23 ก.พ. 2020 เวลา 12:28 • ไลฟ์สไตล์
ไปเที่ยวประเทศไหนดีช่วงที่มี covid 19 และทัวร์ถูก-*-
อัพเดทประเทศที่เสี่ยงสูงกับ covid19
ขี้เกียจอ่าน กดฟังเลยค่ะ :')
เรื่องเล่าวันนี้เป็นเรื่องเล่าที่อยากบอกว่า "อยู่บ้านเถอะค่ะ"
ถ้าซื้อทัวร์อย่าเสียดาย ลองเจรจา ได้เงินคืนหรือไม่ได้เงินคืน
รักษาชีวิตไว้ก่อน ยังมีเวลาเที่ยวอีกเยอะ
และแม้ยังไม่ได้จองทัวร์กันเล๊ยยย ก็อย่าเพิ่งจองตอนนี้
ยิ่งประเทศจีน เวียดนาม ญี่ปุ่น สิงคโปร์ เกาหลี มาเก๊า ฮ่องกง มาเลเซีย
ไต้หวัน ล่าสุดทางยุโรปเริ่มมาละ อิตาลี่เริ่มประกาศปิดโรงเรียน ร้านอาหาร
และแหล่งชุมชนใน 10 เมือง ของประเทศละ แล้วก็มีผลให้งดกิจกรรา จำพวก คาร์นิวัล กิจกรรมทางศาสนา แข่งกีฬาทั้งหมดนี่ยกเลิกไปด้วยเลย
เพราะมีผู้เสียชีวิตคนแรกจาก covid 19 แล้วละคะ
แล้วก็ยังมีผุ้ติดเชื้ออีก 15 ราย
ใน 15 รายที่อิตาลี่นี่ เป็นแพทย์ 5 รายนะคะ
วันนี้สำนักข่าวหลายที่เริ่มเผยแพร่เรือ่งผู้หญิงคนนึงไปเที่ยวญี่ปุ่น
ก่อนไป ยังไม่มีข่าวญี่ปุ่นมี covid 19 แพร่ระบาดเลย
แต่ตอนกลับเริ่มมีละ คุณผู้หญิงคนนี้เนี่ย
ใช้ชื่อเฟซบุ๊คว่า การ์ตูน ฮันเตอร์ ถ้าอ่านไม่ผิดนะ
เธอเล่าว่า กลับจากญีปุ่นก็รู้สึกปกติดี ไปทำงานปกติ
และบอกกับตัวเองเสมอเลยว่า
เฮ้ยไม่เป็นไร ดูแลตัวเองดีมาก หน้ากากแอลกอฮอร์ล้างมือ
แต่พอครบ 14 วัน
ซึ่งเป็นระยะฟักตัวเนี่ย มาเลยจ๊ะ เจ็บคอ ปวดเมื่อย ตัวร้อน ไข้ขึ้น
ดีที่เธอไปโรงพยาบาลทันที ก็โดนซักประวัติ
ว่าไปตปท.มาไหม ก็ตอบไปญ่ปุ่น ไปโตเกียว และมีคำถามตามมามากมาย
และได้ยินคำตอบเบาๆพร้อมบีบมือว่า เข้าข่าย covid 19
ซักพักก็เจอคุณหมอที่ใส่ชุดเชุดป้องกันการติดเชื้อ
เข้ามาตรวจหาเชื้อแบบไข้หวัดใหญ่โดยการแหย่จมูก ผลออกมา
ไม่ใช่ไข้หวัดใหญ่ทีนี้ชุดที่สองก็มา จมูก คอ เจาะเลือด ส่งตรวจเฉพาะเลย รอผลแปดชั่วโมงถูกกักตัวไว้ ถึงตอนนี้เธอบอก เราจะตายไหม ห่วงนั่นห่วงนี่ก็มาละคะสรุป เธอรู้ผล ตอนทุ่มนึง ....... ไม่ใช่ ทีนี่เธอก็โล่งเลยละคะ
นี่ขนาดเธอไม่เป็นนะคะ
ทิ้งท้ายคุณผู้หญิงท่านนี้เธอบอกแก่ทุกคนด้วยความหวังดีว่า
ถ้าใครไปประเทศสุ่มเสี่ยง หรือมีเพื่อน ให้บอกข้อมูลให้หมดตอนซักประวัติ ข้อมูลที่แท้จริงจะช่วยเจ้าหน้าที่ให้ประเมินง่ายขึ้นเพื่อรักษาเรา
และยังป้องกันคนอื่นได้อีกด้วย
อันนี้เป็นตัวอย่างที่ดีเลยละคะ ขนาดไม่ป่วยเธอยังกระตือลือล้นที่จะไปตรวจดังนั้นพี่พี่น้องน้องเราเราท่านๆ ถ้าแค่ซื้อทัวร์ไว้ ยังไมได้ไปอย่าไปเลยค่ะพรีสอยู่บ้านก่อนนะ เที่ยวเมื่อไหร่ก็ได้
และเมือ่เร็วๆนี้ ประมาณวันที่ 20 ที่ผ่านมา
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ก็มีประกาศแล้วนะคะ ว่า
ห้ามบุคลากรเดินทางไปประเทศเสี่ยง COVID-19 รวมถึงหากเดินทางไปก่อนหน้านี้ให้เข้าตรวจคัดกรอง หากพบเสี่ยงติดเชื้อให้เข้าสู่การเฝ้าระวังตามมาตรฐาน 14 วัน โดยไม่นับว่าเป็นวันลา-ขาด
ทั้งหมดทั้งมวลที่เล่ามานี้ ไม่ได้มีเจตนาให้ตื่นตกใจนะคะ
แต่เจตนาคือให้ตื่นรู้ ตื่นคือหาข้อมูล รู้คือรู้ทัน
ช่วงนี้มีแชร์กันหนักมากในเฟซบุ๊ค
จากคุณหมอท่านนึงท่านไม่ได้เอ่ยนาม
ท่านบอกว่า พวกเราจะถึงระดับสามแน่นอน
ขณะนี้ประเทศไทยเรา อยู่ในระดับ 2
ระดับ 2 ก็หมายความว่า เรามีการติดเชื้อ เราไม่ใช่ต้นทาง
เราติดเชื้อจากผุ้ที่มีความเกี่ยวข้องกับประเทศจีน
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นประเทศที่กล่าวข้างต้น
เช่น ญี่ปุ่น สิงค์โปร์ มาเก๊า ฮ่องกง และล่าสุด เกาหลีใต้
เข้าเป็นระดับ 3 แล้ว คือ เริ่มมีการระบาดในหมู่ผู้คนที่
ไม่เกี่ยวข้องกับต้นตอ หรือว่าประเทศจีนเลย
อย่างคุณหมอที่เมือง วากายามะะ ไหนจะลูกคุณหมอไหนจะเมี่ยคุณหมด
อย่างที่อิตาลี่แม้จะยังพบจำนวนน้อยๆ แต่ผู้ติดเชือ้มีหมอ 5 คนใน 15 นะฮะ ครอบครัวคุณหมอทั้งห้านี่ถ้าติดก็คือระดับสามแน่นอน -*-
ประเทศไทยเราทำอย่างไรให้เข้าสู่ระดับ 3 ช้าที่สุด ต้องช้ามากมาก
เพราะเรามีบุคลากรทางการแพทย์อุปกรณ์น้อย
ถ้าเราติดเชื้อในระดับที่ 3 ประเทศเราจะลำบากแน่ เพราะจะดูแลไม่ทัน
คุณหมอผู้แชร์เฟสบุ๊คมา บอกว่า อันตรายมากและน่าเป็นห่วง
อัตราการเสียชีวิต
ทำยังไงมันถึงจะมาช้าที่สุด
ประชาชนอย่างเราเรานี่ละค่ะ
ต้องร่วมมือร่วมแรงกันค่ะ ป้องกันตัวเองให้ดีที่สุด
ที่ที่เสี่ยงที่สุด หรือไม่เสี่ยง หลีกเลี่ยงได้ไม่ต้องไปค่ะช่วงนี้
ไม่ต้องอยู่อย่างหวาดกลัว แต่อยู่อย่างระลึกรู้ตัวทุกขณะ
มีคู่มือมากมายในการป้องกันตัว ศึกษาป้องกันตัวนะคะ
ท่านยกตัวอย่างว่า ถ้าไปประเทศที่สุ่มเสี่ยง
กลับมามีอาการไข้ ต้องโดนกักตัวแน่นอน ดูอาการ 14 วัน
ถ้าไม่มีอาการ ยังต้องนั่งให้สอบถามด้วยว่าไปไหนและทำอะไร
ต่อจากนั้นให้กลับบ้าน แต่ต้องแยกตัวนะคะ ไม่ไปทำงาน
ไม่พบเจอใคร ระหว่างนี้ ก็จะมีคนติดตามมาตรวจสอบว่า
ดูแลตัวเอง กักตัวเองไหม เพราะถ้ามีคนติดขึ้นมาเพราะเรา
ไม่แสดงอาการคือไม่มีไข้ เชื้อก็จะระบาดเพิ่มไปเพราะเรา
แล้วถ้าเราไม่ทำตามเค้าบอก เรายังไปดน่นมานี่
ไปทำงานไปดูหนัง แต่ติดเชื้อไม่แสดงอาการ
ตอนนั้นละค่ะ คุณหมอว่า พินาศแน่อน
ยิ่งคนที่เดินทางท่องเที่ยวอายุเฉลี่ยคือ 25-50 แข็งแรงกันทั้งนั้น
ถ้าไม่แสดงอาการ แล้วไม่กักตัวเอง เอามาติด ปู่ย่าตายายที่บ้าน
ติดคนที่ป่วยอยู่แล้ว แบบ ความดันโลหิตสูง
- โรคหัวใจ
- โรคทางเดินหายใจ
- โรคมะเร็ง
คนเหล่านี้อัตราการตายสูงมาก
ทั้งหมดทั้งมวล
คือการยกตัวอย่างของคุณหมอผู้ไม่เอ่ยนามให้พวกเราทราบ
ผลของการเดินทางไปในประเทศที่เสี่ยงมากในระยะนี้
ให้เราพิจารณาด้วยตัวเราเองว่า เราควรหรือไม่ควรไปตปท.
และยิ่งเป้นประเทศที่เสี่ยงด้วยแล้ว เราควรไปหรือไม
โฆษณา