Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
แอบสปอยล์
•
ติดตาม
5 มี.ค. 2020 เวลา 10:32 • บันเทิง
Onward
ชีวิตมันต้องเดินไปข้างหน้า
“คู่ซ่าล่ามนต์มหัศจรรย์” ภาพยนตร์แอนิเมชั่นเรื่องล่าสุดจากสตูดิโอพิกซาร์ เรื่องราวการผจญภัยของเอลฟ์สองพี่น้องกับภารกิจตามล่ามนต์วิเศษเพื่อโอกาสครั้งสำคัญในชีวิต
สายเกมส์น่าจะชื่นชอบเรื่องนี้ เพราะแทบทั้งเรื่อง ภารกิจตามล่าหามนต์วิเศษของสองหนุ่มพี่น้องเอลฟ์นั้นเหมือนเป็นการตะลุยด่านในวิดีโอเกมส์
เอาจริงๆเราไม่อินมากเพราะไม่ใช่คอเกมส์ ศัพท์แสงหลายตอนก็ไม่เข้าหู แต่เดี๋ยว...มันไม่ใช่ประเด็นสำคัญมาก โดยเฉพาะเมื่อดูจบก็ได้ข้อสรุปว่าหนังมีดีและลึกซึ้งกว่าที่คิด
“Onward” เป็นเรื่องราวการผจญภัยของเอลฟ์สองพี่น้อง “เอียน” (ให้เสียงโดย ทอม ฮอลแลนด์) และ “บาร์ลีย์” (ให้เสียงโดย คริส แพรตต์) กับภารกิจตามล่าหามนต์วิเศษเพื่อโอกาสครั้งสุดท้ายที่จะได้เจอหน้า “พ่อ”
เนื้อเรื่องช่วงแรกออกจากเนิบนาบสักหน่อย น่าจะเป็นช่วงปูคาแรกเตอร์ตัวละครหลักทั้งสองให้ผู้ชมอย่างเราได้รับรู้ โดย “เอียน” น้องชายคนเล็ก เป็นเด็กเนิร์ดผู้ไม่มั่นใจและหวาดกลัวทุกสิ่งอย่าง ในขณะที่ “บาร์ลีย์” พี่ชายคนโต เป็นแนวหัวขบถ กล้าได้กล้าเสียและบ้าเกมส์ ดังนั้น...การผจญภัยครั้งนี้จึงน่าลุ้นมากว่าคู่ต่างอย่างสองพี่น้องนี้จะทำสำเร็จหรือไม่
“เอียน” มีความปรารถนาแรงกล้าจะเจอหน้าพ่อ(ผู้ล่วงลับ)สักครั้ง แล้วจู่ๆความฝันก็ทำท่าจะเป็นจริงเมื่อแม่มอบของขวัญวันเกิดครบรอบ 16 ปีให้เขาเป็นจดหมายจากพ่อ และนั่นก็เป็นครั้งแรกที่ทำให้เขากับ “บาร์ลีย์” ได้รู้ว่าพ่อไม่ใช่แค่เอลฟ์สมุหบัญชีธรรมดา แต่เป็นเอลฟ์ที่สามารถใช้เวทมนตร์ได้ด้วย!
เรื่องประหลาดและคำสั่งเสียสุดท้ายของพ่อจะได้เจอหน้าลูกชายทั้งสองอีกครั้งทำให้สองพี่น้อง “เอียน” และ “บาร์ลีย์” ต้องร่วมมือกัน (ดูจากในเรื่องน่าจะเป็นครั้งแรก) ออกตามหาหินวิเศษเพื่อร่ายมนต์ให้พ่อกลับมามีชีวิตได้หนึ่งวัน
แม้พ่อจะกลับมาได้เพียงแค่ 1 วัน ทั้งเอียนและบาร์ลีย์ก็ยืนยันจะปฏิบัติภารกิจที่แสนยากลำบาก โดยคาดไม่ถึงเลยว่าสิ่งที่ได้รับกลับมาจะไม่ใช่แค่การได้เจอหน้าพ่อ แต่ทั้งคู่ยังจะได้เรียนรู้บทเรียนสำคัญในชีวิตด้วย
ถ้าลองวาดกราฟของเรื่องก็ต้องบอกว่ากราฟเรื่องนี้โตขึ้นช้ามาก จนเราเกือบจะถอดใจเสียแล้ว กระทั่งเริ่มครึ่งหลังก็ได้ถอนใจโล่งอกเมื่อตัวละครเริ่มได้เรียนรู้อะไรบางอย่าง
จะว่าไปทีมผู้สร้างก็คงพยายามจะเล่าเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างพี่น้องเป็นนัยๆตั้งแต่ต้น แต่ส่วนตัวคิดว่ามันเบาบางไปสักหน่อย กระทั่งครึ่งหลังจึงได้เห็นเค้าลางที่ชัดเจนขึ้น
พัฒนาการตัวละครในครึ่งหลังจัดว่าก้าวกระโดด หลายฉากทำให้เราน้ำตาซึมกับความรักระหว่างพี่น้อง ภายใต้ท่าทางไม่เอาไหนของพี่ชายอย่างบาร์ลีย์ กับท่าทางซื่อๆเหมือนเด็กเนิร์ดของเอียน ทั้งคู่ต่างก็ได้บทเรียนและเราก็ได้เห็นว่าทั้งคู่ต่างก็มี “จุดแข็ง” ที่ช่วยเติมเต็มซึ่งกันและกัน
ส่วนตัวเราชอบคาแรกเตอร์ของ “บาร์ลีย์” นะ แม้ว่าจริงๆเหมือนว่าทางทีมผู้สร้างจะชู “เอียน” มากกว่า แต่เราคิดว่าคาแรกเตอร์ของ “บาร์ลีย์” มีความน่ารักน่าชังกว่าเล็กน้อย โดยเฉพาะเวลาคับขัน ความจริงใจ ความกล้าหาญและสติที่เขามีก็ช่วยผลักดันให้ “เอียน” ก้าวต่อไปได้
แต่ก็อย่างที่กล่าวข้างต้น คาแรกเตอร์ของ “เอียน” น่าจะเป็นสิ่งที่หนังต้องการเน้น ซึ่งก็ตรงกับชื่อเรื่อง “Onward” ซึ่งแปลว่า “ก้าวไปข้างหน้า” ได้เป็นอย่างดี
เอาจริงๆเราว่าถึงหนังจะมีวิธีเล่าให้เข้าใจแบบง่ายๆตามมาตรฐานพิกซาร์และดิสนีย์ แต่ “สาร” ของหนังก็ยังเป็นนามธรรมอยู่มาก ผู้ชมเองก็ต้องใช้ความอดทนเพื่อรอให้ตัวละครหลักทั้งสองได้ตกตะกอนความคิด โดยเฉพาะ “เอียน” ที่ได้เรียนรู้บทเรียนสำคัญในเวลาที่เกือบจะสายไป
จะว่าไปก็เป็นตอนจบที่เราคาดไม่ถึง ส่วนตัวคิดว่ามีแอบหักมุมเล็กๆ หักหลังคนดูอย่างเราหน่อยๆ แต่ก็ถือว่าเป็นตอนจบที่ดี พอกลบความเอื่อยเฉื่อยช่วงแรกไปได้ ที่สำคัญ...สารที่ว่าก็เป็นความจริงบนโลกใบนี้ที่ว่า...ชีวิตมันต้องเดินต่อ และเราก็ต้องอยู่ให้ได้กับทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้น
ทั้ง “เอียน” และ “บาร์ลีย์” จะได้บทเรียนอะไรบ้างเพื่อก้าวไปข้างหน้า คุณผู้อ่านก็ต้องไปเกาะขอบจอที่โรงกันนะคะ รับรองว่าดูได้เพลินๆ ทุกเพศทุกวัยแบบไม่ต้องคิดมากตามมาตรฐานพิกซาร์เลยจ้า
#แอบสปอยล์
บันทึก
2
2
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย