3 มี.ค. 2020 เวลา 08:18 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี
[สรุป] ข่าวที่ผู้เชี่ยวชาญอเมริการะบุว่ายิ่งใส่หน้ากายิ่งเสี่ยง COVID-19 จริงหรือไม่จริง ??
เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาผมเห็นหลายๆคนแชร์ข่าวนี้มาสักพักละครับ แล้วพอเข้าไปอ่านมา มันก็มีส่วนถูกอยู่พอสมควรเลย แต่ว่าพาดหัวข่าวก็มีความ Misleading หรือทำให้เราเข้าใจผิดได้เยอะอยู่เช่นกัน
ทีนี้สรุปว่าจะยังไงดี จะใส่ หรือไม่ใส่ ส่วนตัวผมก็ยังแนะนำให้ใส่กันถ้าสามารถหาได้นะครับ และเพื่อความไม่สับสนผมเลยขอสรุปบทความภาษาอังกฤษจาก Forbes ที่ยาวใช้เวลาอ่านประมาณ 6 นาทีกว่าๆ มาเล่าให้ฟังกันสั้นๆใน 5 ข้อพอ เพราะ 10 ข้อมันยาวไป 😂
ไปครับ !!
1 - Professor Eli Perencevic ผู้เชี่ยวชาญด้านหาและโรคติดต่อ จาก Iowa University of Medicine ออกมาระบุว่าไม่จำเป็นต้องใส่หน้ากากอนามัยเพื่อป้องกันไวรัส COVID-19 เพราะนอกจากจะไม่ช่วยป้องกันแล้ว ยังจะทำให้เสี่ยงติดโรคนี้มากขึ้นไปอีก
*** จริงๆคำพูดตรงนี้มีความ Misleading อยู่เยอะนะครับ เพราะถ้าไม่อ่านในรายละเอียดจะทำให้เข้าใจผิดได้อย่างที่บอกไปข้างต้นเลย
2 - เหตุผลที่ไม่ช่วยป้องกันก็คือหลายๆบทวิจัยที่เราเคยอ่านกันมาแล้ว เพราะไวรัส COVID-19 นั้นไม่ได้ติดต่อผ่านทางอากาศด้วยการหายใจ (Airborne) แต่ติดต่อผ่านการสัมผัสของเหลวที่ออกมาจากร่างกาย (Droplet) เพราะฉะนั้นการปิดจมูกและกรองอากาศก็เลยไม่ช่วยในกรณีนี้ เพราะส่วนใหญ่จะเกิดจากการสัมผัสเชื้อโรคแล้วไม่ล้างมือมากกว่า
ซึ่งจริงๆแล้วหน้ากากอนามัยนั้นออกแบบมาให้ป้องกันเชื้อโรคออก มากกว่าการป้องกันเชื้อโรคเข้า ในสถานการณ์ปกติจึงเหมาะที่จะให้คนป่วยใส่ ส่วนคนปกติไม่ต้องใส่ครับ พอคนไม่ป่วยใส่กันทั่วบ้านทั่วเมืองก็เลยทำให้หน้ากากขาดตลาดอย่างที่เราเห็น
*** ตรงนี้เค้าก็พูดไม่ผิดนะครับ แต่ก็ไม่ถูกเช่นกัน ไม่ถูกยังไงผมอธิบายไว้ด้านล่างแล้ว
3 - ส่วนเหตุผลที่จะทำให้เราเสี่ยงติดไวรัสมากขึ้นก็เพราะการใส่หน้ากาก จะทำให้เราต้องเอามือไปสัมผัสใบหน้าบ่อยๆ ซึ่งถ้ามือเราไปสัมผัส Droplet ที่มีเชื้ออยู่ตามพื้นผิวต่างๆ ก็จะเพิ่มโอกาสที่เชื้อไวรัสจะเข้าสู่ร่างกายทางจมูกและปากได้
1
และยิ่งสำหรับคนธรรมดาที่ไม่ได้ใช้หน้ากากอย่างถูกวิธีอย่างที่คนในวงการแพทย์ถูกฝึกมา นอกจากจะไม่ช่วยป้องกันจากเหตุผลในข้อ 2 แล้วก็จะเพิ่มความเสี่ยงอยากที่บอกไปในข้อ 3 ครับ
2
4 - วิธีการป้องกันที่แนะนำคือให้ใช้สบู่ล้างมือก่อนใช้มือทำอะไรก็แล้วแต่ที่มีการสัมผัสใบหน้า เพราะไวรัสตัวนี้จะมีเนื้อเยื่อชั้นนอกที่เป็นไขมัน และสบู่ทั่วไปก็มีสรรพคุณในการชะล้างไขมันอยู่แล้วนั่นเอง
5 - เมื่อนำทุกเหตุผลมารวมกัน จึงทำให้เกิดข่าวนี้ เพื่อที่จะรณรงค์ให้คนเลิกกักตุนหน้ากาก เพื่อให้มีเพียงพอต่อบุคลากรทางการแพทย์ที่เข้าขั้นขาดแคลนกันแล้วทั้งในสหรัฐอเมริกาเอง และประเทศอื่นๆ รวมถึงบ้านเราด้วยเช่นกัน
สรุปใจความจากเนื้อข่าวก็ประมาณนี้ครับ ขอออกตัวก่อนว่าเนื้อหาด้านบนคือเล่าตามเนื้อหาล้วนๆเลย ในส่วนความคิดส่วนตัวของผมอยู่ด้านล่างนี้ครับ
ส่วนตัวผมก็ยังมองว่าการใส่หน้ากากนั้นจำเป็นในกรณีที่เราต้องเดินทางไปยังพื้นที่ที่แออัด เพราะถ้ามีคนไอหรือจามใกล้ๆเรา เราก็มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นเช่นกัน ซึ่งทางบทความน่าจะไม่ได้คำนึงถึงในกรณีนี้ เพราะฉะนั้นถ้าถามผม ผมก็ยังยืนยันให้ใส่ครับ แต่ต้องล้างมือให้บ่อย จะด้วยเจลแอลกอฮอล์หรือสบู่ก็ได้
ส่วนวิธีการแก้ปัญหาการขาดแคลนหน้ากาก ผมคิดว่าการทำหน้ากากผ้าไว้ใช้เองจะช่วยได้เยอะ เพราะเรากลัวแค่การโดนละอองที่มีเชื้อโรคเท่านั้น หน้ากากผ้าสามารถป้องกันได้อยู่แล้ว แต่ว่าต้องหมั่นซักและทำความสะอาดบ่อยๆ อาจจะมีไว้ 2-3 อันแล้วสลับกันใช้ก็ได้
จะได้ไม่ต้องไปสนับสนุนคนที่กักตุนสินค้าครับ ถ้าเราลด Demand ของหน้ากาอนามัยได้ จนคนพวกนั้นขายไม่ออก ราคามันก็จะลดลงมาเองเช่นกัน
ดูแลตัวเองและรักษาสุขภาพกันด้วยนะครับ
ในโพสต่อๆไปก็จะนำเรื่องน่าสนใจของหนังสือเล่มอื่นๆ รวมไปถึงเกร็ดความรู้ต่างๆ มาเล่าให้ฟังเรื่อยๆ สนใจก็กดติดตามเพจ “เล่า” ไว้เพื่อที่จะไม่พลาดเนื้อหาดีๆในอนาคต
ส่วนถ้าใครไม่อยากพลาดทุกโพสต์ของเพจ “เล่า” แอดมินแนะนำให้กด See First เอาไว้ด้วยครับ :)
ติดตามเรื่อง “เล่า” ผ่าน facebook ได้ที่
#เล่า #เล่าหนังสือ #เล่าความรู้ #unfold #ส่งเสริมการอ่าน #ส่งเสริมการเรียนรู้ #COVID19
โฆษณา