6 มี.ค. 2020 เวลา 06:59 • ไลฟ์สไตล์
ก่อนจะเป็น เมลมีไม้
ย้อนกลับไปเมื่อราวๆปี พ.ศ.2535
เด็กชายเมล อายุ 5 ขวบ ย้ายกลับมาอยู่ในจังหวัดพะเยา ซึ่งเป็นภูมิลำเนาของคุณพ่อ-คุณแม่ ที่ที่ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของความรักในการปลูกต้นไม้
เรื่องมันเริ่มต้นขึ้นเมื่อ บรรดาลูกพี่ลูกน้องมารวมตัวกันที่บ้านคุณตาคุณยาย พวกเราก็จับกลุ่มพากันหาอะไรเล่นตามประสาเด็กๆ กิจกรรมที่พากันเล่นบ่อยๆก็จะมี วิ่งไล่จับ เล่นปา-หลบลูกกระดาษ หมากเก็บ เล่นขายของ เล่นซ่อนหา ฯลฯ และอื่นๆอีกต่างๆนานา ตามที่เด็กชนบทจะสรรหามาเล่นกันในวันหยุด
แล้ววันหนึ่ง พี่ๆก็เกิดปิ๊งไอเดีย แบ่งกลุ่มน้องๆออกเป็น 2 ทีม แล้วแบ่งพื้นที่กันจัดสวนเล็กๆข้างกำแพงที่ก่อด้วยอิฐบล็อก ต่างพากันวางแผนพื้นที่น้อยๆ หาต้นไม้ ใบหญ้า ก้อนหิน และของตกแต่งชิ้นเล็กชิ้นน้อย ออกมาตกแต่งสวน ขุดหลุมเล็กๆจำลองเป็นสระน้ำ พวกเราใช้เวลาได้เป็นวันๆขลุกอยู่ตรงนั้น เด็กชายเมลตัวน้อยๆเลยรู้จักกิจกรรมที่ได้สัมผัสกับธรรมชาติมาตั้งแต่วัยเยาว์
เมื่อบรรดาเมล็ดพืชน้อยใหญ่แตกยอดใบเติบโตจนแน่นพื้นที่ริมรั้ว คุณยาย คุณน้า ก็แนะนำว่าให้ย้ายไปปลูกในสวนผัก คุณยายสอนทำแปลงปลูกข้าวโพด และผักบุ้งแปลงเล็กๆ พวกเราพากันย้ายต้นกล้าไปปลูก แล้วคอยดูแลรดน้ำ จนกระทั่งต้นผักสามารถเด็ดไปทานได้ ข้าวโพดออกฝักและพร้อมนำไปทาน เด็กน้อยเลยชอบปลูกผัก ปลูกต้นไม้ในช่วงเวลานั้น
เด็กชายเติบโตขึ้นตามลำดับ โลกทัศน์ก็เปิดกว้างขึ้น เริ่มรู้จักไม้ประดับ นานาชนิด เริ่มสรรหามาปลูก ได้รับแรงบันดาลใจสำคัญมาจากคุณแม่ซึ่งไม่เคยขัดใจเมื่อร้องขอซื้อต้นไม้ เวลาไปเที่ยวบ้านใครมีต้นไม้ใบหญ้าสวยๆ ก็ขอแบ่งมาปลูกที่บ้าน วางตามบ่อเลี้ยงปลาทองบ้าง บริเวณก็อกน้ำบ้าง แล้วมันก็เยอะจนคุณพ่อต้องทำโรงเรือนเล็กๆเเบบง่ายๆให้เป็นหลังแรก
I. โรงเรือนไม้ประดับ ขนาด 1x2 เมตร ใต้ต้นขนุน ใช้เสาไม้ 4 ต้น มุงแสลนสีเขียว ราวแขวนทำจากไม้ไผ่ ไม่ได้เทพื้น แรกๆก็เห่อขนต้นไม้ที่ไม่เป็นระเบียบมาเรียงแน่นขนัดอยู่ข้างใน แต่พอนานๆไปใบขนุนร่วงเต็มแสลนที่มุง หญ้าก็ขึ้นรกเพราะเข้าไปถอนยาก สุดท้ายแสงแดดไม่เพียงพอ ต้นไม้ทรุดโทรม แล้วก็เบื่อไป
II. โรงเรือนกล้วยไม้ ขนาด 1.5 x 2 เมตร ตรงสนามหน้าบ้าน ตอนนั้นคุณแม่เริ่มซื้อกล้วยไม้มาแขวนประดับบ้านในช่วงที่กล้วยไม้ให้ดอกสวยงาม แต่พอดอกโรยก็หมดเสน่ห์ไป เลยต้องหาที่อยู่ให้พวกมัน พ่อเลยสร้างโรงเรือนหลังน้อย เพื่อเลี้ยงกล้วยไม้ไว้เผื่อจะออกดอกให้เห็นในปีต่อไป แต่ด้วยความที่ผมอยู่ในวัยที่ต้องไปเรียนมหาวิทยาลัย เลยไม่มีเวลาดูแล กลับมาบ้านแต่ละทีต้นไม้ก็เหี่ยวแห้งตายไป หญ้าก็ขึ้นรกจนสุดท้ายก็ปล่อยโทรม แล้ววันหนึ่งก็เริ่มหาสับปะรดสีมาทดลองปลูก
โรงเรือนหลังที่ 2 ที่ไม่มีเวลาดูแล
III. โรงเรือนสับปะรดสี ขนาด 5 x 3 เมตร แล้วผมก็เรียนจบกลับมาทำงานที่บ้านเกิด แล้ววันหนึ่งก็นึกถึงเรื่องที่ฝังใจเรื่องสับปะรดสีที่คุณแม่ชอบ เลยศึกษาหาข้อมูลจากGoogle เลยพบความน่าดึงดูดใจของต้นไม้ชนิดนี้ เลยเริ่มสั่งซื้อ online มาทดลองปลูก แล้วมันยิ่งแตกหน่อ ยิ่งงาม เลยเจียดเงินเดือนบางส่วนมาซื้อวัสดุอุปกรณ์สร้างโรงเรือน และซื้ออิฐมอญมาปูพื้น เลยได้โรงเรือนหลังใหม่ที่โล่งตา และควบคุมหญ้าได้
โรงเรือนหลังที่ 3 ตั้งชื่อว่า "Bromelody"
ภาพจาก http://www.science.prangku.ac.th
(ตอนนั้นถึงได้รู้ว่า ต้นสับปะรดสีที่คุณแม่ชื่นชอบ ที่แท้แล้วเป็นต้นว่านกาบหอยแครง เพียงแต่ตอนนั้นคุณแม่เข้าใจผิดไปเท่านั้นเอง ^^)
IV. โรงเรือนแคคตัส ขนาด 6 x 3 เมตร ในช่วงที่สับปะรดสีกำลังงอกงาม น้องชายลูกพี่ลูกน้องก็พาแฟนมาเที่ยวที่บ้าน พร้อมกับชวนผมทดลองปลูกแคคตัสเป็นเพื่อน แรกๆผมก็หวั่นๆเพราะไม้อวบน้ำเป็นต้นไม้ที่ผมเลี้ยงไม่เคยรอด แต่สุดท้ายก็ใจอ่อนมาลองหัดเพาะอีกสักครั้ง จึงได้พบกับความน่าตื่นเต้น เริ่มหาเมล็ดมาเพาะ เริ่มขยายพันธุ์ด้วยวิธีต่างๆ แล้วเกิดโรงเรือนทรงโค้งที่สร้างจากท่อประปาเหล็ก เป็นโรงเรือนที่แสนภูมิใจ ถึงจะผ่านร้อน ผ่านฝน พายุพัดจนหงายหลัง แต่ก็ซ่อมแซมและอยู่คงทนจนถึงทุกวันนี้
โรงเรือนหลังที่ 4 : เมลมีไม้ Cactus Lover
V. โรงเรือนหลังที่ 5 ขนาด 10 x 6 เมตร เป็นโรงเรือนที่ลงทุนทำอย่างมั่นคงแข็งแรง หลังจากโรงเรือนท่อประปาโดนพายุเล่นงานจนอ่วม เป็นโรงเรือนที่สร้างขึ้นมาแทนโรงเรือนหลังที่ 3 ที่ได้รื้อถอนออกไป ย้ายสับปะรดสีไปวางใต้ต้นไม้เป็นการชั่วคราว ตั้งใจทำโรงเรือนหลังนี้ไว้ปลูกแคคตัสและไม้อวบน้ำโดยเฉพาะ หลังจากเก็บหอมรอมริบจากการโพสต์ขายต้นไม้ในสวนได้กำไรเล็กๆน้อยๆ บวกกับเจียดเงินเดือนมาลงทุนด้วย ปัจจุบันมีโรงเรือนที่บ้าน เพียง 2 โรงเรือน คือหลังที่ 4 และ 5 เท่านั้น นอกจากนั้นรื้อถอนไปหมดแล้ว
โรงเรือนหลังที่ 5 อยู่ถัดจาก โรงเรือนหลังที่ 4
ปัจจุบันเมลทำงานประจำ เป็นเลขานุการผู้อำนวยการโรงพยาบาลพะเยา จึงเทียวไปเทียวกลับระหว่างบ้านพักของโรงพยาบาล และบ้านของตัวเองที่ภายหลังเรียกว่าบ้านสวน ช่วงไหนภารกิจงานประจำไม่หนักหนาสาหัส ก็จะกลับมาค้างคืนที่บ้านสวน และวันหยุดจะเป็นช่วงที่โหยหาโรงเรือนเป็นพิเศษ เหมือนได้กลับมาเติมพลังชีวิต ได้อยู่ในเซฟโซน รู้สึกปลอดภัย อุ่นใจ และมีพลัง
เมลรู้จักตัวเองมากขึ้นหลังจากได้ตั้งใจทำสวน ทำโรงเรือนมาในช่วงระยะเวลาหนึ่ง อีกทั้งตลอดชีวิตก็ผูกพันกับการเกษตรมาโดยตลอด เลยสนุกกับการใช้เวลาไปกับการทำสวน ปลูกไม้ประดับ ทดลองผิดถูกตามประสา และใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ในรูปแบบที่ตัวเองมีความสุขด้วย
ทั้งที่ตั้งใจจะเก็บงานขายต้นไม้ไว้เป็นอาชีพในวัยเกษียณอายุก็ตาม แต่ด้วยความชอบเลยตัดสินใจเริ่มทดลองปลูก ศึกษาตลาด เสาะหาต้นไม้แปลกๆมาหัดเพาะ แล้ววันหนึ่งก็พบว่า "เมื่อเราดูแลเขาเป็นอย่างดี เขาก็ตอบแทนเราเป็นอย่างดีเช่นกัน" ใช่ครับ! ผมเริ่มมีรายได้เล็กๆน้อยๆจากการขายต้นไม้ และมันก็เป็นทุนสะสมต่อยอดต่อไปได้เลย ไม่ต้องรอถึงวันเกษียณอายุ
เมื่อเรารู้จักสิ่งที่เราชอบ ค่อยๆศึกษาเรียนรู้ ตัดสินใจลงมือทำ เริ่มมีผู้คนได้เห็นผลงานและชื่นชอบต้นไม้ที่เราปลูกเลี้ยงดูแล มันก็เกิดความภาคภูมิใจไม่น้อย บ่อยครั้งที่ได้รับคำถามเชิงขอคำแนะนำในการปลูกเลี้ยง เราก็ยินดีจะให้ข้อมูล ยินดีจะบอกเล่าเรื่องราวต่างๆให้กับผู้คนที่สนใจ แล้วก็พบกับวิธีการที่ง่ายและเป็นพื้นที่onlineที่เข้าถึงง่าย จึงเกิด "เมลมีไม้" ขึ้น เพื่อถ่ายทอดเรื่องราวการทำสวนฉบับเมล-เมล พร้อมทั้งเป็นพื้นที่พูดคุยแลกเปลี่ยนเทคนิคการดูแลต้นไม้ต่างๆ จากท่านที่มีใจรักในสิ่งเดียวกันนี้
ขอให้ทุกคนมีความสุขกับการได้อยู่กับสิ่งที่รักนะครับ
เมล มี ไม้
06-มีนาคม-2563
โฆษณา