1 มี.ค. 2020 เวลา 15:33 • สุขภาพ
ทับทิมแดงเมล็ดนิ่มต้านไวรัส..สักผลนะคะ
วันอาทิตย์สีแดง ทำให้นึกถีงความสดชื่นของทับทิมแดงเมล็ดนิ่มที่ปลูกไว้ติดหน้าบ้านต้นหนึ่ง ซึ่งติดลูกดกใช้ได้ ปลูกง่าย ทนแล้ง ทนร้อนเหมาะกับสภาพอากาศเมืองไทยมากๆ พ่อบ้านลงไปเด็ดมา 2 ผล เราก็เลยแกะใส่จานให้สมาชิกในครอบครัวได้หยิบทานง่ายๆ ลูกๆกำลังสอบต้องบำรุงสมอง บำรุงร่างกายกันหน่อยค่ะ
ทับทิมเป็นไม้มงคล ควรปลูกไว้ในบ้าน ด้วยความเชื่อที่ว่าทับทิมเป็ผลไม้ศักดิ์สิทธิ์ เป็นสัญญลักษณ์ของการดำรงเผ่าพันธุ์ ใบหรือกิ่งทับทิมช่วยขับไล่ภูตผีปีศาจ ผลทับทิมเป็นผลไม้โปรดของพระพิฆเณศ เราเลยเลือกปลูกทับทิมแดงเมล็ดนิ่ม เพราะหวังผลเรื่องความเป็นมงคลและมีรสชาติอร่อยหวานเย็นชื่นใจ
ประโยชน์ของทับทิม
1.อุดมด้วยแร่ธาตุที่จำเป็นต่อร่างกาย เช่น ไฟเบอร์ โปรตีน วิตามินซี วิตามินเค โฟเลท โพแทสเซียม น้ำตาลธรรมชาติ วิตามินเอ วิตามินอี ธาตุเหล็ก และแมกนีเซียม เรียกว่ามีแร่ธาตุบำรุงร่างกายดีมาก
2.มีสารต้านอนุมูลอิสระ กลุ่มโพลีฟีนอลและแอนโทไซยานิน มากเป็น 3 เท่าของผลไม้ชนิดอื่นในปริมาณที่เท่ากัน
3.ลดการอักเสบ สารสกัดจากส่วนทับทิมมีฤทธิ์ต้านการอักเสบ แพทย์ทางเลือกบางประเทศใช้น้ำทับทิมรักษาโรครูมาตอยด์ และรักษาการอักเสบในช่องท้อง
4.ป้องกันไข้หวัด มีข้อมูลจากสำนักข้อมูลสมุนไพร มหาวิทยาลัยมหิดล ระบุว่าสารพูนิคาลาจิน และ ฟลาโวนอยด์ในผลทับทิมมีฤทธิ์ต้านไวรัสโรคหวัด โดยสามารถยับยั้งไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ฮ่องกง ในคนในหลอดทดลองได้
5.ลดความดันเลือด ป้องกันโรคหัวใจ สารสกัดจากน้ำทับทิมมีผลดีต่อการป้องกันโรคหัวใจ เนื่องจากลดความข้นของเลือดอันเกิดจากภาวะไขมันในเลือดสูง ช่วยลดไขมันไม่ดี เพิ่มปริมาณไขมันที่ดีให้ร่างกาย
6.ช่วยกระตุ้นความจำ และป้องกันอัลไซเมอร์ ซึ่งการทานทับทิมสดๆจะให้ได้ผลดีกว่าการสกัดสารจากทับทิมออกมารักษา
7.ลดน้ำตาลในเลือด ดอก เมล็ดและเปลือกทับทิมมีฤทธิ์ลดน้ำตาลในเลือด
8.ป้องกันโรคมะเร็ง เพราะในผลทับทิมมีสารต้านอนุมูลอิสระสูง ช่วยลดการอักเสบของเนื้อเยื่อที่อาจเป็นเซลล์มะเร็ง อีกทั้งช่วยป้องกันการกลายพันธุ์ของเซลล์ในร่างกายอีกด้วย
9.มีสรรพคุณด้านสมุนไพรรักษาอาการอุจจาระร่วง เป็นยาถ่ายพยาธิตัวตืดและตัวกลม แก้อาการปวดบิด ปวดเบ่ง เป็นต้น
สรุปว่าทับทิมมีประโยชน์เกือบทั้งต้น ตั้งแต่ ใบ ดอก ผล นับว่าเป็นไม้มงคลที่ควรปลูกในบ้านจริงๆ ถ้าหากสนใจข้อมูลเพิ่มเติมของทับทิมสามารถหาข้อมูลจาก สำนักข้อมูลสมุนไพร มหาวิทยาลัยมหิดล ,หมอชาวบ้าน,โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืช นะคะ
โฆษณา