1 มี.ค. 2020 เวลา 13:46 • ประวัติศาสตร์
ประสบการณ์ชีวิตสำคัญกว่าทฤษฎี?
หลายครั้งที่ผมมีโอกาสได้กลับบ้าน ซึ่งผมเป็นคนต่างจังหวัด โตมากับสภาพแวดล้อมที่อุดมสมบูรณ์ มีนาข้าว มีปลาให้ทานตลอดปี ยังคงนึกถึงบรรยากาศเดิมๆเสมอเมื่อมีโอกาสได้กลับที่นั่น
แต่ผมขอเล่าประสบการณ์ส่วนตัวซึ่งถ่ายทอดผ่านทวดของผมปีนี้ครบ93แล้ว กลับบ้านเมื่อไหร่ต้องเข้าไปไหว้ไปถามว่าสบายดีไหม ทานข้าวอร่อยเหมือนเดิมไหม และหาคำถามที่ให้ใช้ความจำนิดหนึงเช่น ปีนี้อายุเท่าไหร่แล้วยายเฒ่า(ภาษาท้องถิ่น) เพื่อเป็นการกระตุ้นสมองและความจำที่ดีแต่ผู้สูงอายุ แล้วถามเรื่องราวอดีตๆเหมือนที่พ่อแม่เราเล่านิทานให้ฟังก่อนนอนตอนเราเป็นเด็ก
แต่กลับกันผมกลับได้แนวคิดที่ใหม่กับผมตอนผมรู้สึกอ่อนแอ หมดหวัง ยายเฒ่าบอกว่าสมัยก่อนนะหลานเอ้ยยายนะลำบากมาก ผู้หญิงก็ให้หัดทำงานฝีมือ ทอผ้าไหม ทอเสื่อ ส่วนเด็กผู้ชายสมัยก่อนนะ ต้องไปบวชเรียน ผู้ชายสมัยก่อนนะจะมีโอกาสได้เรียนมากที่สุด เพราะสามารถบวชเรียนได้ เด็กผู้หญิงจะฝึกให้เป็นแม่บ้านแม่เรือน ไฟฟ้าก็ยังเข้าไม่ถึง น้ำประปาก็ยังต้องพึ่งจากน้ำธรรมชาติ ห้วย หนองคลองบึง
แล้วเรากลับเอ๊ะใจแล้วเราละเกิดมาพร้อมกับยุคสมัยที่สบายมีไฟฟ้ามีน้ำประปาใช้สบายๆมีทีวีให้ดูมีสมาร์ทโฟนให้เล่น แต่เรากลับมีความอดทนต่ำ โดนอะไรมากระทบนิดๆหน่อยๆก็ใจออกไปก่อนแล้วกลับไม่สู้กับมันเลย ดูยายเราสิมีลูกตั้ง7คนยังเลี้ยงได้เราแค่ภาระแค่นี้เอง ทำไมถึงดูแลตัวเราเองไม่ได้ และมีหลายครั้งที่ต้องคิดถึงคำพูดของยายเฒ่าทีาบอกกับผมเสมอๆว่า ไปทำงานก็ให้ขยัน อดทน ซื่อสัตย์ต่อหน้าที่ แลดูอาจเป็นคำพูดทั่วไปๆแต่กลับดูมีพลังแต่เข้มขลัง เเละเป็นกำลังใจส่งต่อในวันพรุ่งขึ้นต่อไป....
ขอให้สู้ ขอให้สนุกกับการใช้ชีวิต
ขอบคุณครับ
-กลัญญู หัดรัดชัย
โฆษณา