7 มี.ค. 2020 เวลา 02:30 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี
OAU คืออะไร เกี่ยวอะไรกับฝุ่น PM2.5
===========================
OAU ย่อมาจาก Outside Air Unit จริงๆ ผมน่าจะเรียกมันว่า PAU (air handling unit อย่างหนึ่งที่เอาไว้ทำ positive pressure) จะเหมาะกว่า แต่ดันเผลอไปเรียกอย่างนั้นมาแต่แรก และมันก็ไม่ได้ผิดอะไร ก็เลยเรียกมันอย่างนั้นเรื่อยมา
ชื่อเป็นทางการจริงๆของมันน่าจะเรียกว่า Positive Pressure Clean Fresh Air Machine เพราะมันมีหน้าที่สร้างความดันที่เป็นบวกภายในห้อง ด้วยอากาศบริสุทธิ์-ปราศจากฝุ่น เพื่อป้องกันไม่ให้ฝุ่นไหลเข้ามาในห้อง โดยการใช้ลมที่อัดเข้ามาจาก OAU ไปดันออกที่รอยรั่วทุกรอย เกิดการพ่นลมออกจากขอบประตูหน้าต่าง ทำให้ฝุ่นภายนอก ไม่สามารถวิ่งสวนลมเข้าไปในห้องได้
การป้องกันฝุ่นภายในห้องที่สมบูรณ์จริงๆ ต้องมีทั้ง “ตัวกัน” และ “ตัวกรอง” ตัว OAU ก็คือ “ตัวกัน” ส่วนเครื่องกรอง ก็คือ “ตัวกรอง” การป้องกัน PM2.5 ที่สมบูรณ์ควรจะมีทั้งสองตัวทำงานคู่กัน แต่จะมีแค่เพียงตัวเดียวก็พอได้ แต่จะไม่ 100%
เวลามีแต่เครื่องกรองโดยไม่มี OAU เครื่องกรองก็จะสู้ฝุ่นแรงๆไม่ค่อยไหวเพราะไม่มี “ตัวกัน (OAU) ช่วย” เวลาค่าฝุ่นสูงเกิน 100 มคก/ลบม ไปมากๆ เครื่องกรองก็จะเอาไม่อยู่ สาเหตุก็เนื่องมาจากว่าเวลาฝุ่นด้านนอกมีค่าสูง ปริมาณฝุ่นที่รั่วเขามาจะมีค่าสูงมาก เครื่องกรองจะดูดซับได้แค่ปริมาณหนึ่งเท่านั้น (ตามความสามารถของเครื่อง) ฝุ่นส่วนเกินก็จะคงเหลืออยู่ในห้อง ทำให้ค่าฝุ่นในห้องสูง ไม่สามารถทำให้ลงต่ำสู่ค่ามาตรฐานได้ การใช้แต่เครื่องกรองจึงเหมาะสมกับในกรณีที่ค่าฝุ่นภายนอกมีค่าไม่สูงมากจนเกินไปและห้องไม่มีรอยรั่วมากนักเท่านั้น เครื่องกรองตัวโตๆธรรมดาจะสามารถเอาฝุ่นลงได้ระดับหนึ่ง แต่จะเอาลงไปให้ต่ำกว่าสัก 10 มคก./ลบม. เป็นเรื่องยาก (ในวันที่ค่าฝุ่นสูง) ถ้าใช้แต่เครื่องกรองอย่างเดียว แล้วจะให้ได้คุณภาพ ต้องใช้เครื่องกรองตัวโตๆประมาณสี่ตัวถึงจะไหว (เชื่อหรือไม่ครับ? ผมลองมาแล้ว)
OAU ทำหน้าที่เป็น “ตัวกัน” ได้ยังไง เราต้องมาดูที่ตัวมันและหลักการทำงานของมัน ดังต่อไปนี้คือ
ตัว OAU เอง หลักๆ ก็คือกล่องพัดลมที่มี HEPA Filter และ Pre Filter อยู่ภายใน กล่องพัดลมนี้จะถูกติดตั้งอยู่ภายในหรือภายนอกห้องก็ได้ เวลาทำงาน ตัวมันจะดูดเอาอากาศจากภายนอกเข้ามาผ่าน Pre Filter และ HEPA Filter ตามลำดับ แล้วก็อัดลมที่ไร้ฝุ่นนี้เข้าไปในห้อง (ลมภายนอกที่มีฝุ่น เมื่อไหลผ่าน HEPA Filter จะถูก HEPA Filter กรองออกไปกว่า 99.5%) โดยปกติลมที่ผ่านเครื่องออกมาก็จะมีค่าฝุ่นเป็นศูนย์เลยหรือไม่ก็ใกล้เคียงมาก เช่น 1 หรือ 2 มคก/ลบมเป็นต้น ลมสะอาด ปราศจากฝุ่นนี้จะไหลเข้าไป “ท่วมห้อง” และดันออกไปตามช่องเปิด และรูรั่วต่างๆตามขอบประตูหน้าต่าง ทำให้ฝุ่นจากภายนอกไม่สามารถ “ไหลสวน” เข้ามาได้ เครื่อง OAU นี้จะไม่สนใจเลยว่าค่าฝุ่นภายนอกจะเป็นอย่างไร เพราะมันจะสามารถ “กันการรั่วเข้า” ได้ทุกค่าของฝุ่นภายนอก และสามารถทำค่าฝุ่นภายในให้เป็นศูนย์ได้เสมอ ไม่เหมือนเครื่องกรอง ที่ค่าฝุ่นภายในจะขึ้นๆลงๆ แล้วแต่ว่าค่าฝุ่นภายนอกมันมาก หรือน้อย ข้อเสียสำคัญของ OAU คือมันต้องการการติดตั้ง เหมือนติดแอร์ และต้องเจาะรูที่กำแพง ไม่เหมือนเครื่องกรองที่เสียบปลั๊กก็ใช้ได้เลยทันที ข้อเสียอีกประการหนึ่งคือมันมีประสิทธิภาพต่ำในการกำจัดฝุ่นที่เกิดขึ้น “ภายใน” ห้องเอง สู้เครื่องกรองไม่ได้ แต่ในกรณีของห้องในบ้านทั่วๆไปซึ่งมักไม่มีฝุ่นกำเนิดภายใน เครื่อง OAU จะทำหน้าที่ได้ดีกว่าเครื่องกรองมากๆ (ผมว่าราว 1:4 เลย คือมันดีกว่าสี่เท่าได้) ใครก็ตามที่มีความต้องการให้ค่าฝุ่นภายในห้องมีค่าต่ำมากๆ เช่น 0-5 มคก/ลบม ตลอดเวลา ต้องติดตั้ง OAU (เพื่อนบางคนเปรียบเปรยระดับคุณภาพฝุ่นในห้องแบบนี้ว่าระดับ มิชลินสตาร์ 3 ดาวเลยก็มี คือสูดหายใจได้เต็มปอดจริงๆ)
1
ข้อดีอีกประการหนึ่งของ OAU ซึ่งสำคัญมากต่อการใช้งานในลักษณะห้องเรียนซึ่งมีเด็กอยู่เป็นจำนวนมากๆคือ OAU จะช่วยระบายอากาศ เติมออกซิเจนเข้าไปอย่างเหมาะสม มีผลดีต่อสุขภาพอนามัยของเด็ก และต่อการพัฒนาการทางสมอง การใช้แต่เครื่องกรองอย่างเดียว จะไม่ช่วยเรื่องการระบายอากาศที่ถูกต้อง ไม่มีการเติมออกซิเจนและเป็นผลร้ายกับเด็ก
อีกประเด็นหนึ่งที่คนชอบพูดกันมากคือเรื่องฤดูการมาของฝุ่นว่ามีแค่เพียงไม่กี่เดือนต่อปี ทำอะไรมากไปมันไม่คุ้ม เรื่องนี้บางทีก็มีลูกหลอกให้เราเข้าใจอะไรผิดๆอยู่ จริงอยู่ที่ว่าฝุ่นมันแรง “มาก” แค่ไม่กี่เดือนในหนึ่งปี แต่พวกเราทราบไหมว่า เวลาที่รัฐบาลเขาบอกเราว่าไม่แรงนะ จริงๆแล้ว “มันแรงๆๆแล้วตามมาตรฐานขององค์การอนามัยโลก” ใครไม่อยากสูดหายใจเอาสารก่อมะเร็งอันดับ 1 เข้าไปเยาะๆก็ไปลองศึกษาเพิ่มเติมดูกันเองนะครับว่าที่ผมพูดนะจริงไหม แต่ที่แน่ๆ สำหรับกรุงเทพมหานครฯ ปัจจุบันเราสูดหายใจเอาฝุ่นเข้าไปมากกว่าที่องค์การอนามัยโลกแนะนำ “กว่าสามเท่า” และการใช้ OAU/กรอง จริงๆแล้วมีความจำเป็นเกือบตลอดเวลาและมากกว่าที่เราเข้าใจกันอยู่ในขณะนี้
อากาศภายนอกเดี๋ยวมันไม่ได้บริสุทธิ์สะอาดเหมือนในอดีต การระบายอากาศด้วยวิธีเดิมๆมันไม่พอเพียงแล้ว การใช้ OAU ซึ่งแต่เดิมไม่เคยต้องมี เดี๋ยวนี้มันควรต้องมีแล้ว และในอนาคต ทุกคนจะต้องการมันเป็นปกติ ปัญหา Air Pollution มันแก้ยาก เพราะกิเลสมนุษย์มันเอียงไปในทางทำลาย ผมจึงอยากให้พวกเราศึกษาเรียนรู้วิธีป้องกันตัวเองกันเอาไว้ก่อน อย่างน้อยในระหว่างที่ประเทศเราและประเทศเพื่อนบ้านยังไม่มีกฎหมายอากาศสะอาดออกมา ผมอยากให้พวกเราช่วยกันพิจารณาเรื่องการใช้ OAU นี้ เพิ่มเติมจากการใช้แต่เพียงเครื่องกรอง หรือใช้ OAU แทนเครื่องกรองไปเลย เพื่อสุขภาพที่ดีของพวกเราทุกคนนะครับ
โฆษณา