6 มี.ค. 2020 เวลา 12:59 • ไลฟ์สไตล์
Covid19 จนเราต้อง Work@Home14
หากเพื่อนๆ ติดตามกันมาสักพักจะทราบว่า ชีวิตของเซลบ้านนอกอย่างเรา จะว๊าบไปว๊าบมา นี่ก็เพิ่งลงใต้ไปดำน้ำหมู่เกาะสุรินทร์ ขึ้นเครื่องกลับวางกระเป๋าได้แป๊บหนึ่ง ก็ขึ้นเครื่องต่อไป japan
วันที่ 18 ก.พ ประกาศ Covid 19 จากออฟฟิต ขอความร่วมมือไม่ไปประเทศเสี่ยง 19 ก.พ บินจ้า!!
ถามว่าวันเดียวจะทำอะไรได้ทัน?
บินไหม บินสิจ๊ะ!! ทริปนี้อิชั้นจ่ายไป 25,000
ค่าตั๋วต่างหาก 8,000 บาท รวมสิ!! 33,000 บาทเลยนะ
ทำงานกี่เดือนจะเก็บเงินได้ 33,000 !!
คำตอบหลายเดือนมาก เตรียมการเป็นปี เพื่อจะได้ไปเหยียบ Tokyo สักครั้ง!!
แน่นอนวันที่ตัดสินใจ เอาไงวะ?
แต่วันนั้นยังไม่ซีเรียสเท่าช่วงนี้ที่ออกเป็นประกาศเหมือนตอนนี้
พอกลับมาก็ได้เรื่องเลยจ้า Covid14 กักตัวอยู่บ้านไม่ไปไหน work@home 14 วัน โดยให้ลาพักร้อน 6 วัน อีก 8 วันลาป่วย OMG!! เลยคุณเอ้ย!!
สตั้นไป 10 วิ ที่ได้ยิน!!
แต่กฏก็คือกฏและความรับผิดชอบต่อสังคม มันก็เป็นเรื่องที่เราต้องให้ความร่วมมือ
เราเป็นคนหนึ่งที่มองด้วยสายตา มากกว่าฟังข่าว มีอะไรมาเล่าให้ฟังค่ะ
19 ก.พ ลงเครื่องที่นาริตะ เดินเข้าสนามบินผ่านเครื่องตรวจความร้อนออกไปนอกสนามบิน คนสวมหน้ากากกันเยอะอยู่
จากนั้นเข้าโตเกียว คนส่วนใหญ่ใส่หน้ากาก ประมาณ 50/50 พอข่าวเริ่มแรงมากขึ้นเปอร์เซ็นต์การใส่หน้ากากก็ขยับขึ้น สังเกตุจากวันต่อๆ มา
จนวันสุดท้าย 24 ก.พ. ประเมินจากสายตาประมาณ คนเริ่มใส่ใจป้องกันมากขึ้นใส่หน้ากากกันหนาตา 70-80% ของคนที่เดินในรถไฟฟ้า ดูทุกคนให้ความร่วมมืออย่างเห็นได้ชัด
ส่วนพวกเราทริปนี้โชคดีที่ไปกะน้องๆ มีความเคร่งครัดและเตรียมตัวรับมือกันอย่างดีมาก
เพื่อนเราน่ารักมากนางขาย atomy นางเห็นว่าเพื่อนจะไปประเทศเสี่ยง นางให้หน้ากาก Atomy ที่หายากมากใส่กระเป๋ามาให้เลย เราจะรู้ว่าใครรักเราก็ยามนี้แหละ เพราะบ้านเราหน้ากากหายากแล้ว!!
ตั้งแต่ไปทริปนี้ลองหน้ากากหลายยี่ห้อมาก ประทับใจ atomy ในยี่ห้อนี้ที่สุด หายใจสะดวกดี ถ้าหลายๆ คนที่ได้ใช้จะเข้าใจความรู้สึกนี้
ตลอดที่อยู่ในญี่ปุ่นสวมหน้ากากตลอดเวลา ล้างมือด้วยแอลกอฮอล์ ซึ่งที่ญี่ปุ่นจุดกดแอลกอฮอล์มีให้เยอะมาก อันนี้ชมเลยว่าเตรียมพร้อมและให้ความร่วมมือดีมาก สำหรับร้านค้า
นี่คือดูระดับความตื่นตัวในการป้องกันของญี่ปุ่นทำได้ดีมาก ยังพบผู้ติดเชื้อเลยจ้า
ตัดภาพกลับมาประเทศไทย ณ สนามบินสุวรรณภูมิ ลงเครื่องมาผ่านจุดตรวจความร้อน ที่พยาบาลหันมายิ้มให้สวยๆ จุดคัดกรองหนึ่ง
เห็นประโคมข่าวกันซีเรียสมาก ในสนามบิน 10% เองมั้งคนใส่หน้ากาก น่าจะเป็นผลมาจากหน้ากากขาดตลาดมั้ง
จุดคัดกรองสอง พนักงานนั่งเล่นมือถือ สงสัยตาอิช้านจะฝาด!! ในข่าวนี้คุมเข้มมาก
จนเข้าตรวจพาสปอต์ ผ่านออกมาสุวรรณภูมิคนบางตามากไฟล์เย็น อันนี้ใจหายจริงๆ ออกมารอแท็กซี่ โอ้โห มีแค่คนประสานงานหนึ่งคน กับนักเดินทางใส่หน้ากาก นอกนั้นไม่มีเลยจ้า
เอ้ย!! ไหนข่าวบอกซีเรียสมาก ตัดภาพกลับมาความเป็นจริง ไปกินข้าวแถวลาดกระบัง คุณพระ!! หน้ากากอยู่ไหน? ไม่มีใครใส่เลย มีแต่พวกเราเนี่ย ดูประหลาดไปเลย
คุณเห็นความต่างในเรื่องที่เราจะบอกคุณไหม?ข่าวกับความจริงมันต่างกันมาก
อะไรคือการป้องกัน ถ้ามันลุกลามจริงๆ เราจะรอดจากเหตุการณ์นี้ไหม ถ้าเรายังไม่ใส่ใจกับมันอย่างจริงจัง
มันเป็นเรื่องที่ต้องร่วมมือกันเพื่อผ่านเหตุการณ์ไปให้ได้ ภาพรวมเราต้องป้องกันมากกว่านี้ ดีนะบ้านเราเมืองร้อน โชคยังเข้าข้างเราอยู่
นี่ก็อยู่บ้าน work@home 14 วัน อาการปกติรายงานตัวทุกเช้ากับ HR ตามกฏบริษัท
ทำงานที่บ้านสุดแสนจะประหยัด แถมขายของได้ทุกวัน!!
พอได้ทำงานที่บ้านก็มีเวลาไล่เมล์ เคลียงานค้างเออดีแฮะไม่ต้องออกไปร้อน ไม่เจอคน ถ้าเราไม่ติดมา เราก็ไม่ติดจากคนอื่นในช่วงนี้เช่นกัน
เพราะฉะนั้นเพื่อความปลอดภัยของมวลมนุษย์ กลับมาจากประเทศเสี่ยง “อยู่บ้านเถอะนะ” มันดีกับทุกคนและตัวเราจจริงๆ
#IamPatthanid
#วิถีเซลบ้านนอก

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา