ปิยบุตร: พรรคการเมืองโปร่งใส ตรวจสอบได้ กลับยิ่งโดนจับผิด
[ ประเทศไทยอยากมีพรรคการเมืองที่เปิดเผย โปร่งใส ตรวจสอบได้ หรือ จะเป็นสังคมศรีธนญชัย ต้องการพรรคหมกเม็ดทำใต้โต๊ะกันแน่? ]
ปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ แถลงปิดคดีนอกศาลรัฐธรรมนูญ เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 18 ก.พ. 2563 ตอนหนึ่งตั้งคำถามถึงกฎหมายพรรคการเมืองว่ามีไว้เพื่อสนับสนุนพรรคการเมืองหรือเป็นเครื่องมือในการกำจัดพรรคการเมืองกันแน่
“ด้านหนึ่งผู้ร่างก็บอกว่าต้องการทำให้พรรคการเมืองเป็นของประชาชน ต้องทำกิจกรรมให้เยอะ ต้องตั้งสาขาพรรค ต้องทำให้โปร่งใส
พรรคอนาคตใหม่ก่อตั้งขึ้นมายึดเรื่องนี้เป็นหลัก เราต้องการสร้างบรรทัดฐานทางการเมืองแบบใหม่ แสดงถึงความโปร่งใส คือแสดงถึงที่มาที่ไปของเงินที่เข้ามา และการเอาเงินจ่ายออกไปจากพรรค
อนาคตใหม่เลือกใช้วิธีกู้เงินเพราะไม่มีหนทางที่จะหางบประมาณมาดำเนินกิจกรรมได้ทันภายในช่วงเวลาไม่กี่เดือนในขณะที่ติดล็อค คสช. เราจึงเลือกกู้เงิน แล้วก็แสดงความโปร่งใส มีสัญญาเงินกู้ชัดเจน เพราะหวังจะยกระดับมาตรฐานความโปร่งใส
แต่ปรากฎว่ากลับมีการเอากฎหมายพรรคการเมืองมาใช้จับผิด ไล่ล่า ทำลายล้างพรรคอนาคตใหม่ใช่หรือไม่?
พอธนาธรประกาศว่าให้พรรคกู้เงิน นักร้องก็ไปร้องบอกว่าเป็น “รายได้” พอพรรคอนาคตใหม่ อธิบายได้ว่าไม่ใช่รายได้ แต่เป็น “หนี้สิน” ก็เลยเปลี่ยนไปหาว่า “เงินกู้” เป็น “เงินบริจาค” แทน พออธิบายได้ว่าไม่ใช่เงินบริจาค ก็หาว่าเป็น “ประโยชน์อื่นใด” พออธิบายได้อีก ก็ไปคิดว่ายื่นยุบพรรคไม่ได้ งั้นบอกเป็น “เงินนอกกฎหมาย” เอามาตรา 72 มาใช้แทน
ไม่ว่าจะอธิบายอย่างไรก็เปลี่ยนหัวข้อใหม่ไปเรื่อยๆ วันหนึ่งหากอธิบายไปมากๆ อาจถึงขั้นที่บอกว่า เพราะชื่ออนาคตใหม่ ยังไงก็ผิด จะต้องไปถึงขั้นนั้นเลยหรือไม่ นี่ไม่ต่างอะไรจาก “หมาป่ากับลูกแกะ” ชัดๆ
ถ้าพบว่าไม่ผิด ก็ต้องไม่ผิด ไม่ใช่ไปหาเรื่องใหม่ๆ มาใช้ให้ผิดไปเรื่อยๆ
นอกจากนี้ปิยบุตรยังฝากตั้งคำถามผ่านสื่อมวลชนไปดังๆ ว่า “พรรคเกิดใหม่พร้อมๆ กับพรรคอนาคตใหม่ที่ลงเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา ถามตรงๆ คุณเอาเงินมาจากไหน ที่ไปส่งผู้สมัครลงได้หลายเขต เอาเงินมาจากไหนไปตั้งสาขาพรรคและตัวแทนพรรคประจำจังหวัด”
“ในขณะที่พรรคอนาคตใหม่บอกชัดเจนว่ากู้เงินมาจากธนาธร เราจงใจบอกเพื่อให้ทุกคนรู้ว่าพรรคอนาคตใหม่เอาเงินมาจากไหน
ในที่สุดประเทศนี้กำลังสนับสนุนและบอกว่าพรรคการเมืองต่างๆ จงอย่าโปร่งใส จงอย่าบอกว่าเอาเงินมาจากไหน จงหลบๆ ซ่อนๆ ไปเอาเงินใต้โต๊ะ ไปซอยบริษัทเล็กๆ แล้วบริจาคเข้าพรรคมา ไปจัดโต๊ะจีนที่มีทุนขนาดยักษ์ใหญ่ใส่เข้ามา 600 กว่าล้านพอถึงเวลาก็เปลี่ยนเป็น 300 กว่าล้าน
ตกลงแล้ว กกต. ต้องการอะไรกันแน่?
สุดท้ายแล้วหากคดีนี้นำไปสู่การยุบพรรคได้ บทสรุปคือพรรคดาพรรคเกิดใหม่ทั้งหลาย จงอย่าเปิดเผย จงอย่าโปร่งใส ยิ่งเปิดเผย ยิ่งโปร่งใสเท่าไหร่ คุณจะถูกจับผิดมากเท่านั้น
นี่จะเป็นสังคมศรีธนญชัยหรือ? สนับสนุนให้ทุกพรรคซ่อน หมกเม็ด ใช้เงินใต้โต๊ะ ไม่รายงานรายได้รายจ่ายหรือ?