1 มี.ค. 2020 เวลา 20:17 • ปรัชญา
“การปฏิบัติจำเป็นต้องทำเป็นขั้นเป็นตอน”
ธรรมะรุ่งอรุณ ☀️
๒ มีนาคม ๒๕๖๓
การปฏิบัติจึงจำเป็นที่จะต้องทำเป็นขั้นเป็นตอนไป ถ้าทำข้ามขั้นตอนแล้วจะล้มเหลว จะไม่เกิดผลขึ้นมา ขั้นต้นจึงต้องสอนให้ทำทานก่อนเพื่อเลิกการใช้เงินไปเที่ยวไปหาความสุขจากการใช้เงินทองต่างๆ ด้วยการเอาเงินทองนี้ไปทำบุญทำทานแทน พอเราทำให้ความอยากไปเที่ยวอะไรต่างๆ นี้หยุดได้มันก็จะทำให้เราไม่รู้สึกเหงาเวลาที่เราจะต้องไปอยู่คนเดียว พอเราไปอยู่คนเดียวเราก็จะได้มีเวลามีสถานที่แวดล้อมที่ดีที่จะทำให้เราเจริญสติได้ง่าย ถ้าเราอยู่ใกล้กับคนนั้นคนนี้อยู่ใกล้กับเหตุการณ์เราจะเจริญสติได้ยาก เราระลึกถึงพุทโธได้ ๒ คำเดี๋ยวได้ยินเสียงคนนั้นใจเราก็จะไหลไปกับเสียงคนนั้น เห็นรูปคนนั้นก็จะไหลไปกับรูปคนนั้น พุทโธก็จะหายไป แต่ถ้าเราไปปลีกวิเวกอยู่คนเดียว ไม่เห็นใครไม่ได้ยินเสียงใครไม่รับรู้เรื่องอะไรจากใคร เราก็จะสามารถควบคุมบังคับให้ใจของเราอยู่กับพุทโธได้ ให้เราหมั่นบริกรรมพุทโธพุทโธไป ไม่ว่าเราจะทำภารกิจการงานอะไรต่างๆ ก็ดี ถ้าเราไปอยู่ในสถานที่ปฏิบัติธรรมแล้วเราสามารถเจริญสติควบคู่ไปกับการกระทำงานต่างๆ ได้ เพราะงานที่เราทำนี้ไม่ต้องใช้ความคิดมากนั่นเอง เป็นงานทำความสะอาด เป็นงานดูแลร่างกายของเรา รับประทานอาหาร อาบน้ำอาบท่าแต่งเนื้อแต่งตัว งานต่างๆ เหล่านี้เราสามารถเจริญสติควบคู่ไปด้วยกันได้ จะใช้พุทโธก็ได้หรือจะเฝ้าดูการกระทำของร่างกายก็ได้ว่ากำลังทำอะไรอยู่ กำลังอาบน้ำ กำลังล้างหน้ากำลังแปรงฟัน เราก็จะสามารถควบคุมใจให้อยู่กับเหตุการณ์การเคลื่อนไหวของร่างกายได้ เราก็จะสามารถทำใจให้นิ่งให้ว่างได้
แล้วพอเราว่างจากการทำงานที่จำเป็นต่างๆ เราก็นั่งหลับตาแล้วก็ดูลมหายใจเข้าออกต่อหรือจะใช้คำบริกรรมพุทโธพุทโธต่อ เราก็จะสามารถบริกรรมพุทโธไปได้อย่างไม่มีอะไรมารบกวนดึงให้พุทโธหายไป ถ้าดูลมก็สามารถดูลมต่อได้อย่างต่อเนื่อง ถ้าทำอย่างนี้ได้ไม่นาน ๕ นาที ๑๐ นาทีใจก็จะเข้าสู่ความสงบได้ พอเข้าสู่ความสงบก็จะได้พบกับความสุขที่เหนือกว่าความสุขจากการหาผ่านทางร่างกาย ก็จะทำให้เรานี้มีความมั่นใจมีกำลังที่จะปฏิบัติต่อไป เพราะเรารู้ว่าความสุขที่เราได้จากความสงบที่เกิดจากการเจริญสตินี้ยังไม่ได้ไปกำจัดความอยาก ที่เพียงถูกกดเอาไว้ด้วยกำลังของสติเท่านั้น พอเราออกจากสมาธิมาแล้ว ทีนี้พอจิตของเราเริ่มคิดไปในทางความอยากเราก็ต้องเอาปัญญามาห้าม ถ้ามันอยากจะไปทางใดทางรูปเสียงกลิ่นรส เราก็ต้องเอาปัญญามาห้ามให้เห็นว่ารูปเสียงกลิ่นรสนี้ไม่เที่ยง เวลาได้มาแล้วหมดไปจะทำให้เราทุกข์ พอเราเห็นความทุกข์ที่เกิดจากการไปหาความสุขจากรูปเสียงกลิ่นรสเราก็จะหยุดความอยากได้ หรือเวลาที่เราอยากจะไปหาความสุขจากคนนั้นคนนี้ที่มีรูปร่างหน้าตาที่สวยงาม เราก็นึกถึงภาพที่ไม่สวยงามของเข ถ้าเรานึกถึงภาพที่ไม่สวยงามของร่างกายของเขาได้ มันก็จะทำให้เราชะงัก ความอยากที่จะไปหาความสุขจากเขา เขาก็จะหยุดไปได้ ถ้าเราอยากจะหาความสุขจากการรับประทานอาหาร พอเรานึกถึงภาพของอาหารที่อยู่ในปากอยู่ในท้องหรือเวลาที่ถ่ายออกมา มันก็จะทำให้ความอยากรับประทานอาหารนั้นหายไปได้ เราต้องมีกำลังใจดึงมานึกถึงความรู้เหล่านี้ การจะนึกถึงความรู้เหล่านี้ได้เราต้องหมั่นพิจารณาอยู่เนืองๆ หมั่นพิจารณาอสุภะอยู่บ่อยๆ หมั่นพิจารณาไตรลักษณ์อยู่บ่อยๆ หมั่นพิจารณาความเป็นปฏิกูลของอาหารอยู่บ่อยๆ ถ้าเราหมั่นทำอย่างนี้อยู่เรื่อยๆ ต่อไปเวลาที่เราจะต้องเอาความรู้เหล่านี้ขึ้นมาเราก็สามารถดึงขึ้นมาได้เลย แต่ถ้าเราไม่พิจารณามันก็จะนึกไม่ออกเพราะว่าเราไม่ได้จดไม่ได้จำมันไว้ การพิจารณาอยู่เนืองๆ นี้เพื่อไม่ให้หลงไม่ให้ลืมนั่นเอง
นี่คือขั้นของปัญญาที่ยากกว่าขั้นของสติ และต้องมีขั้นของสติมาสนับสนุน ถึงจะสามารถทำให้ใจสามารถคิดไปในทางปัญญาได้อย่างต่อเนื่อง ถ้าไม่มีสติกำลังที่จะหยุดความคิดได้คิดไปทางปัญญาได้แค่สองสามวินาทีก็ถูกกิเลสดึงไปคิดเรื่องอื่นหมดก็จะไม่มีความรู้ทางปัญญาติดค้างอยู่ในใจ พอเวลาความอยากโผล่ออกมาก็ไม่มีเครื่องมือที่จะหยุดมันได้นั่นเอง แต่ถ้าเราผ่านขั้นตอนต่างๆ ไป ทำทานไปเพื่อไปสร้างศีล สร้างศีลเสร็จก็ไปสร้างสติให้เกิดสมาธิ พอได้สติได้สมาธิก็จะมีกำลังมาสร้างปัญญา พอมีปัญญาอยู่ในใจแล้วทีนี้พอความอยากโผล่ขึ้นมาก็สามารถหยุดความอยากต่างๆ ได้ พอความอยากต่างๆ หายไปหมด ใจที่วุ่นวายเพราะความอยากก็จะหายวุ่นวาย ใจก็จะสงบโดยอัตโนมัติเป็นธรรมชาติไป ก็จะไม่มีอะไรมาสร้างความวุ่นวายใจ ใจก็จะสงบไปตลอด เมื่อใจสงบใจก็จะมีความสุขมีความอิ่มไปตลอด ก็จะทำให้ไม่ต้องมาพึ่งร่างกายอีกต่อไป ร่างกายจะแก่จะเจ็บจะตายก็ไม่เป็นปัญหาอะไร เพราะใจสามารถมีความสุขได้โดยที่ไม่ต้องใช้ร่างกาย และถ้าร่างกายตายไปแล้วก็จะไม่ต้องกลับมาเกิดมามีร่างกายใหม่อีกต่อไป นี่คือวิธีการของพระพุทธเจ้าที่ได้ทรงพิสูจน์มาแล้ว ได้ทรงปฏิบัติมาแล้วได้ผลมาแล้ว และได้รับการรับรองจากพระอรหันตสาวกทุกรูปแล้วว่าเป็นวิธีการที่ถูกต้องที่แท้จริง วิธีการที่จะให้ความสุขแก่เราที่แท้จริงและถาวร เป็นวิธีการที่จะกำจัดความทุกข์ต่างๆ ที่เรามีอยู่ในขณะนี้ให้หมดสิ้นไป นี่คือผลที่เราจะได้รับจากการที่เราเข้าวัดกันอย่างสม่ำเสมอเราจะได้เรียนรู้ และเราจะได้ปฏิบัติและเราจะได้บรรลุถึงผลของการปฏิบัติ คือได้สัมผัสกับรสแห่งธรรมที่ชนะรสทั้งปวง
ธรรมะบนเขา
วันที่ ๑ มีนาคม พ.ศ.๒๕๖๓
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
วัดญาณสังวรารามฯ จังหวัดชลบุรี
ณ จุลศาลา เขตห้ามล่าสัตว์ป่าเขาชีโอน
โฆษณา