2 มี.ค. 2020 เวลา 05:02 • ไลฟ์สไตล์
ธรรมดาของโลกก็คือ ทุกคนที่เกิดมาต้องแก่ ต้อง
เจ็บ ต้องตาย รวมทั้งตัวเราด้วย ความพลัดพรากจาก
สิ่งที่รัก การประสบสิ่งที่ไม่รัก ความไม่สมอยากเป็นเรื่อง
ธรรมดา อยู่กับโลก มีลาภ มียศ มีนินทา มีสุข ก็มีเสื่อม
ลาภ เสื่อมยศ มีสรรเสริญ มีทุกข์
ทำอย่างไรใจจะยอมรับความเป็นธรรมดา อันแรก
เลยต้องหลุดออกจากโลกของความคิดความฝัน มาอยู่
ในโลกของความเป็นจริง ที่เรายอมรับความเป็นธรรมดา
ไม่ได้ เพราะเราอยู่ในโลกของความคิดความฝันเท่านั้น
เอง อยากโน้น อยากนี้ คิดเอา ยอมรับความจริงไม่ได้
หลุดออกมาอยู่ในโลกของความเป็นจริง แล้วความเป็น
จริงจะสอนธรรมะเรา
วิธีที่จะให้ใจหลุดจากโลกของความคิดความฝัน
ก็คือ รู้ตัวว่าฝัน รู้ตัวว่าคิด ใครเคยฝัน แล้วรู้ว่าฝันบ้าง
มีไหม ยกมือให้ดูหน่อย พอฝันแล้วรู้ว่าฝันปุ๊บมันจะตื่น
รู้สึกไหม แต่บางคนไม่ตื่น บอกผีอำ ไม่ใช่หรอก สมอง
ยังไม่ทำงาน เอะอะก็โทษผี ผีนี่น่าสงสาร เป็นเหยื่อของ
พวกเรา ผีมันจะมาอำเราทำไม คนแหละชอบอำกัน เรา
พยายามฝึกให้ใจเราหลุดออกมาจากโลกของความคิด
ความฝัน ตอนหลับช่างมันเถอะ จะฝันก็ฝันไปเถอะ แต่
ตอนตื่นอย่าฝันกลางวัน รู้จักฝันกลางวันไหม นั่งๆ คิดอะไรไปเรื่อยๆ หาสาระแก่นสารไม่ได้
วิธีที่จะทำให้เราไม่ไปหลงอยู่ในโลกของความฝัน
กลางวัน คือฝึกสติให้ดี ทำกรรมฐานสักอย่างหนึ่ง แล้ว
พอใจเราไหลไปคิด รู้ทัน เช่น “พุทโธ พุทโธ พุทโธ”
ไปเรื่อยๆ เราคิดคำว่าพุทโธ พุทโธก็คือความคิดอย่าง
หนึ่ง “พุทโธ พุทโธ พุทโธ” ไป ใจหลงไปคิดเรื่องอื่น
มันจะลืมคิดเรื่องพุทโธ พอเราเคยคิดพุทโธจนชำนาญ
พอหลงไปคิดเรื่องอื่น จะหลงไม่นาน และจะนึกได้ว่า
“เฮ้ย ลืมพุทโธไปแล้ว” ตรงที่เรารู้ทันว่าจิตหลงไปคิด
นั่นล่ะ เราจะตื่นขึ้นมา พอเราตื่นขึ้นมาแล้ว เราไม่ไปดึง
จิตคืน เวลาจิตมันหลงไปแล้ว หลงแล้วแล้วไป จิตดวง
นั้นทิ้งมันไปเลย เราเริ่มต้นนับหนึ่งใหม่ กลับมา “พุทโธ
พุทโธ” อย่าไปดึงจิตคืนมา ตรงนี้จำเป็นและสำคัญ ส่วน
ใหญ่พอรู้ทันว่าจิตไหลไปคิด หรือจิตไหลไปไหน จะไป
เอาจิตคืน ไม่ต้องเอาคืน จิตเกิดดับอยู่ตลอดเวลา อย่า
ไปเสียดายจิตเลวๆ ดวงนั้น จิตฟุ้งซ่าน เสียดายมันทำไม
จิตเลวๆ ทิ้งมันไปเลย เริ่มต้นนับหนึ่งใหม่ กลับมาอยู่กับ
ลมหายใจ มาอยู่กับพุทโธใหม่ แล้วประเดี๋ยวเดียว มัน
ก็จะไหลไปอีก ไหลไปแนบกับลมหายใจบ้าง ไหลไปแนบ
กับพุทโธบ้าง มันจะเคลื่อนไป “พุทโธ พุทโธ” แล้วถลำไป
อยู่กับพุทโธก็มี หายใจไปแล้วถลำไปอยู่ที่ลมหายใจก็มี
ก็ให้เรารู้ว่าจิตเคลื่อนไป มันจะตั้งมั่นขึ้นมาอีก ไม่ดึงคืน
เริ่มนับหนึ่งใหม่ คำว่าดึงคืนมานี้ไม่เอาเลย จะทำให้เรา
อึดอัด ใจจะแน่นๆ ถ้าภาวนาแล้วใจแน่นๆ ส่วนใหญ่ก็
คือบังคับไม่ให้ไหลไป หรือไหลไปแล้วไปดึงคืน จะแน่น ที่
แน่นๆ มี ๒ อันเท่านั้น กลัวจะไหลไปแล้วก็บังคับไว้ กับ
ไหลไปแล้วไปดึงคืนมา
ฉะนั้นบางทีจิตไหลไปอยู่กับพุทโธ ไปแนบอยู่กับ
พุทโธ ไปแนบอยู่กับลมหายใจให้รู้ แล้วทิ้งมันไปเลย กลับ
มาพุทโธ มาหายใจใหม่ ไม่ต้องไปเสียดายจิตเลวๆ อย่าง
นั้น บางทีก็ไหลไปคิด ส่วนใหญ่ก็ไหลไปคิด คิดเรื่องโน้น
คิดเรื่องนี้ ไม่ต้องดูว่าจิตคิดเรื่องอะไร จิตคิดเรื่องอะไร
ไม่สำคัญ เพราะความคิดก็คือความฝันนั่นเอง ฝันเรื่อง
อะไรไม่มีความสำคัญ ฉะนั้นจะคิดจะฝันเรื่องอะไร
ไม่สำคัญ สำคัญที่รู้ว่าคิด คิดเรื่องอะไรไม่สำคัญ สำคัญ
ที่รู้ว่าคิด เรา “พุทโธ พุทโธ” ไป จิตไปคิด รู้ว่าจิตไปคิด
ไม่จำเป็นต้องรู้ว่าคิดเรื่องอะไร ไม่สำคัญ เรื่องราวที่
คิดมันเป็นอารมณ์บัญญัติ ไม่มีสาระแก่นสารอะไร แต่
อาการที่จิตไปคิดเป็นปรมัตถ์ เป็นของจริง เป็นสภาวะ
ที่จิตทำงาน
โฆษณา