23 ก.พ. 2020 เวลา 04:03 • บันเทิง
"Dancing Queen" ดิสโก้แสนงดงามจากสวีเดนของ ABBA
เมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ที่เพิ่งผ่านมา มีข่าวเซอร์ไพรส์ในวงการเพลงที่ชวนให้บรรดานักฟังเพลงรุ่นใหญ่ตื่นเต้นกันได้ไม่น้อย เมื่อ ABBA วงป็อปสวีเดนระดับตำนาน หนึ่งในสัญลักษณ์แห่งดนตรียุค 70s เจ้าของเพลงฮิตดิสโก้สุดดัง "Dancing Queen" ได้ประกาศว่า ทางวงมีแผนจะวางจำหน่ายผลงานเพลงใหม่ในปี 2020 นี้ ซึ่งถือเป็นอัลบั้มแรกในรอบ 3 ทศวรรษของพวกเขาเลยทีเดียว
สำหรับตัวผมเอง ถ้าพูดถึงวง ABBA ก็จะมีเสียงของเพลง "Dancing Queen" ดังก้องขึ้นมาให้หัวก่อนเสมอ อาจเป็นเพราะ ตัวเองเป็นหนึ่งในมนุษย์ที่เติบโตขึ้นมาในยุคสมัยที่เพลงนี้กำลังเป็นที่นิยมอย่างมาก จึงถือเป็นโอกาสอันดี ที่จะมาเล่าเรื่องชวนกันฟังเพลงนี้สักหน่อยในระหว่างการรอฟังเพลงใหม่ของพวกเขาที่กำลังจะมา
ABBA เป็นวงป็อประดับซุปเปอร์กรุปจากสวีเดน หนึ่งในกลุ่มประเทศแถบสแกนดิเนเวีย ที่นาน ๆ จะมีศิลปินเพลงที่โด่งดังในระดับโลกให้ได้ชื่นชมผลงานกัน เป็นที่ยอมรับโดยทั่วกันว่า พวกเขาคือศิลปินที่มาจากประเทศในกลุ่มนี้ที่โด่งดังที่สุด และมักจะถูกนำไปใช้ในการอ้างอิงระดับความดังให้กับศิลปินดังรุ่นหลัง ๆ อยู่เสมอมา
วง ABBA ก่อตั้งขึ้นในปี 1972 และเริ่มเป็นที่รู้จักจากการชนะการประกวดบนเวที Eurovision ในปี 1974 ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ศิลปินจากประเทศสวีเดน ได้รับรางวัลชนะเลิศบนเวทีนี้ วงนี้มีสมาชิกทั้งหมด 4 คน ประกอบไปด้วยคู่สามี-ภรรยา 2 คู่ คือ Benny Andersson กับ Anni-Frid Lyngstad และ Bjorn Ulvaeus กับ Agnetha Faltskog แต่ในช่วงท้ายของการทำงานร่วมกันของวง ทั้งสองคู่ก็ได้แยกทางกันก่อนที่จะมีการยุบวงอย่างเป็นทางการในปี 1982
1
ยุค 70s ถือเป็นยุครุ่งเรืองของดนตรีในแนวดิสโก้ อันเป็นหนึ่งในดนตรีเต้นรำที่เหมือนเป็นเอกลักษณ์สำคัญอย่างหนึ่งของยุคสมัยเลยก็ว่าได้ ดนตรีแนวนี้ได้รับความนิยมอย่างมากในอเมริกา และเมื่ออเมริกาเปรียบเสมือนหนึ่งในเมืองหลวงแห่งวงการเพลงป็อปของโลก การที่จะโด่งดังไปทั่วโลกได้นั้น จึงจำเป็นต้องเอาชนะใจคนฟังเพลงชาวอเมริกันให้ได้เสียก่อน ABBA จึงได้เลือกหนทางนี้เพื่อก้าวไปสู่จุดหมายสูงสุดนั้น
ขอบคุณภาพจาก: pasja1000 | Pixabay
เพลง "Dancing Queen" อยู่ในอัลบั้มที่สี่ของวงที่ชื่อ "Arrival" ออกมาในปี 1976 ในเรื่องของแนวดนตรีแล้ว เป็นเพลงที่ค่อนข้างแตกต่างจากทุก ๆ เพลงในอัลบั้มเดียวกัน เพลงส่วนใหญ่ของ ABBA มักจะเป็นเพลงป็อปร็อคแบบนุ่ม ๆ เบา ๆ ที่มีท่วงทำนองไพเราะชวนฟังในแบบของดนตรีทางฟากฝั่งยุโรป ซึ่งในเวลาต่อมา เป็นที่รู้จักกันในชื่อของ Europop
วง ABBA ได้ผสมผสานดนตรีในแนวดิสโก้เข้ากับแนวดนตรีของตัวเอง ทำให้ "Dancing Queen" กลายเป็นเพลงในแนวที่ต่อมาเรียกกันว่า Euro Disco เพลงแรกในประวัติศาสตร์ และเป็นที่ถูกอกถูกใจนักฟังเพลงอย่างกว้างขวางไปทั่วโลก
โดยรวมแล้ว เพลงนี้เป็นเพลงเต้นรำที่มีจังหวะนุ่มนวลชวนโยกย้าย มีท่วงทำนองที่ฟังไพเราะสวยงามตามสไตล์ของวง ซึ่งได้ถูกถ่ายทอดผ่านคุณภาพการร้องประสานเสียงระดับคุณแม่ของวงการจากทั้งคุณ Agnetha และคุณ Frida
ส่วนของดนตรี มีสำเนียงที่เฉพาะตัวในแบบของดนตรีทางฟากฝั่งยุโรป และที่ชอบมากเป็นการส่วนตัวก็คือ การเรียบเรียงดนตรีให้มีเสียงของวงเครื่องสายบรรเลงในเพลงเต้นรำแบบนี้ ทำให้ฟังดูเลอค่าน่าฟังยิ่งขึ้นไปอีก ถือเป็นเสน่ห์ที่สำคัญอย่างหนึ่งของบทเพลงในยุคสมัยนั้น
เพลงนี้ประสบความสำเร็จสูงมากๆ โด่งดังไปทั่วโลก สามารถขึ้นไปถึงอันดับหนึ่งในหลายประเทศ อย่างเช่น ออสเตรเลีย, เนเธอร์แลนด์, เบลเยี่ยม, ไอร์แลนด์, แม็กซิโก, แอฟริกาใต้, สเปน, นอร์เวย์, สวีเดน, อังกฤษ และแน่นอนที่อเมริกาอันเป็นเป้าหมายสำคัญด้วย
1
ขอบคุณภาพ "วง ABBA ในปี 1976" จาก: Bert Verhoeff / Anefo | Commons.wikimedia.org ภายใต้ CC0 1.0
เพลงนี้เป็นเพลงเดียวของ ABBA ที่ขึ้นถึงอันดับหนึ่งที่อเมริกา ซึ่งก็ไม่ง่ายเลยที่เพลงของวงดนตรีจากประเทศในแถบสแกนดิเนเวีย จะครอบครองใจคนอเมริกันและคนทั่วโลกได้แบบนี้ และทำให้ในเวลาต่อมา พวกเขาได้กลายเป็นหนึ่งวงดนตรีที่มียอดจำหน่ายผลงานสูงสุดตลอดกาลมาจนถึงทุกวันนี้
สำหรับตัวผมเองแล้ว "Dancing Queen" คือเพลงดิสโก้ที่งดงามที่สุดเท่าที่เคยได้ยินได้ฟังมาในชีวิตเลยทีเดียว
ในปี 2015 เพลงนี้ได้ถูกเชิญเข้าสู่ Grammy Hall of Fame ซึ่งดำเนินงานโดยวิทยาลัยการบันทึกเสียงที่อเมริกาไปเป็นที่เรียบร้อย น่าจะเป็นเครื่องยืนยันความทรงคุณค่าของตัวเพลงได้เป็นอย่างดี
ต่อมาในปี 2018 ปีเดียวกันกับที่หนังเรื่อง "Mamma Mia! Here We Go Again" ภาคต่อของหนังเพลงที่สร้างขึ้นจากบทเพลงดังของวง เรื่อง "Mamma Mia!" ออกฉาย วง ABBA ได้ประกาศการกลับมารวมตัวกันเพื่อสร้างผลงานเพลงใหม่อีกครั้ง ซึ่งก็เป็นที่มาของข่าวดีสำหรับแฟนเพลงของวง ตามที่ผมได้เล่าให้อ่านไปในตอนต้นนั่นเอง
สำหรับแฟนเพลงของวง มันน่าจะเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นไม่น้อยว่า เมื่อเวลาผ่านล่วงเลยมาเนิ่นนานเพียงนี้ และแนวดนตรีกระแสหลักในโลกก็ได้เปลี่ยนแปลงไปแล้วอย่างมากมาย งานเพลงใหม่ของพวกเขาจะมีสุ้มเสียงสำเนียงเปลี่ยนไปเช่นไร ช่างเป็นเรื่องที่น่าติดตามยิ่ง
อ้างอิง:
โฆษณา