที่มุ่งหาความสำเร็จ เป็นคนที่ชอบให้ทุกอย่างสมบูรณ์แบบและอยากพัฒนาตนเอง เป็นคนที่จะเสียใจหรือเสียดายกับสิ่งที่ตัวเองทำผิดพลาดไป
5
อ่านเผินๆเหมือนว่า A จะดีกว่า T เสมอใช่ไหมคะ แต่จริงๆแล้วไม่ใช่อย่างนั้นเลย คนที่มีตัวอักษรสุดท้ายเป็น T มีแนวโน้มที่จะกล้าเปลี่ยนแปลงเพื่อสิ่งทีดีกว่าได้มากกว่าและยังคิดถึงทิศทางของชีวิตได้อย่างลึกซึ้งอยู่เสมอๆ และด้วยความมุ่งมั่นที่อยากทำผลลัพธ์ให้ดีนี่เองทำให้หลายๆครั้งคน T สามารถทำงานได้ดีกว่าคน A ได้
6
A ไม่กดดัน VS T มุ่งมั่น ขี้กังวล
สาระน่ารู้เพิ่มเติม: ตัวอย่างประเทศที่มีคน A เยอะที่สุดคือ อูกานดา (57.91%), บาร์บาโดส (57.11%), and ไนจีเรีย (57.01%) และประเทศที่มีคน T เยอะที่สุดคือ ญี่ปุ่น (57.48%) อิตาลี (53.8%) และ บรูไน (52.89%)
เมื่อเรารู้วิธีการจัดกลุ่มแล้ว เราขออนุญาตพูดถึงวิธีการนำผลนี้ไปใช้นะคะ เราเคยเห็นบริษัทและผู้คนทำผลสอบนี้ไปใช้ในหลากหลายรูปแบบ มีวิธีการใช้ที่เราไม่แนะนำและแนะนำอย่างยิ่งอยู่ ขอแบ่งปันประสบการณ์ไว้ตรงนี้ละกันนะคะ :)
PLEASE DON’T
1.DON'T JUDGE! อย่าเอาลักษณะนิสัยของคนอื่นหรือตัวเองมาตัดสินกัน
ถ้าสังเกตดูจะเห็นว่าเราใช้คำว่า “มีแนวโน้ม” กับทุกลักษณะนิสัย เพราะสิ่งนี้ไม่ได้เป็นการบอกอนาคตว่า ถ้าเกิด A คนลักษณะนี้จะทำ B เสมอไป มันเป็นเพียงแนวโน้มเท่านั้นว่าเขามีแนวโน้มจะทำเรื่องเหล่านี้สูงกว่าอีกแบบหนึ่ง
เราเคยทำงานในบริษัทที่ให้ทุกคนทำแบบสอบถามนี้ และก็เห็นการตัดสินกันอย่างแรงในแบบที่ผิดๆว่า ที่คุณคุยกับลูกค้าพลาดเพราะคุณเป็น I หรือที่ทำงานไม่ทันเพราะคุณเป็น P จริงๆแล้วลักษณะนิสัยที่เป็นไม่มีผลใดๆกับความสามารถนะคะ อย่างที่ยกมาให้ดูว่าคนดังและประสบความสำเร็จมีอยู่ในทุกลักษณะนิสัย
อัตราส่วน Type ต่างๆในโลก
2.THINGS CHANGE! อย่าเชื่อว่าผู้คนจะมีนิสัยเดิมตลอดไป
จากคนรอบตัวเราที่ทำมา รวมถึงตัวเองด้วย ค้นพบเลยว่านิสัยเราเปลี่ยนตามวุฒิภาวะและกาลเวลา หลายๆคนเปลี่ยนจาก E เป็น I หรือบางคนเปลี่ยน 4 ตัวกลายเป็นคนละคนเลยก็มี ซึ่งการที่เราเจอคนๆหนึ่งซึ่งเป็น Type หนึ่งในตอนนี้ อีกสองปีข้างหน้าเขาอาจจะกลายเป็นคนละคนก็ได้
3.LOOK IN DETAILS! อย่าดูแค่ตัวอักษรให้ดู % ข้างในด้วย
ถ้าใครได้ทำข้อสอบแล้ว ผลที่จะได้รับจะมีหน้าตาแบบนี้
ตัวอย่างผลคะแนนจาก www.16personalities.com
จะเห็นเลยว่านอกจากตัวอักษร 5 ตัวแล้วยังมี % มาให้ด้วย ซึ่งถ้าลองดูจากตัวอย่างนี้จะเห็นว่า E เป็น 51% I เป็น 49% ซึ่งใกล้เคียงกันมากๆ ถึงแม้ว่าจะได้ E แต่คนนี้ย่อมมีความเป็น I อยู่สูงมากเช่นกัน ดังนั้นแล้วไม่ได้แปลว่าเขาคนนี้จะอยากอยู่กับคนเสมอไป เขาอาจจะมีช่วงเวลาที่อยากอยู่กับตัวเองพอๆกันเลยก็ได้
อย่างที่เราได้บอกไว้ตอนต้นว่าอันนี้เป็นเพียงแนวโน้มเท่านั้นและแนวโน้มจะมากหรือน้อยก็ขึ้นอยู่กับ % ของผลคะแนนเพราะฉะนั้นถ้าอยากรู้จักใครจริงๆ อย่าดูแค่ตัวอักษรแต่ควรดู % และอย่าลืมเก็บหน้า Result ของตัวเองแบบมี % ไว้ด้วยนะคะ
PLEASE DO
1. IMPROVE YOURSELF นำมาพัฒนาตนเอง
เมื่อรู้นิสัยของตัวเองแล้ว ก็สามารถอ่านและเรียนรู้ข้อดีข้อเสียของ Type ตัวเองในสถานการณ์ต่างๆได้ เราแนะนำให้อ่านและลองย้อนมองตัวเองว่าเราเป็นแบบนั้นไหม ถ้ามีจุดไหนแก้ไขได้ก็แก้ไข ซึ่งในโพสอื่นๆในซีรีส์นี้ เราจะมาเล่ารายละเอียดแต่ละ Type ให้อ่านนะคะ
1
2. UNDERSTAND OTHERS นำไปเข้าใจผู้อื่น
เพราะเราอยากเข้าใจคนอื่นเราเริ่มศึกษางานวิจัยนี้อย่างจริงจัง ถ้าใครที่ต้องทำงานและพบเจอผู้คนจำนวนมาก เราแนะนำให้ทำความเข้าใจรวมๆในทุก Type เพราะเมื่อเราเจอคนที่หลากหลายเราจะได้สามารถเข้าใจแนวคิดและพื้นฐานความเชื่อของเขาได้ดีขึ้น งานวิจัยนี้เราค้นพบว่าเหมาะมากที่จะให้คนใกล้ตัวเราทำ เช่น ลูกน้อง หัวหน้า ครอบครัว แฟน ลูก หรือเพื่อนสนิท เพราะเมื่อทำแล้วเราจะสามารถเข้าใจและอยู่ร่วมกับคนๆนั้นได้ง่ายขึ้น
1
ยกตัวอย่างกรณีที่แฟนที่เป็นคน E (Extroverted) และ I (Introverted) คบกัน คน E ก็อาจจะงอนคน I ได้ง่ายๆว่าไม่ยอมออกจากบ้านมาหา ไม่ยอมไปเจอเพื่อนตัวเอง แต่จริงๆแล้วมันอาจจะเป็นแค่การชาร์จพลังงานของอีกฝั่ง หรือคน I อาจจะงอนที่คน E ดู friendly ไปกับทุกคนทำให้ดูไม่สนใจตนเองทั้งๆที่จริงๆก็อาจจะเป็นแค่วิธีการหาพลังงานของคน E เช่นกัน
1
การทำแบบทดสอบนี้มีประโยชน์มากกับเราและคนรอบตัวเลยมาแนะนำให้ทุกคนได้รู้จักกันค่ะ
อยากจะชวนให้ทุกคนทำแบบทดสอบนี้ตาม Link นี้กัน เพื่อที่ว่าโพสอื่นๆที่ตามมาเราจะได้อ่านอย่างมีอรรถรสมากขึ้นเมื่อรู้ว่าตัวเองและคนใกล้ตัวเป็น Type ไหนนะคะ :)
Version English > Let's know your type!
ภาษาไทย > ทำข้อสอบได้ที่ LINK นี้ค่ะ
ในโพสอื่นๆในซีรีส์นี้เราจะมารีวิวแต่ละ Type Groups (กลุ่มนิสัย 4 กลุ่ม), Roles, Strategies และ Types
(ลักษณะนิสัยทั้ง 16 แบบ) ให้อ่านกัน ต่อให้เราไม่ได้เป็น Type นั้นก็ยังคงแนะนำให้อ่านของคนอื่นดูนะคะ เพราะมันช่วยทำให้เราเข้าใจคนใกล้ตัวหรือเพื่อนร่วมงานได้เพิ่มขึ้นมากเลยค่ะ
1
ตอนนี้เพจรีวิวทุกอย่างที่อ่านออกมี Facebook แล้ว https://www.facebook.com/alphabetsreview/ สามารถเข้าไปดูกดไลค์ คอมเมนต์ กดแชร์ให้กำลังใจกันได้นะคะ :)
อ้างอิง: ขอขอบคุณข้อมูลหลัก ข้อสอบและรูปภาพมาจาก Website ที่ Official ของ MBTI ชื่อว่า 16personalities.com และขอขอบคุณหลากหลายงานวิจัยและหนังสือที่เราได้นำมาประกอบเป็นองค์ความรู้วันนี้ค่ะ
1
ถ้าชอบเนื้อหาแบบนี้ช่วยกดไลค์ แชร์หรือคอมเมนต์เป็นกำลังใจให้เราหน่อยนะคะและรอติดตามตอนต่อไปได้เลยค่ะ :)
1

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา