James Bond ภาคใหม่ No Time to Die เลื่อนฉายทั่วโลกปลายปีเพราะโควิด-19
เพราะโรคโควิด-19 ระบาดมากขึ้นเรื่อยๆ ทั่วโลก ล่าสุดวานนี้ ทางค่ายหนัง MGM Studios และ Universal Pictures ก็ได้ประกาศอย่างเป็นทางการว่า จะเลื่อนการฉายหนัง เจมส์ บอนด์ ภาคใหม่ No Time to Die ทั่วโลก จากเดือนเมษายนนี้ไปเป็นช่วงเดือนพฤศจิกายนแทน
No Time to Die ที่มีการคาดการณ์ว่า ใช้ทุนสร้างกว่า 200 ล้านดอลลาร์ และจะเป็นภาคสุดท้ายของพระเอก แดเนียล เคร็ก ถือว่าเป็นหนังฟอร์มยักษ์เรื่องแรกของฮอลลีวูดที่ได้ประกาศเลื่อนฉายรอบโลกจากโควิด-19 ซึ่งเว็บไซต์ Deadline ได้เผยว่า การตัดสินใจครั้งนี้มาจากมุมมองเรื่องธุรกิจ ซึ่งเสี่ยงต่อรายได้ เพราะตลาดสำคัญของหนังเรื่องนี้อย่างจีน ญี่ปุ่น และเกาหลี ซึ่งทั้งหมดล้วนเป็นประเทศที่กำลังประสบปัญหา และมีการปิดโรงหนังสำคัญหลายแห่ง ซึ่งที่จีนก็มีการปิดโรงหนังไปแล้ว 70,000 แห่ง โดยในตอนแรกทางหนังก็จะมีการจัดงานพรีเมียร์ใน 3 ประเทศนี้ แถมทาง The Hollywood Reporter ยังบอกอีกว่า หากย้อนดูรายได้ของ เจมส์ บอนด์ ภาคก่อน Spectre (2015) รายได้กว่า 38% ของเรื่องก็มาจากประเทศเหล่านี้
สำหรับบ้านเกิดของ เจมส์ บอนด์ อย่างประเทศอังกฤษ ที่ในตอนแรกถูกกำหนดว่าจะเวิลด์พรีเมียร์ในวันที่ 30 มีนาคมนี้ แต่ก็ต้องเลื่อนไปก่อนเช่นกัน ซึ่งวันเข้าฉายใหม่ในประเทศอังกฤษคือ 12 พฤศจิกายน 2020 ก่อนจะเข้าฉายในประเทศอื่นๆ ต่อมา ส่วนในอเมริกาก็จะฉาย 25 พฤศจิกายน ซึ่งก็ยังโชคดีว่าเป็นช่วงเวลาวันขอบคุณพระเจ้า (Thanksgiving) ที่คนก็จะจับจ่ายใช้สอย แต่หนังก็จะเจอคู่แข่งสำคัญอย่าง Godzilla vs. Kong ที่จะเข้าฉายวันที่ 20 พฤศจิกายน และเรื่อง King Richard ที่ วิลล์ สมิธ แสดงในสัปดาห์เดียวกัน
แต่ในขณะเดียวกัน หนังฟอร์มใหญ่จากค่ายอื่น เช่น Mulan ของดิสนีย์ ก็ยังแพลนที่จะฉายในอเมริกาวันที่ 27 มีนาคมนี้ เหมือนเดิม แม้ในประเทศจีนจะมีการเลื่อนไปก่อน ถึงตอนนี้เราคงต้องจับตาดูอีกทีว่า พออเมริกาเริ่มมีคนติดโควิด-19 มากขึ้นเรื่อยๆ ทางดิสนีย์จะมีการเปลี่ยนใจไหม
เรื่อง: คริสตอฟเฟอร์ สเวนซัน
พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล
อ้างอิง:
- 7
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
