5 มี.ค. 2020 เวลา 12:48 • ประวัติศาสตร์
“กุศโลบายการสร้างพระสมเด็จวัดระฆัง
แห่งสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พฺรหฺมรํสี)”
3
‘เจาะเวลาหาอดีต’พาผู้อ่านย้อนดูปริศนาธรรมที่แฝงอยู่ในพระเครื่องที่นิยมที่สุด
“พระสมเด็จวัดระฆัง”
- บทเริ่มต้น พระคาถาชินบัญชร -
•ปุตตะกาโมละเภปุตตัง•
•ธะนะกาโมละเภธะนัง •
•อัตถิกาเยกายะญายะ •
•เทวานังปิยะตังสุตตะวา •
•อิติปิโสภะคะวายะมะราชาโน•
•ท้าวเวสสุวัณโณ มรณังสุขัง อะระหังสุคะโต•
•นะโมพุทธายะ•
+คำแปลไทยและความหมาย+
- คนที่รู้จักดูแลรักษากายและจิตใจให้ดี
ทราบว่า ตนเป็นที่รักของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลายแล้ว หากต้องการบุตรธิดา ควรได้บุตรธิดาสมใจ หากต้องการทรัพย์ไซร้ ก็ควรได้ทรัพย์สมหวังดังมุ่งหมาย
- แม้เพราะเหตุดังกล่าวไว้ในเบื้องต้นนี้
พระผู้มีพระภาคเจ้า พระองค์นั้น ผู้ห่างไกลจากกิเลส ตัดสิ้นเหตุแห่งสังสารวัฎ ควรค่าแก่อามิสบูชาและธรรมบูชา ตรัสไว้ดีแล้วว่า ยมทูตและยมราช มีจริง ท้าวเวสสุวรรณ มีจริงความตาย มีความสุข ก็มี
ดังนี้ ข้าพเจ้า ขอนอบน้อมพระพุทธเจ้า
1
หลวงปู่คำผู้ชำนาญการเฉพาะด้านวัตถุมงคลพระสมเด็จได้ให้ข้อมูลว่า
“พระสมเด็จองค์แท้จริงนั้น หมายถึง พระที่สมเด็จโตท่านสร้างไว้ขณะที่ยังมีชีวิตอยู่ ระหว่างปี พ.ศ. 2350-2415 เท่านั้น”
สมเด็จโตได้เริ่มสร้างพระไว้ ตั้งแต่ยังเป็น
‘พระโต’ หรือ ’ขรัวโต’ จนมาเป็นพระครูปริยัติธรรม ท่านสร้างพระสี่เหลี่ยมชิ้นฟักเอาไว้มากมาย แจกชาวบ้านบ้าง บรรจุในกรุตามวัดต่างๆ บ้าง
เมื่อท่านโตได้สมรรณศักดิ์เป็น
‘พระราชปัญญาพร’ ได้สร้างพระขึ้นมา 60 พิมพ์ และแจกจ่ายไปตามวัดต่างๆ
เมื่อท่านโตได้สมรรณศักดิ์เป็น
’พระเทพกวีศรีวิสุทธินายก’ ท่านก็ทำพระพิมพ์แจกญาติโยมมากยิ่งขึ้น ในสมัยนั้นมีผู้แกะแม่พิมพ์มาถวายเพิ่มมากกว่าทุกครั้ง แต่ก็ยังไม่พอแจก จึงต้องเอาพระที่เหลือเก่าๆ มาแจกแทน
เมื่อท่านโตได้ได้สมรรณศักดิ์เป็น
‘พระธรรมกิตติโสภณ’ ท่านได้ทำพระไว้ 4 พิมพ์ ได้แก่ พิมพ์ปรกโพธิ์ พิมพ์เกศตรงชนซุ้ม พิมพ์เกศทะลุซุ้ม พิมพ์ฐานแซม
โดยใช้มวลสารดังนี้ เนื้อข้าวสุก กล้วยหอม เศษอาหาร ชานหมากที่ท่านเจ้าประคุณสมเด็จฉันแล้ว ปูนเปลือกหอย ขี้ตะไคร่ใบเสมา น้ำอ้อยที่เคี่ยวจนเป็นยางมะตูม พิมพ์ออกมาอย่างละห้าพันองค์ พระพิมพ์นี้เป็นพิมพ์ของคุณหลวงสิทธิ์ พระพิมพ์นี้มีความสวยงามพอสมควร จนคนในวังมาขอกันทั้งวัน
สมเด็จพระพุฒาจารย์โตกล่าวไว้ว่า
“พระที่ให้ไปนั้น ให้ไปเพื่อไว้ใช้ทำมาหากิน และบอกอีกว่า ถ้ารวยอยู่แล้วไม่ต้องมาขอนะโยม”
ปรากฏว่า คนที่ได้พระไปในครั้งนั้น รวยเป็นเจ้าของธุรกิจใหญ่โตกันทุกคน
ในระหว่าง ปี พ.ศ. 2398 สมเด็จพระพุฒาจารย์ได้เดินทางไปเยี่ยมญาติที่กำแพงเพชร ได้มีโอกาสอ่านตำนานแผ่นลานเงิน ซึ่งมีคนมาถวาย ทำให้รู้ถึงวิธีการสร้างพระเครื่อง ตามแบบของฤาษี 11 ตน
วัดพระบรมธาตุ ภาพจาก travel.kpppao.go.th
อีกทั้งยังไปทำการขุดค้นหาพระตามพระเจดีย์ วัดพระบรมธาตุ ที่พังทลายลงมา พบพระซุ้มกอ และพระตระกูลทุ่งเศรษฐีที่แตกหักจำนวนมาก
เมื่อถึงวันกลับ ท่านเจ้าประคุณสมเด็จโตก็เก็บเอาพระที่แตกหักกลับมา มาทำการผสมกับ ผงพระรอด ผงพระสุพรรณ ผงพระซุ้มกอ ผงพระนางพญาที่ท่านเก็บสะสมไว้ก่อนหน้านั้น
มาสร้างพระสมเด็จชุดเบญจภาคี วัดระฆังอย่างพิถีพิถัน สวยงามไม่เหมือนพระสมเด็จรุ่นใดๆ ที่สร้างมา
โดยมีพระซุ้มกอกำแพงเพชรเป็นต้นแบบอย่างของพระสมเด็จชุดเบญจภาคี
พร้อมบอกเจตนาการสร้างพระชุดนี้จะแจกให้แก่พวกเจ้านายชั้นสูง
ในวันที่ท่านเลื่อนสมรรณศักดิ์เป็น
’สมเด็จพระพุฒาจารย์’
หลวงปู่คำถึงกับกล่าวว่า
“ต่อไปพระชุดเบญจภาคีนี้ อย่าว่าแต่จะหาไว้บูชาเลย หาดูก็ยังยาก”
นักเลงพระเครื่องยอมรับว่า พระของท่านเจ้าประคุณสมเด็จโต ในยุคนั้นดังสุดขีด ราคาก็ขึ้นสูงลิ่ว และยังหายาก ไม่ค่อยมีหลุดออกมาให้ผู้คนทั่วไปเห็นบ่อยนัก
พระของสมเด็จโต พิมพ์เก่าๆ ยังมีอยู่กับลูกหลานเจ้านายชั้นสูง หรือเชื้อพระวงศ์อีกมากมาย แต่เขาไม่เอามาอวดกันเหมือนนักเลงพระทั่วไป
พระสมเด็จแต่ละพิมพ์แต่ละชนิด ส่วนใหญ่ท่านเจ้าประคุณสมเด็จโต ท่านสร้างเป็นพุทธบูชาและแจกฟรีไม่มีการซื้อขาย
จึงไม่มีการทำตำหนิไว้ที่องค์พระ ส่วนเส้นข้างที่ครอบองค์พระ ชิดซ้ายบ้าง ขวาบ้าง ไม่เท่ากัน เกิดจากคนตัดพิมพ์ ไม่ได้เกิดจากแม่พิมพ์ จะเอามาเป็นมาตรฐานตายตัวไม่ได้
การสร้างพระของท่านเจ้าประคุณสมเด็จโต ท่านสร้างในวาระและเวลาว่าง ไม่ได้กำหนดจำนวนว่าจะสร้างเท่าไหร่ มีมากบ้าง น้อยบ้าง
ไม่เท่ากัน
ท่านเจ้าประคุณสมเด็จโต ท่านจะนำผงวิเศษ เช่น ผงปัฐมัง ผงอิทธิเจ ผงตรีนิสิงเห
ผงมหาราช และอื่นๆอีกมากมาย มาผสมใส่ในบาตร โดยทั้งนี้ได้นำน้ำศักสิทธิ์ตามสถานที่ต่างๆ มาผสมให้ผงมวลสารเข้ากัน และใช้น้ำมันตังอิ๊วมาผสมนวดเนื้อผง จนเป็นเนื้อเดียวกัน นำมาพิมพ์ ให้มีขนาดเดียวกัน
โดยมีหลวงวิจารณ์เจียรนัยเป็นผู้ทำแม่พิมพ์ที่แกะจากหินอ่อนให้
พระสมเด็จที่สร้างจากมือท่านเจ้าประคุณสมเด็จโตแท้ๆนั้น ยังคงมีพุทธคุณพระรอด พระผงสุพรรณ พระซุ้มกอ พระนางพญา ขลังและศักสิทธิ์ไม่เสื่อมคลาย ส่งผลทำให้ผู้ที่มีไว้บูชา ทำมาหากิน เจริญรุ่งเรือง ร่ำรวย มีโชค มีลาภ มีความสำเร็จ และแคล้วคลาดปลอดภัยตลอด
นี่เป็นเหตุผลหนึ่งที่เจ้าสัวพ่อค้า หรือ ผู้แสวงหาความสำเร็จ มักค้นหาและต้องตาต้องใจกับพระสมเด็จมาตั้งแต่ยุคอดีตถึงทุกวันนี้
พระสมเด็จไม่จำเป็น ต้องเน้นพิมพ์ไปตามเซียน หรือตามตำรา เพราะท่านสร้างพระสมเด็จ หลากหลายพิมพ์มากมาย มีพิมพ์ชาวบ้าน ช่างสิบหมู่ ช่างหลวง ฯลฯ
หากพยายามตามหาแต่พิมพ์นิยมเหมือนเซียน ชาตินี้ คงหาไม่เจอ ที่เน้นดูเนื้อเป็นหลัก
ดูขอบข้างพระให้เป็น ให้เน้นปฏิบัติในศีล ทาน ภาวนา ก็จะเจอเอง เพราะพระสมเด็จแท้ๆจะเลือกเจ้าของที่เหมาะสม
สำหรับคนประพฤติปฏิบัติดีเท่านั้นจะได้ครอบครองพระสมเด็จ แม้คนรวย มีเงินมาก อาจไม่เสมอไปที่จะได้ครอบครองพระสมเด็จแท้
มุ่งมั่นตั้งอยู่ใน ‘ปุญญสิกขา’(ศีล ทาน ภาวนา) ใครก็ตามที่เข้าใจเนื้อแท้ของพระสมเด็จอย่างแท้จริง ก็จะได้พระสมเด็จ ตามแรงอธิษฐาน ขึ้นอยู่กับ บารมีของแต่ละบุคคล
“อาจไม่ได้ดั่งวัตถุ แต่ได้ดั่งจิตใจ”
ทาน • เป็นการเสียสละ ไม่ว่าจะเป็นทรัพย์สิน แรงกายและแรงใจ
ศีล • เป็นการรักษาดวงจิตให้บริสุทธิ์ เพื่อไม่ให้คนเราทำบาปทั้งปวง
ภาวนา • เป็นการทำให้ดวงจิตบริสุทธิ์ ผู้ปฏิบัติเกิดปัญญาในธรรม
ดั่งที่สมเด็จพระพุฒาจารย์โต(พฺรหฺมรํสี)
ได้กล่าวไว้
”...จงจำไว้ลูกเอ๋ย! กรรมที่ทำด้วยเจตนาไม่ว่าจะดีหรือชั่ว ย่อมมีผลต่อผู้กระทำทั้งสิ้น ไม่มีเทพ พรหม องค์ใดช่วยเจ้าลบล้างกรรมนั้นได้ เจ้าต้องช่วยเหลือตนเอง ด้วยการสวดมนต์ ภาวนา แผ่เมตตา ผลแห่งบุญอันเป็นกรรมปัจจุบันนี้จะช่วยเจ้าเอง..”
กดไลค์ กดแชร์ กดติดตาม เป็นกำลังใจให้กัน
❤️🙏🙏❤️
อ้างอิง:
- หนังสือบันทึกหลวงปู่คำ และ พระธรรมถาวร (ช่วง)
- หนังสือคู่มือดูพระอย่างถูกวิธี โดย ศุภชัย เรืองสรรงามสิริ
โฆษณา