แม้ในช่วงแรก ๆ นั้น Jim จะพยายามจัดการเรื่องเงินลงทุนให้เพียงพอกับการดำเนินธุรกิจได้ตามแผนงานที่เขาตั้งไว้ เพื่อที่จะยังไม่จำเป็นต้องไปร้องขอเงินทุนก้อนใหม่จากเหล่าบริษัท Venture Capital
ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดในอดีต ก็คือ Arthur Rock ที่เคยถูกปฏิเสธกว่า 30 ครั้ง ในช่วงที่กำลังมองหาเงินลงทุน ในช่วง ปี 1960 เพื่อที่จะก่อตั้งบริษัท Fairchild Semiconductor แต่สุดท้ายความพยายามของพวกเขาก็สำเร็จเมื่อเขาได้ร่วมมือกับ Robert Noyce และ Gordon Moore ก่อตั้ง intel ให้ยิ่งใหญ่อย่างที่เราได้เห็นในปัจจุบัน
Arthur Rock ตำนานแห่ง Silicon Valley ผู้เคยถูกปฏิเสธกว่า 30 ครั้ง
จนเขาได้ติดต่อไปยัง John Doerr แห่งกองทุน KPCB ซึ่งถือเป็นหนึ่งในนักลงทุนยุคใหม่ที่น่าจับตา และมีบทบาทที่ค่อนข้างสำคัญมาก ๆ ในยุคปฏิวัติข้อมูลข่าวสาร และประสบความสำเร็จมาแล้วในหลากหลายอุตสาหกรรมที่ได้เข้าไปลงทุน
โดย John นั้นจบการศึกษาระดับปริญญาโทในสาขาวิศวกรรมไฟฟ้า และ ในสาขาบริหารธุรกิจจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด เขาเป็นหนึ่งในผู้ถือครองลิขสิทธิ์ของการประดิษฐ์ หน่วยความจำของเครื่องคอมพิวเตอร์ (RAM) และเป็นคนที่เข้าใจเทคโนโลยีไฮเทคใหม่ ๆ เหล่านี้ได้อย่างลึกซึ้ง และเข้าใจสิ่งที่ Jim และ Marc กำลังสรรค์สร้างขึ้นมาได้อย่างเต็มที่
ซึ่ง Jim ได้พิจารณาอย่างละเอียดถี่ถ้วนแล้ว พบว่า ข้อเสนอของ John จาก KPCB นั้นดูจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับบริษัท ซึ่งมีเหตุผลหลัก ๆ อยู่ 2 ประการก็คือ
หนึ่ง John นั้นมักจะกล่าวอยู่เสมอว่าไม่ต้องการเข้าไปก่อตั้งบริษัทใหม่อีกแล้ว แต่มีความต้องการที่จะสร้างอุตสาหกรรมใหม่ขึ้นมาทั้งหมด และสิ่งที่ Jim และ Marc กำลังทำอยู่นั้นถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งในอุตสาหกรรมใหม่ ซึ่งน่าจะตรงกับ concept การลงทุนของ John มากที่สุด
John Doerr อีกหนึ่งตำนานนักลงทุนแห่ง Silicon Valley
ส่วนประการที่สอง ก็คือ John มักเข้าไปมีส่วนอย่างยิ่งสำหรับการคัดเลือกพนักงานในธุรกิจใหม่ ๆ นี้ และที่สำคัญเขายังมีความสามารถอย่างยิ่งในการหาผู้บริหารที่เหมาะสมกับงาน ซึ่งการมีคนอย่าง John มาช่วยเหลือในเรื่องนี้ ถือว่าส่งผลดีอย่างยิ่งต่อบริษัท
ซึ่ง John ก็คงมองออกเหมือนกับสิ่งที่ Jim และ Marc มองเห็นในขณะนั้น หากพวกเขาสามารถยึดครองส่วนแบ่งทางการตลาดสำหรับโปรแกรม Browser ในการเข้าถึง internet ได้สำเร็จ มันก็จะตามมาด้วยเงินจำนวนมหาศาลนั่นเอง
ซึ่ง Deal สุดท้ายของ KPCB นั้น จะทำการลงทุนด้วยเงินจำนวน 5 ล้านเหรียญสหรัฐ และตัว Jim จะเพิ่มการลงทุนเข้าไปอีก 2 ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อรักษาส่วนแบ่งของเขาไม่ให้ถูกลดทอนลงไปนั่นเอง และให้ John เข้ามาเป็นกรรมการของบริษัทในที่สุด