23 ก.พ. 2020 เวลา 15:31
Flipped คุณยังจำความรักครั้งแรกในวัยเด็กได้หรือเปล่า มาหวนรำลึกถึงรักครั้งแรก ผ่านหนังรัก Feel good ที่สะท้อนถึงความรักในมุมมองของเด็กผู้หญิงและเด็กผู้ชาย
1
คำเตือน ⚠️ บทความนี้เป็นการเปิดเผยเนื้อเรื่องทั้งหมด Spoil
Filpped (2010)
" ไบรซ์ ลอสกี้" เด็กชายวัย 7 ขวบและพ่อแม่ของเขา เพิ่งย้ายมาเป็นสมาชิกใหม่ในเมือง เพื่อนบ้านคนแรกที่เขาเจอคือ "จูลี่ เบเกอร์" เด็กหญิงวัยเดียวกันที่สุดแสนจะน่ารำคาญในสายตาไบรซ์ เพราะจูลี่พยายามตีสนิทกับเขาสุดฤทธิ์ ไม่ว่าจะที่บ้านหรือที่โรงเรียน
เวลาผ่านไป 5 ปี สถานการณ์ยังเหมือนเดิม ไบรซ์คิดวิธีที่จะทำให้จูลี่เลิกยุ่งกับเขา โดยการทำตัวสนิทสนมกับ"เชอร์รี่ สตอลส์ "ซึ่งไม่ถูกกับจูลี่ แต่แผนการของเขาก็ล้มไม่เป็นท่า เมื่อ "การ์เร็ตต์" เพื่อนสนิทของไบรซ์ แอบปลื้มเชอร์รี่อยู่ และได้บอกแผนการของไบรซ์ให้เชอร์รี่รู้
เมื่อจูลี่รู้เรื่องนี้เข้า เธอก็กลับมาส่งสายตาหวานเยิ้ม และตามติดไบรซ์อีกครั้ง เขาได้แต่ภาวนาให้ปีสุดท้ายในชั้นประถมผ่านไปไวๆ เมื่อเข้าโรงเรียนที่ใหม่ อะไรๆคงจะดีขึ้นกว่านี้
จูลีขณะกำลังแอบมองไบรซ์
สำหรับจูลี่นั้น ตั้งแต่แรกเจอไบรซ์ เธอก็ชอบเขาอย่างจัง คิดไกลไปถึงจูบแรกด้วยซ้ำไป และคิดว่าไบรซ์ก็ชอบเธอ แต่เขาคงเขินอายจนไม่กล้าแสดงออก เธอจึงเป็นฝ่ายทำให้เขาเลิกเขิน โดยการตีสนิท ตามติด แม้กระทั่งแอบดมกลิ่นผมไบรซ์ตลอดเวลาที่นั่งข้างหลังเขาในห้องเรียน
เมื่อเชอร์รี่เข้ามาสนิทกับไบรซ์ ในมุมมองของจูลี่ เธอมองว่าเชอร์รี่นั้นเป็นเด็กผู้หญิงที่ไร้สาระ ชอบพูดแต่เรื่องผม ขี้วีน และชอบหักหลังเพื่อน ไม่นานไบรซ์คงจะทนคบเชอร์รี่ต่อไม่ไหวแน่ เมื่อผ่านไปอาทิตย์เดียว และไบรซ์กับเชอร์รี่เลิกสนิทสนมกัน จูลี่ก็คิดว่า นั่นไง ไบรซ์ทนได้ไม่นานหรอก
ไบรซ์กับเชอร์รี่
เมื่อขึ้นชั้นมัธยม หลังจากคุณยายเสียชีวิต ตาของไบรซ์ก็ย้ายมาอยู่ด้วยกัน แต่คุณตามักนั่งเศร้า เหม่ออยู่ลำพังและไม่เคยคุยกับไบรซ์เลย จนกระทั่งหนังสือพิมพ์ท้องถิ่น ลงข่าวของจูลีที่ไม่ยอมให้เจ้าหน้าที่ตัดต้นซิคามอร์ ต้นไม้ใหญ่ที่จูลี่มักปีนเพื่อรายงานถึงการมาของรถโรงเรียน ให้เพื่อนๆที่กำลังรอรถอยู่ฟัง ตาของไบรซ์ชอบในความเด็ดเดี่ยวของจูลี่มาก แต่ในสายตาของไบรซ์ จูลี่นี่บ้าชัดๆ เธอจะอะไรนักหนากับต้นไม้ต้นเดียว
บ้านของจูลี่นั้นอยู่ตรงข้ามกับไบรซ์ พ่อแม่ของเธอเลี้ยงไก่ พร้อมกับสนามหญ้ารกรุงรัง ทำให้พ่อของไบรซ์ไม่สบอารมณ์ แม่ของไบรซ์เองก็ชอบคิดเวทนาแม่ของจูลี่ที่มาแต่งกับชาวสวนซึ่งชอบวาดรูปขายเป็นงานอดิเรก
วิวที่จูลีเห็นจากกิ่งต้นซิคามอร์
สำหรับจูลี่นั้นทุกครั้งที่เธอปีนขึ้นไปบนต้นซิคามอร์ ยิ่งสูง ยิ่งเห็นวิวรอบตัวชัดเจน ท้องฟ้าที่เปลี่ยนสีขณะพระอาทิตย์กำลังขึ้นและตก สายลมที่พัดโชยนั้น เป็นความประทับใจที่จูลี่ไม่อาจทนให้ใครมาทำลายมันลงได้
จูลี่ถึงได้ดึงดันไม่ยอมลงจากต้นไม้ เธอขอให้เพื่อนๆและไบรซ์ปีนขึ้นมา เพื่อไม่ให้มีการตัดต้นไม้ แม้ไบรซ์จะแอบสงสารจูลี่ แต่เขาก็ช่วยอะไรไม่ได้ ไบรซ์จึงขึ้นรถไปเรียนตามปกติ
คนทั้งเมืองเริ่มมามุงดูที่ต้นซิคามอร์ พ่อของจูลี่เกลี้ยกล่อมจนเธอยอมปีนลงมา ต้นไม้ถูกตัดในที่สุด จูลี่ปั่นจักรยานไปโรงเรียนแทน เพราะเธอไม่อยากผ่านต้นซิคามอร์ที่ถูกตัดเหลือแต่ตอให้สะเทือนใจ พ่อของเธอจึงวาดรูปต้นซิคามอร์ไว้ให้เธอได้ดูแทนต้นที่ถูกตัดไป
จูลี่มองภาพต้นซิคามอร์ที่ติดอยู่ในห้องนอน พร้อมทั้งครุ่นคิดว่าเธอรู้สึกอย่างไรกับไบรซ์ ลอสกี้กันแน่ ยังรู้สึกดี หรือว่าเริ่มเฉยๆกับเขากันแน่
ฝ่ายไบรซ์ เขาสงสารจูลี่ ที่ต้นไม้ที่เธอรักถูกตัด ใจนึงเขาก็อยากจะพูดดีกับจูลี่ แต่อีกใจนึงก็กลัวจูลี่จะคิดว่าเขาชอบเธอ ซึ่งหลังจากต้นซิคามอร์ถูกตัด ก็ดูเหมือนจูลี่เงียบๆ เหม่อๆ และไม่ค่อยได้สนใจเขาเหมือนแต่ก่อน
ลีเนตต้าพี่สาวของไบรซ์ แอบปลื้มสกายเลอร์ นักร้องร่วมวงกับแมตต์และไมค์ พี่ชายของจูลี่พวกเขาชวนไบรซ์ให้ดูงูที่เลี้ยงไว้กำลังกินไข่โดยไม่ต้องเคี้ยว ไบรซ์รู้สึกขนลุกและเก็บไปฝันร้ายว่าเขาอยู่ในไข่ใบนั้น
จูลี่นำการฟักไข่ให้เป็นลูกเจี๊ยบ ไปเป็นโครงงานและโชว์ที่งานโรงเรียน ได้รับความสนใจดีมาก จนไบรซ์เซ็งที่ไม่มีใครสนใจงานของเขาเลยแม้กระทั่งพ่อกับแม่
หลังจากนั้นจูลี่เริ่มนำไข่มาเป็นของฝากให้บ้านไบรซ์ ตอนแรกพวกเขาก็ชอบกินไข่สดจากฟาร์มของจูลี่มาก แต่ว่าพ่อของไบรซ์กลัวว่าจะเจอลูกเจี๊ยบจากไข่ และกลัวเรื่องแบคทีเรีย แม่เริ่มคล้อยตาม และไบรซ์ก็ไม่อยากกินไข่ด้วย
ทุกครั้งที่จูลี่นำไข่มาให้ ไบรซ์ไม่กล้าปฏิเสธเพราะกลัวจูลี่เสียความรู้สึก จึงแอบเอาไข่ไปทิ้งถังขยะแทน
เดิมทีไก่ของจูลี่ออกไข่มาเยอะมาก บ้านของเธอกินเองทั้งหมดไม่ไหว เพื่อนบ้านรู้ข่าวก็ขอซื้อไข่ไก่สดไปทานบ้าง จูลี่จึงคิดได้ว่า น่าจะนำไข่ไก่ไปฝากบ้านของไบรซ์บ้าง เพราะครอบครัวเธอก็ได้รับน้ำใจช่วยเหลือจากบ้านเขา ให้หยิบยืมเครื่องมือ และติดรถไปทำธุระเวลารถสตาร์ทไม่ติดอยู่บ่อยๆ
จูลี่คิดว่าครอบครัวไบรซ์คงชอบ จนกระทั่งเจอไบรซ์กำลังจะเอาไข่เธอไปทิ้ง เพราะพ่อเขาบอกว่าบ้านเธอมีแต่ขี้ไก่ และไข่อาจจะปนเปื้อนแบคทีเรีย จูลี่ทั้งอายและโกรธ
จูลี่เริ่มจัดการกับสวนหน้าบ้านของเธอ ด้วยการถอนหญ้ารกรุงรังออก และปลูกต้นไม้ใหม่ คุณตาของไบรซ์ได้ให้คำแนะนำและช่วยจูลี่ทำสวนด้วย ไบรซ์รู้สึกโกรธที่ตั้งแต่มาอยู่บ้าน ตาของเขายังไม่เคยคุยกับเขา มากเท่ากับที่คุยกับจูลี่ตอนนี้เลย
พ่อของไบรซ์แขวะคุณตาว่าคิดอะไรกับจูลี่หรือเปล่า ทำไมไปช่วยเธอทำสวนหน้าบ้าน คุณตาจึงบอกว่า ที่บ้านของจูลี่ ไม่มีเงินทำสนามหญ้า เพราะน้องชายของพ่อจูลี่สมองพิการจากการที่สายรกพันคอ เขาจึงนำเงินทั้งหมดดูแลน้องจนหมด แม้แต่บ้านก็เป็นบ้านที่เช่าอยู่เท่านั้น
เรื่องนี้ทำให้แม่ของไบรซ์สะเทือนใจมาก เพราะก่อนคลอด ไบรซ์ก็เคยถูกสายรกพันคอ แต่โชคดีที่หมอช่วยเอาไว้ได้ทัน
ไบรซ์รวบรวมความกล้า และขอโทษจูลี่เรื่องที่เคยดูถูกเรื่องสนามหญ้าบ้านเธอ และเรื่องที่นำไข่ไปทิ้ง จูลี่บอกว่าไม่เป็นไรเพราะมันเป็นเรื่องจริง และเธอก็พบว่าเธอรู้สึกตื่นเต้นเมื่อเจอไบรซ์น้อยลง
แม่ของไบรซ์ชวนบ้านเบเกอร์มาทานมื้อค่ำที่บ้าน อย่างเป็นทางการในสัปดาห์หน้า ไบรซ์เริ่มรู้ตัวว่าเขาแอบมองจูลี่บ่อยขึ้น เขาคิดถึงจูลี่ และโกรธเมื่อการ์เร็ตต์พูดถึงเธอในทางที่ไม่ดีแต่เขาก็เก็บไว้ในใจและทำเป็นเออออไปกับเพื่อน ไบรซ์ยอมรับกับตัวเองว่า เขาชอบจูลี่ เบเกอร์เข้าแล้ว
จูลี่ขอตามพ่อไปเยี่ยมอาที่พิการทางสมองที่ศูนย์ดูแล อาแดเนียลที่จูลี่เพิ่งเคยเจอนั้นเหมือนเด็กๆไม่มีผิด พวกเขาพากันไปฉลองวันเกิด อาแดเนียลทำไอศกรีมตกพื้นและเริ่มอาละวาด แต่กลับร่าเริงและลืมไปหมดตอนขากลับจากร้าน จูลี่เริ่มคิดว่าปู่กับย่าต้องลำบากแค่ไหนในการดูแลอาของเธอ
เพื่อนของจูลี่ มาบอกเธอว่าไบรซ์แอบชอบจูลี่แน่ๆ เพราะเขาแอบมองเธอ และตอนนี้เขากำลังคุยเรื่องจูลี่กับการ์เร็ตต์อยู่ จูลี่และเพื่อนจึงไปแอบฟัง เธอดีใจที่ได้ยินไบรซ์บอกว่าอดคิดถึงจูลี่ไม่ได้ แต่ก็ต้องโมโหมาก เพราะว่าการ์เร็ตต์บอกว่าจูลี่อาจปัญญาอ่อนเหมือนอาของเธอ และไบรซ์ไม่ได้ตอบโต้การ์เร็ตต์เลย แค่หัวเราะเออออไป
จูลี่ตัดสินใจได้แล้วว่าเธอไม่ได้รู้สึกดีกับไบรซ์อีกต่อไป เมื่อถึงวันนัดทานอาหารเย็น เธอจึงบอกไบรซ์ไปตามตรงว่าเธอไม่พอใจเขาอยู่เรื่องที่เขาคุยกับการ์เร็ตต์ ตลอดมื้ออาหารจูลี่ไม่คุยกับไบรซ์เลย แต่ก่อนกลับบ้านเธอก็ได้บอกไบรซ์ว่าเธอไม่รู้สึกโกรธแล้ว
ไบรซ์นอนไม่หลับ ได้แต่ครุ่นคิดเรื่องความขี้ขลาดของเขา ที่ไม่โต้ตอบการ์เร็ตต์ ขณะที่จูลี่รู้สึกปล่อยวาง เธอสบายใจขึ้นมาก และยังรู้สึกมีความสุขที่เธอมีครอบครัวที่ดีขนาดนี้
โรงเรียนของไบรซ์และจูลี่ ได้มีกิจกรรมระดมทุนประจำปี โดยการแต่งตั้งบาสเก็ตบอย ซึ่งจะมีตะกร้าอาหารกลางวัน และให้เด็กผู้หญิงประมูลเพื่อจะได้ทานมื้อเที่ยงกับบาสเก็ตบอย และไบรซ์เองได้รับเลือกเป็น 1 ใน บาสเก็ตบอยด้วย
การ์เร็ตต์แอบมาบอกไบรซ์ว่า จูลี่เอาเงินมาด้วยปึกใหญ่ ไบรซ์ครุ่นคิดอย่างหนัก ว่าจูลี่จะเอาเงินมาประมูลใคร
จูลี่ประมูลเอ็ดดี้ไปทานมื้อเที่ยงด้วย ไบรซ์รู้สึกโกรธที่จูลี่ไม่ประมูลเขา และไบรซ์ถูกประมูลไปโดยเชอร์รี่ สตอลส์ ทั้งคู่ทานมื้อเที่ยงโต๊ะข้างกัน ไบรซ์ได้แต่แอบมองจูลี่และเพ้อถึงเธอ จนในที่สุด ไบรซ์ขอคุยกับจูลีและพยายามจะจูบจูลี่ต่อหน้าเพื่อนๆ เธอจึงรีบปั่นจักรยานหนีกลับบ้าน
ไบรซ์พยายามจะขอคุยกับจูลี่ แต่เธอก็ไม่ยอมคุยกับเขาเลย
ด้านของจูลี่ เธอไม่ได้ตั้งใจจะเอาเงินไปโรงเรียนตั้งแต่แรก เพราะกลัวว่าตัวเองจะเผลอไปประมูลไบรซ์ แต่ดันมีคนมาจ่ายค่าไข่ให้เธอวันนี้พอดี เธอจึงนำเงินไปด้วย ขณะที่ใกล้ถึงหมายเลขของไบรซ์ จูลี่พยายามกลั้นใจจะไม่ประมูลไบรซ์เด็ดขาด และเธอเห็นว่าเอ็ดดี้ คนที่อยู่ก่อนหน้าไบรซ์ไม่มีใครประมูลเขาเลย จูลี่จึงช่วยประมูล
ขณะนั่งทานมื้อเที่ยง จูลี่ไม่ได้สนใจฟังเอ็ดดี้มากนัก เพราะเธอกำลังสนใจไบรซ์อยู่ เธอรู้สึกหงุดหงิดเช่นกันที่ไบรซ์นั่งกับเชอร์รี่อยู่ ทันใดนั้นไบรซ์ก็เดินตรงมาที่โต๊ะขอคุยกับเธอและพยายามจะจูบ จูลี่ทำตัวไม่ถูก ทั้งสับสน อายและโกรธ แบบนี้ไม่ใช่จูบแรกที่เธอเคยฝันไว้เลย จึงรีบปั่นจักรยานกลับบ้านทันที และไม่ยอมคุยกับไบรซ์อีก
ไบรซ์พยายามขอคุยกับจูลี่ แต่เธอก็ไม่ใจอ่อน ไม่ยอมออกมาคุยหรือรับโทรศัพท์เขา
2 วันต่อมา ไบรซ์มาขุดหลุมที่หน้าบ้านจูลี่ เธอจะออกไปต่อว่าเขา แต่พ่อของจูลี่บอกว่าพ่ออนุญาตเอง จูลี่ยืนมองจนเห็นไบรซ์นำต้นไม้ลงปลูกหน้าบ้านเธอ แค่เห็นต้นและใบ เธอก็จำได้ทันที ต้นซิคามอร์นั่นเอง
จูลีหายโกรธไบรซ์ และเข้าไปช่วยเขาปลูกต้นไม้ จูลี่เริ่มคุยกับไบรซ์ ไบรซ์เองก็เริ่มคิดในใจว่า ขอให้เราได้คุยกันไปอีกนานๆ เธอสบตาเขา และเริ่มกลับไปคิดถึงเรื่องจูบแรกอีกครั้ง
โฆษณา