5 มี.ค. 2020 เวลา 12:54 • กีฬา
ฟุตบอลที่เปลี่ยนไปโดย VAR
หลังจากที่แฟนบอลทั่วโลกได้สัมผัสกับ technology ล้ำหน้าในการใช้ภาพช้าเข้ามามีส่วนร่วมในการตัดสินอย่าง Video Assistant Referees หรือ “VAR” ในระบบเต็มรูปแบบครั้งแรกในรายการฟุตบอลโลกที่ Russia ไปเมื่อปี 2018
แม้ว่าจริงๆแล้ว VAR ครั้งแรกของโลกจะถูกใช้ครั้งแรกใน league ระดับ 3 ของ USA ก่อนที่จะเริ่มเป็นที่รู้จักกันในรายการ FIFA Confederation Cup 2017
หลังจากนั้นไม่นาน เพียงไม่เกิน 2 ปีเท่านั้น การใช้ VAR เข้ามาช่วยตัดสินนั้นแพร่หลายไปทั่วโลก โดยบ้านเราเองอย่างรายการ Thai Premier League เองก็ได้มีการนำเข้ามาใช้เช่นกัน ซึ่งเรียกได้ว่า Hawk-Eye Innovation บริษัทแม่ของ VAR นั้นประสบความสำเร็จในแง่ของการตลาดจริงๆ
Hawk-Eye Innovation นั้นได้เข้ามามีส่วนร่วมกับวงการฟุตบอลมานานแล้ว ตั้งแต่ระบบ goal-line technology ที่ว่ากันว่ากำเนิดมาจากประตูที่ผู้ตัดสินไม่ประกาศให้เป็นประตูเนื่องจากไม่สามารถมองเห็นเหตุการณ์ได้ทันของ Frank Lampard ในฟุตบอลโลก 2010 นั่นเอง
แต่นั่นก็ไม่อาจจะตอบโจทย์ในเรื่องของการตัดสินที่ถูกต้องได้ทั้งหมด เนื่องจากยังมีเหตุการณ์อีกหลายรูปแบบที่สามารถทำให้คำตัดสินของผู้ตัดสินนั้นไม่ได้มุ่งไปในทิศทางที่ถูกต้อง
ซึ่งเรื่องที่ดูจำมีปัญหาที่สุดแล้วนั่นก็คือการเช็คไลน์ล้ำหน้า ที่บางที line man ก็ก่อความผิดพลาดในการเช็คไลน์ และการที่ทำให้ผู้ตัดสินได้มองเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดผ่าน replay ที่ถูกส่งสัญญาณมายัง monitor ข้างสนามให้ผู้ตัดสินนั้นดูเหมือนว่าจะสามารถแก้ปัญหานี้ได้ดีขึ้น
การที่ผู้ตัดสินถูกนักเตะที่แพรวพราวในการใช้เล่ห์เหลี่ยมและลูกตุกติกตบตาผู้ตัดสิน หรือกระทั่งการที่ผู้ตัดสินควักใบแดงไล่นักเตะออกผิดคนนั้นย่อมนำความอับอายมาสู่สมาคมฟุตบอลไม่น้อยเหมือนกันในการที่ต้องถูกตีตราว่าเป็นผู้ปล้นชัยชนะใน match ที่ตัดสินผิดพลาดจนมีผลต่อผลของเกม
เมื่อเกิดคำวิพากษ์วิจารย์กันอย่างกว้างขว้างแล้วนั้น ทำให้ระบบ VAR จำเป็นต้องถือกำเนิดขึ้นเพื่อนำความยุติธรรมกลับคืนสู่การแข่งขันฟุตบอลอีกครั้ง
เมื่อ VAR ได้เข้ามามีอิทธิพลในเกาะอังกฤษ
หลังจากฟุตบอลโลก 2018 ได้จบลงไปนั้น league ชั้นนำทั่วโลกได้มีการนำระบบนี้เข้ามาใช้ รวมไปถึง 5 league ใหญ่ของยุโรปด้วย มีเพียงแต่ Premier League ที่เพิ่งได้เริ่มติดตั้งระบบ VAR ไปในช่วงต้นฤดูกาลนี้เท่านั้น
VAR ที่เราเห็นใน Premier League นั้นจะต่างกับ VAR แบบ orignal ที่ฟุตบอลโลก 2018 ก็คือ ผู้ที่มีอำนาจออกคำตัดสินจากภาพ replay จากจอ VAR
ซึ่งในแบบ original นั้น ผู้ตัดสินที่ 1 จะเป็นผู้ดูภาพ replay ตัดสินเองจากการตัดสินใจที่จะเปิด VAR ดูของทั้งตัวผู้ตัดสินเองและเจ้าหน้าที่ VAR
และในแบบของ league อังกฤษที่ เจ้าหน้าที่จะเป็นคนดูภาพ replay เองแล้วออกคำสั่งไปยังผู้ตัดสิน ซึ่งในจุดนี้จะเหมือนกันอันแรกตรงที่ผู้ตัดสินที่ 1 สามารถไม่เรียกดู VAR ก็ได้หากมั่นใจในคำตัดสินตัวเอง
ซึ่งทำให้ การชี้นิ้วแล้ววาดเป็นกล่องสี่เหลี่ยมก่อนที่จะวิ่งหน้าตั้งไปดูภาพ replay ข้างสนามของผู้ตัดสินที่ 1 นั้นเป็นที่ชอบใจของแฟนบอลหลายๆคนเช่นกันในช่วงแรก เนื่องจากเป็นการลุ้นคำตัดสินที่ตื่นเต้นไม่แพ้การลุ้นทำประตูเลยก็ว่าได้
แม้ว่าบางทีจะต้องกินเวลาไปพอสมควรในการตัดสินบางจังหวะที่ค่อนข้างจะละเอียดซับซ้อนในเรื่องของกฎกติกาและความไม่ชัดเจนของเหตุการณ์ แต่เมื่อตัดสินได้เป็นธรรมและไม่ค้านสายตา ผู้คนก็เริ่มที่จะโอเคและชินกับการใช้ VAR
แต่ความน่ากลัวมันอยู่ตรงที่ ในอังกฤษนั้นเมื่อมีการเรียกใช้ VAR เกิดขึ้นนั้น อำนาจทั้งหมดจากนกหวีดของ “ท่านเปา” นั้นจะถูกโอนถ่ายไปยัง “เจ้าหน้าที่” ที่คอยดูภาพ replay อยู่ที่สำนักงาน VAR ทันที...
Mark Halsey อดีตผู้ตัดสินชื่อดังผู้ประสบการณ์โชคโชคจาก Premier League นั้นได้เกิดความไม่พอใจขึ้นอย่างมากในการที่ตัองมองเห็นเพื่อนร่วมอาชีพตั้งแต่จะเพิ่งเข้าวงการหรือเป็นรุ่นเก๋าแล้วก็ตามต้องมาถูกริบอำนาจในการตัดสินไปและต้องมารับคำตัดสินจากผู้ไร้ซึ่งประสบการณ์จากห้องควบคุมที่สำนักงานแทน
ซึ่งมันแย่มากเมื่อเขามองว่า จะเกิดอะไรขึ้นหากผู้ตัดสินนั้นต้องประกาศคำตัดสินที่ไม่ได้เป็นคำตัดสินของเขา
จริงแล้วเหตุผลที่ในอังกฤษนั้น ผู้ตัดสินไม่จำเป็นต้องวิ่งไปดูจอเอง นั่นล้วนเป็นเรื่องของเวลาทั้งสิ้น เมื่อการเป่าหยุดเกมเพื่อไปดู VAR ทีเดียวนั้นกินเวลาพอสมควร และจะมากเกินไปเมื่อเกิดเหตุการณ์ที่จำเป็นต้องเรียกใช้ VAR หลายรอบ
สมมุติว่ากระบวนการเรียกใช้ VAR 1 ครั้งนั้นกินเวลาทั้งสิ้นตั้งแต่เป่าหยุดเกมจนกลับมาเป่าเริ่มเกมต่อนั้นใช้เวลา 2 นาที เราก็อาจจะเห็นการทดเวลา 15 นาทีเลยก็ได้หาก match นั้นมีจังหวะปัญหาเกิดขึ้นเยอะ และจะส่งผลกระทบต่อวัฒนธรรมฟุตบอลเลยก็ว่าได้
แม้ว่าจะมีความคิดเห็นในการใช้ระบบ Challenge อย่างที่เห็นในกีฬาที่มีต้นกำเนิดจากอเมริกา แต่ก็ไม่ได้ถูกนำมาใช้แต่อย่างใด ซึ่งสมาคมฟุตบอลนั้นอาจจะมีความคิดเห็นที่ต่างออกไปในเรื่องนี้จากผู้ออกความเห็น ทำให้ระบบและกฎการใช้ VAR นั้นต้องถูกปรับเปลี่ยนไปภายใต้สมาคมฟุตบอลแต่ละประเทศ
ซึ่งก็มีอังกฤษนี่แหละ ที่มันไม่เหมือนชาวบ้านเขา
Halsey นั้นได้ออกความเห็นและแสดงถึงข้อกังขาที่เขามีต่อเจ้าหน้าที่ VAR ที่เขามองว่าอ่อนประสบการณ์และไม่เข้าใจเกมฟุตบอลได้ดีเท่าผู้ตัดสินที่แท้จริงในสนามอีกด้วย
ซึ่งอันนี้ก็มีแฟนบอลมากมายที่ให้การสนับสนุนเขา แม้ว่าเขานั้นอาจจะมีการตัดสินที่ค้านสายตาอยู่บ้างในอดีตแต่ในคราวนี้เขากลับได้รับใจแฟนบอลในกลุ่มที่ไม่ชอบการมีส่วนร่วมของ VAR ไปเต็มๆ
และมันก็ดูเหมือนจะเป็นอย่างที่เขาพูดจริงๆ เมื่อตั้งแต่เปิดฤดูกาล 2019/20 มานั้น VAR แทบจะต้องร่อนจดหมายขอโทษที่ตัดสินพลาดออกมาแทบทุกเดือน และไร้ซึ่งความพัฒนาในการแก้ไขจุดบกพร่องในเหตุการณ์ที่ตัดสินผิดพลาดซ้ำๆย่อมเป็นสิ่งที่จุดไฟให้แฟนบอล เมื่อทีรักของตัวเองต้องมาเสียผลประโยชน์ในเหตุการณ์เดิมๆที่เจ้าหน้าที่ VAR ไม่ได้เรียนรู้จากข้อผิดพลาดของตัวเองเลย
แม้กระทั่งความเห็นที่ว่า VAR นั้นบ่อนทำลายฟุตบอลก็ย่อมมีให้พบกันอย่างไม่น่าแปลกใจกันทั่วทุกวันนี้ แต่เมื่อลองฟังเสียงจากฝั่งตรงข้ามอย่าง Pep Guardiola ผู้รักในความยุติธรรมและสนับสนุน VAR มาตลอดแม้กระทั่งจังหวะที่ทีมตัวเองเสียผลประโยชน์นั้น ก็ทำให้ VAR ก็ไม่ได้ดูแย่ขนาดนั้นในแง่ของความยุติธรรม
ซึ่ง VAR นั้นมีบ่อยครั้งที่กลับคำตัดสินที่ไม่ให้ประตูจากผู้ตัดสินที่ 1 ในสนาม และแสดงภาพช้าให้คนดูได้เห็นกันแบบชัดๆนั้นก็ทำให้กีฬาฟุตบอลนั้นดูยุติธรรมขึ้นจากเมื่อก่อน และอีกทั้งยังเป็นไม้เด็ดในการจัดการกับนักเตะจอมตุกติกหรือจอมพุ่งได้ดีอยู่หมัดอีกด้วย
แม้ว่าการตบตาผู้ตัดสินหรือลูกตุกติกนั้นจะเป็นสเน่ห์ประเภทหนึ่งของฟุตบอลเช่นกันเดียวกับกฎการทะเลาะวิวาทของ Ice Hockey อย่างที่แฟนบอลปฏิเสธไม่ได้ แต่เมื่อมีมาตรการที่สามารถยับยั้งเหตุกาณ์เหล่านี้เพื่อความยุติธรรมแล้วนั้นก็ย่อมเป็นที่เข้าใจของแฟนบอล หากแต่ว่ามันถูกตัดสินได้ถูกต้องอย่างสมบูรณ์...
แต่ VAR ของอังกฤษ ณ วันนี้ยังห่างไกลยิ่งนัก
การทำ Handball ในกรอบเขตโทษต่อหน้าต่อตาผู้ตัดสิน, การจงใจเล่นนอกเกมใส่ฝั่งตรงข้ามในจังหวะ 50-50 หรือจะเป็นการตีเส้นวัดไลน์ล้ำหน้าระดับโปรแกรม paint เด็กประถมนั้นเป็นสิ่งบ่งชี้ถึงคุณภาพและมาตรฐานของระบบ VAR อังกฤษได้อย่างชัดเจน
แม้ว่าจะเป็นเพียงแค่ขวบปีของการเริ่มต้นในการใช้ VAR ของ league อังกฤษ ในอนาคตนั้นย่อมมีการพัฒนาขึ้นอย่างแน่นอนโดยเฉพาะ league ที่ขึ้นชื่อได้ว่าดีที่สุดในโลกนั้นย่อมไม่นิ่งนอนใจกับปัญหาเหล่านี้อย่างแน่นอน
เพื่อนๆคิดอย่างไรกันมั่งครับ ?
ติดตามพวกเราได้อีกช่องทางได้ที่ Facebook : Talk Shit Football
โฆษณา