28 ก.พ. 2020 เวลา 13:10 • ประวัติศาสตร์
~พระปัจเจกพุทธเจ้า : พระพุทธเจ้าผู้สอนให้สาวกเข้าสู่พระนิพพานไม่ได้~
โลกไม่เคยขาดช่วงของผู้บรรลุธรรมด้วยอริยสัจ 4 หากไม่มีการอุบัติขึ้นของพระอนุตรสัมมาสัมพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าอีกประเภทจะอุบัติขึ้นแทน เพื่อแสดงให้เห็นว่า การบรรลุธรรมด้วยความจริง 4 ประการนี้มีอยู่จริง นั่นคือ พระปัจเจกพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าผู้ตรัสรู้ด้วยพระองค์เอง แต่ไม่สามารถสอนให้สาวกเข้าสู่พระนิพพานได้
ทำไมพระปัจเจกพุทธเจ้าสอนให้เข้าถึงพระนิพพานไม่ได้
1
พระปัจเจกพุทธเจ้าเป็นพระพุทธเจ้าประเภทหนึ่งที่ตรัสรู้อริยสัจ 4 ด้วยตนเอง ปรมัตถโชติกา อรรถกถาสุตตนิบาตอธิบายลักษณะพระปัจเจกพุทธเจ้าไว้ว่า การเป็นพระปัจเจกพุทธเจ้านั้นคล้ายกับ คนใบ้ที่ฝัน คนใบ้สามารถฝันได้แต่ไม่สามารถบอกเล่า หรือพรรณนาความฝันของตนได้
พระปัจเจกพุทธเจ้าเป็นผู้บรรลุอริยสัจ 4 จนสำเร็จเป็นพระพุทธเจ้าก็จริง แต่ไม่สามารถบอกวิธี หรือชี้แนะหนทางการบรรลุพระนิพพานแก่ใครได้ อาจกล่าวได้ว่าพระปัจเจกพุทธเจ้ามีวาสนาและศักยภาพพอที่จะสามารถบรรลุธรรม แต่ไม่มีศักยภาพพอที่จะสั่งสอนให้เวไนยสัตว์มีดวงตาเห็นธรรม หรือไปสู่ความหลุดพ้นได้
คุณสมบัติแห่งการเป็นพระปัจเจกพุทธเจ้า
1
คัมภีร์ปรมัตถโชติกาอธิบายว่า บุคคลผู้ตั้งปณิธานเป็นพระปัจเจกพุทธเจ้าต้องมีคุณสมบัติดังนี้
มีความเป็นมนุษย์
เป็นเพศชายเท่านั้น
ได้พบพระสัมมาสัมพุทธเจ้า หรือพระปัจเจกพุทธเจ้าพระองค์ใดพระองค์หนึ่ง
ยอมมอบชีวิตของตนเองเพื่อความเป็นพระปัจเจกพุทธเจ้า
มีความมุ่งมั่นที่จะสำเร็จเป็นพระปัจเจกพุทธเจ้า
คำสอนของพระปัจเจกพุทธเจ้า
มานพ นักการเรียน กล่าวว่า พระปัจเจกพุทธเจ้าส่วนมากทรงสอนเรื่อง อภิสมาจาร คือข้อระเบียบการปฏิบัติ เช่น สุสีมมานพอยากทราบเรื่อง “เบื้องปลายของศิลปะ” จึงไปพบพระปัจเจกพุทธเจ้ายังป่าอิสิปตนมฤคทายวัน พระปัจเจกพุทธเจ้าตรัสว่าหากอยากทราบเรื่องนี้ต้องสละทางโลกเสียก่อน สุสีมมานพจึงออกบวชแล้วศึกษาเรื่องอภิสมาจารจากพระปัจเจกพุทธเจ้า ได้แก่เรื่อง ข้อระเบียบการนุ่งห่มจีวร นอกจากกรณีของสุสีมมานพแล้ว ครั้งหนึ่งพระปัจเจกพุทธเจ้าเมตตาชี้แนะพระดาบสรูปหนึ่งในข่มมานะ (ความถือตัว) จนสามารถกระทำฌานสมาบัติได้สำเร็จ
ทำบุญกับพระปัจเจกพุทธเจ้า
พระปัจเจกพุทธเจ้าสังเคราะห์หรือโปรดสัตว์ โดยการบิณฑบาตไปในที่ต่าง ๆ เพื่อให้สัตว์ได้อานิสงส์จากการถวายทานแด่อริยบุคคล เช่น ในอรรถกถากุลาณชาดกเล่าว่า พระปัจเจกพุทธเจ้าเหาะจากป่าหิมพานต์มายังหมู่บ้าน เพื่อขอดินเหนียวไปใช้อุดรอยรั้วของกุฏิ ผู้หญิงนางหนึ่งถวายดินเหนียวด้วยอารมณ์โมโห จึงส่งผลให้ชาติต่อมาเกิดเป็นหญิงหน้าตาอัปลักษ์ชื่อว่า “ปัญจปาปี” แต่หากใครได้สัมผัสกายนางแล้ว จะมีความสุขเหมือนได้อยู่ใกล้หญิงงาม
อรรถกถาชาลิยสูตรเล่าว่า สุนัขตัวหนึ่งตายไปเกิดเป็นเทวดา เพราะก่อนตายมีจิตอ่อนน้อมต่อพระปัจเจกพุทธเจ้า ตอนมีชีวิตอยู่คอยเห่าเตือนให้ผู้อื่นรู้ว่าพระปัจเจกพุทธเจ้ามาบิณฑบาตในหมู่บ้าน พอสิ้นบุญจากสวรรค์ก็มาเกิดเป็นเศรษฐีในเมืองโกสัมพีร่วมสมัยกับพระสมณโคดมพุทธเจ้ามีชื่อว่า “โฆสกเศรษฐี” สร้างวัดถวายไว้ในพระพุทธศาสนาคือ “โฆสิตาราม”
พระพุทธเจ้าของเราเกือบได้เป็นพระปัจเจกพุทธเจ้า
หลังจากพระพุทธเจ้าของเรา (พระสมณโคดมพุทธเจ้า) ตรัสรู้แล้ว พระองค์ทรงพิจารณาเห็นว่าสัจธรรมที่พระองค์ทรงค้นพบนั้นมีความยากและลึกซึ้งเกินไป เกรงว่ามนุษย์ เทวดา และสรรพสัตว์ทั้งหลายที่ยังหลงอยู่ในกามคุณจะไม่เข้าใจในคำสอน จึงทรงตัดสินพระทัยไม่เสด็จโปรดสรรพสัตว์
เมื่อท้าวมหาพรหมพระองค์หนึ่งมีนามว่า “สหัมบดีพรหม” ซึ่งในอดีตชาติครั้งสมัยพระกัสสปพุทธเจ้าทรงเป็นพระเถระมีชื่อว่า “สหกะ” ได้บำเพ็ญฌานแล้วทำลายขันธ์จากภพมนุษย์ อุบัติเป็นพรหมยังพรหมโลก ทราบว่าพระพุทธเจ้าไม่ยอมออกโปรดสัตว์ จึงเสด็จลงมาเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าทันที แล้วทูลขอให้พระพุทธเจ้าออกโปรดเวไนยสัตว์ เพราะสัตว์โลกที่มีกิเลสน้อยยังพอมีอยู่ สามารถฟังคำสอนของพระพุทธเจ้าได้อย่างเข้าใจแน่นอน
2
พระพุทธเจ้าทรงพิจารณาเวไนยสัตว์ด้วยทิพยจักษุแล้วทรงพบเป็นจริงตามที่ท้าวมหาพรหมพระองค์นี้กล่าว สัตว์บางพวกมีกิเลสหนา บางพวกมีกิเลสบาง บางพวกสอนง่าย บางพวกสอนยาก ไม่ยากต่อความมุ่งมั่นสั่งสอนของพระองค์ จากนั้นพระพุทธเจ้าเสด็จโปรดสัตว์
หากพระสหัมบดีพรหมไม่ทูลขอพระพุทธเจ้าให้ออกโปรดสัตว์ พระองค์อาจกลายเป็นพระปัจเจกพุทธเจ้าไปแล้ว ไม่ยอมชี้แนะให้สรรพสัตว์มีดวงตาเห็นธรรม
พระพุทธเจ้าพยากรณ์ผู้จะสำเร็จเป็นพระปัจเจกพุทธเจ้าในอนาคต
1. นกฮูกแห่งเวทิสสกบรรพต
ในขณะที่พระพุทธเจ้าประทับอยู่ในถ้ำอินทศาล ณ เวทิสสกบรรพต นกฮูกตัวหนึ่งบินลงมาสักการะพระองค์ด้วยถ่วงท่าป้องปีกประคองอัญชลี ทำศีรษะให้ต่ำลง พระองค์ทอดพระเนตรแล้วทรงยิ้ม พระอานนท์เห็นดังนั้นจึงทูลถามพระพุทธเจ้าถึงสาเหตุที่พระองค์ทรงยิ้ม พระองค์ตรัสตอบว่า นกฮูกตัวนี้เลื่อมใสในเราและภิกษุทั้งหลาย หลังจากนี้ไปนกฮูกตัวนี้จะท่องเที่ยวไปในเทวโลก แล้วจะตรัสรู้เป็นพระปัจเจกพุทธเจ้ามีนามว่า “โสมนัส”
1
2. นายสุมนมาลาการ
นายสุมนมาลาการมีหน้าที่เก็บดอกไม้ไปถวายพระเจ้าพิมพิสาร แต่เมื่อนายสุมนมาลาการพบพระพุทธเจ้าระยะนำดอกไม้ไปถวายพระราชาพอดี จึงตัดสินใจถวายดอกไม้หนึ่งกำแด่พระพุทธเจ้า ปรากฏว่าดอกไม้กำนี้กลายเป็นเพดานดอกไม้ประดับประดาอยู่เหนือพระเศียรของพระพุทธเจ้าอย่างน่าอัศจรรย์ จึงถวายดอกไม้ไปอีกหนึ่งกำ ดอกไม้กำนั้นก็กลายเป็นเกราะดอกไม้ จากนั้นก็ถวายดอกไม้ไปอีก 8 กำ ดอกไม้ทั้ง 8 กำกลายเป็นเรือนยอดดอกไม้ ภาพที่เห็นคือพระพุทธเจ้าประทับท่ามกลางช่อดอกไม้ที่กลายเป็นปราสาทที่งดงาม พระพุทธเจ้าทอดพระเนตรนายสุมนมาลาการแล้วทรงยิ้ม พระอานนท์ทูลถามว่าพระองค์ทรงยิ้มด้วยสาเหตุใด พระพุทธเจ้าตรัสตอบว่า นายสุมนมาลาการผู้นี้หลังจากนี้ไปจะเกิดในเทวโลกและมนุษยโลกถึงแสนกัป แล้วด้วยอานิสงส์แห่งการบูชาเราด้วยดอกไม้นี้จะส่งผลให้เขาได้เป็นพระปัจเจกพุทธเจ้ามีนามว่า “สุมนิสสระ”
3. พระเทวทัต
หลังจากพระเทวทัตทรงทำให้เกิดสังฆเภทแล้วทรงสำนึกผิดได้ จึงวานให้พระภิกษุที่เป็นบริวารพาไปเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าเพื่อขอขมากรรม แต่แล้วพระเทวทัตยังไม่ทันถึงพระเชตวันกลับถูกธรณีสูบเสียก่อน พระเทวทัตได้ถวายกระดูกคางเป็นพุทธบูชาก่อนที่ร่างจะจมลงสู่อเวจีมหานรก อานิสงส์นี้ส่งผลให้พระเทวทัตได้เป็นพระปัจเจกพุทธเจ้ามีนามว่า “อัฏฐิสสระ“
4. พระเจ้าอชาตศัตรู
พระเจ้าอชาตศัตรูกระทำปิตุฆาตพระเจ้าพิมพิสารผู้เป็นพระบิดา หากพระเจ้าอชาตศัตรูไม่ทรงปิตุฆาตพระบิดา พระองค์จะบรรลุโสดาปัตติผล แต่ด้วยการคบคนพาล (พระเทวทัต) ส่งผลให้เกิดในโลหกุมภีนรก (กระทะทองแดง) แต่ด้วยอานิสงส์แห่งความศรัทธาในพระพุทธเจ้า ในอนาคตจะสำเร็จเป็นพระปัจเจกพุทธเจ้ามีนามว่า “ชีวิตวิเสส”

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา