3 พ.ค. 2020 เวลา 23:59 • ไลฟ์สไตล์
วันนี้นึกมุกเก่าได้ล่ะ.... วันนี้ได้อ่านเพจคุณเบื่อเมืองเรื่อง... คีอานู รีฟส์ พระเอกหัวใจธรรมะ
ทำให้เห็นวิถีชีวิตที่แตกต่างจากการเป็น "ซูเปอร์สตาร์" ทั่วไปอย่างสิ้นเชิง
เสน่ห์ในด้านการใช้ชีวิต และคมความคิดที่กลั่นกรองมาจากประสบการณ์และความสนใจในพระพุทธศาสนา เป็นสิ่งที่ทำให้ คีอานู รีฟส์ เป็นดาราที่ไม่เหมือนใครจริง ๆ
พระเอกติดดิน....................
ส่วนใหญ่ภาพส่วนตัวของนักแสดงดังจากฮอลลีวูด มักจะปรากฎตัวอยู่ในร้านหรูหรา, ชายหาดเมืองพักร้อน หรือตามโรงแรมราคาแพง แต่ปาปารัสซีมักจะถ่ายภาพ คีอานู รีฟส์ ได้จากตามท้องถนน, รถไฟใต้ดิน หรือสถานที่ปกติธรรมดาที่ใคร ๆ ก็ไปกัน
ไม่ใช่เพียงเท่านั้น เขายังถึงขั้นเคยใช้เวลาเสวนากับคนจรจัดในลอสแอนเจลิส กลุ่มบุคคลไร้บ้านที่ปกติคนทั่วไปมักจะรังเกียจ และไม่อยากเข้าใกล้ด้วย
โดยในเดือน ก.ย. 1997 นักข่าวได้พบหนุ่มหน้าตาดีคนหนึ่ง ซึ่งก็คือพ่อหนุ่มคนดัง คีอานู รีฟส์ นั่นเอง ที่ใช้เวลาในช่วงเช้า นั่งคุย, แลกเปลี่ยน ให้ความสนิทสนมกับคนไร้บ้านผู้หนึ่ง ปฏิบัติต่ออีกฝ่ายอย่างเท่าเทียมกัน โดยเป็นการใช้เวลาที่นานพอสมควร
สำหรับการนั่งคุยกัน เป็นภาพที่ไม่ค่อยเกิดขึ้นบ่อยนักสำหรับคนดัง ที่จะมาทำอะไรแบบนี้ หากไม่ใช่เพื่อการถ่ายทำรายการอะไรทำนองนั้น หรือโครงการกุศลที่มีกล้องรอเก็บภาพอยู่รอบ ๆ ตัว
และยังมีภาพที่ คีอานู ร่วมโดยสารรถไฟใต้ดินนิวยอร์กเหมือนประชาชนทั่วไปคนหนึ่ง และยังปฏิบัติตัวเป็นตัวอย่างแก่สังคม ด้วยการลุกให้สุภาพสตรีนั่งด้วย
เรามักพบภาพเขาคุยกับคนอื่นอย่างเป็นกันเอง
คนดังที่จิตใจไม่ธรรมดา ...........................
ด้วยความเป็น “คนดัง” ที่มีจิตใจไม่ธรรมดาของ “คีอานู รีฟส์” ได้สร้างความประทับใจให้แก่ทุกคน เมื่อเขากลับบริจาคเงิน 80 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (2,800ล้านบาท) จากรายได้ที่เขาได้รับ 114 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (3,990 ล้านบาท) ให้แก่ทีมงานเทคนิคพิเศษ และทีมงานช่างแต่งหน้า
และเขาเป็นหนึ่งในไม่กี่คนในฉากการถ่ายทำที่อยากจะรู้จักชื่อของทุกคน และอยากที่จะทักทายพวกเขาทุกคนอย่างจริงใจ และพูดคุยกับทุกคนตรงนั้นเหมือนกับทุกคนเป็นเพื่อนกับเขา แถมยังเคยควักเงินของตัวเองจ่ายค่าตัวให้ดาราคนอื่น เพื่อให้งบประมาณการสร้างหนังไม่บานปลาย ทำให้ทุกคนต่างบอกว่าเขาเป็นคนที่นิสัยดีที่สุดใน Hollywood
ความใจดีของ คีอานู รีฟส์ ยังถูกพูดถึงเสมอ ในเหตุการณ์ เขาต้องดูแลน้องสาวของเขา Kim ที่พบว่าเธอเป็นลูคิเมีย ตลอดช่วงระยะเวลาดังกล่าว เขาได้บริจาคเงินจำนวนมากให้แก่องค์กรการกุศลด้านโรงมะเร็ง ศูนย์วิจัย และโรงพยาบาลหลายแห่ง เขายังได้จัดตั้งองค์กรการกุศลของเขาเอง แต่เลือกที่จะไม่ใช้ชื่อของเขาในการจัดตั้ง รวมถึงองค์กรการกุศลอื่น ๆ ที่เขาช่วยเหลืออยู่ไม่ว่าจะเป็น Stand Up to Cancer และ Sick Kids
พระเอกหัวใจธรรมะ.....................
คีอานู รีฟส์ เคยให้สัมภาษณ์ไว้ในนิตยสารเกี่ยวกับการสนใจธรรมะว่า..
"...หลักธรรมอย่างแรกที่รู้คือ ความจริงสี่ประการ (อริยสัจ 4) เกี่ยวกับ ทุกข์ สาเหตุแห่งทุกข์ หนทางดับทุกข์ และวิธีพ้นไปจากทุกข์ จนพบความสุข ศาสนาพุทธ เชื่อในการปล่อยวางตัวของเรา ซึ่งก็คือ อีโก้ในความเชื่อทางตะวันตก
พุทธศาสนาจะสอนว่า สิ่งที่เรานึกว่ามันเป็น "ตัวเรา" นั้น ที่แท้มันไม่มีอยู่จริง และในขณะที่ผมไปเนปาลเพื่อลองชุด ที่ต้องใช้ในการถ่ายทำ ผมก็ได้พบท่านอาจารย์ที่เป็นผู้เชี่ยวชาญในศาสนาพุทธ ตำแหน่งท่านคือ ริมโพช ซึ่งทำงานกับ เบอร์นาร์โด ผมได้คุยกับท่านอยู่หลายครั้ง ท่านสอนผมให้ฝึกร่างกาย เพื่อให้เข้าถึงสมาธิ และท่านสอนผมว่าทำอย่างไรจึงจะละวางตัวตนได้หมดไป แล้วไปถึงนัยยะอื่นๆ แง่มุมอื่นๆ เพื่อให้เข้าถึงความเมตตา ความหยั่งรู้ และความสุขในที่สุด
ตอนที่ผมต้องเรียนสิ่งเหล่านี้กับท่านริมโพช มันยากมาก มันเจ็บด้วยนะ นั่งขัดสมาธินานๆ น่ะ และมันยังทำใจลำบากจริงๆ ที่จะละวางสิ่งที่เป็นตัวตนของเรา ท่านจึงบอกผมว่า จงอย่าเชื่อในสิ่งที่ท่านพูด ท่านให้ผมคิดทุกอย่างที่ได้ฟังมา ทดสอบกับสิ่งที่ผมเคยรู้ และขบคิด (โยนิโสมนสิการ) อย่างจริงจัง เพื่อให้ผมรู้ได้ด้วยตัวเองว่า มันเป็นอย่างนั้นหรือไม่
นั่นคือ ศาสนาพุทธที่แท้จริง มันไม่ใช่แค่ การศรัทธาแล้วก็เชื่อ มันเป็นความโดดเด่นของศาสนานี้ มันไม่ใช่การเกลี้ยกล่อมให้เปลี่ยนความเชื่อหรือชักชวนให้เปลี่ยนศาสนา
พระไม่ได้บอกคุณว่า “เฮ ปาวารณาตนเข้ามาแล้วฉันจะให้รางวัลคุณนะ” แต่เขาบอกคุณว่า เขาได้ชี้ทางให้คุณแล้ว ให้คุณลองคิดดู และนี่มันทำให้ผมสนใจศาสนานี้ เพราะว่าเป็นศาสนาที่ศึกษาเกี่ยวกับ "ความจริง" โดยมีพื้นฐานมาจาก ความรัก ความเห็นใจ ความเอื้อเฟื้อต่อกัน และ ความสุข..."
คีอานูรีฟส์ ได้อธิบายและกล่าวถึงการถือพระรัตนตรัยเป็นสรณะ ไว้ในเทปการเผยแพร่ศาสนาของทิเบตชุดหนึ่งว่า...
"...ถ้าคุณอยากเรียนอะไรสักอย่างให้กระจ่าง คุณต้องค้นหาครูที่เป็นผู้รู้แจ้งในเรื่องนั้น โดยเฉพาะในเรื่องหาวิธีพ้นทุกข์ การอ่านหนังสือเอง อาจไม่สามารถตอบข้อสงสัยทุกข้อของคุณได้ทั้งหมด ดังนั้นสิ่งที่คุณต้องทำอย่างแรกในตอนนี้ คือการเปิดใจเข้าหาครูของคุณ Lama Tsongkhapa ที่คุณจะได้พบต่อไปนี้ ได้รับการยอมรับว่า เป็นผู้สอนที่อุทิศตัวให้งานและฝึกฝนวิธีการสอนมาอย่างดี เปิดใจเข้าหาท่าน แล้วคุณจะพบสิ่งนั้น
พวกเราทุกคนล้วนอยากมีความสุข หากเราคิดว่า ชีวิตเราถูกลิขิตมาตั้งแต่แรกเกิด เราก็จะคิดว่า เราไม่สามารถสร้างสิ่งดีๆ ให้ตัวเราได้ แต่ในศาสนาพุทธ ทุกอย่างไม่เป็นเช่นนั้น
พุทธศาสนาบอกให้เรามองสิ่งที่เกิดบนโลกนี้ในรูปแบบของความจริง (Fact) ที่เรียกว่า กรรม (Karma) ซึ่งขึ้นกับ กายกรรม วจีกรรม มโนกรรม ( action body speech and mind) ซึ่งทั้งหมดจะรวมกันเป็น "กรรม" ที่หมายถึงการรับผิดชอบต่อชีวิตของคุณเอง
เมื่อเรามีทุกข์ เรามักหาที่พักพิง สิ่งที่เราใช้กันประจำคือ เหล้า เซ็กส์ ยา อำนาจหรือเงินตรา แต่ในที่สุด มันก็ไม่ยั่งยืนจนเราไม่รู้ว่า อะไรคือความสุขที่แท้จริงกันแน่ ในปรัชญาแห่งพุทธ ที่พึ่งที่ดีที่สุด คือ พระรัตนตรัย ซึ่งประกอบไปด้วย พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์
พระพุทธ คือองค์พระศาสดา ผู้เปรียบเหมือนนายแพทย์ที่ค้นพบวิธีพ้นทุกข์
พระธรรม คือตัวยาที่จะฆ่าเหตุแห่งทุกข์ ออกไปจากเรา
และพระสงฆ์ คือคณะแพทย์ที่รู้ว่าเราเหมาะกับยาใด
เรียนรู้พระรัตนตรัย จะทำให้เราพบกับความสุขที่ยั่งยืน..."

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา