9 มี.ค. 2020 เวลา 11:00 • กีฬา
" ดาร์บี้แห่งบาสก์ "
ทันทีที่เสียงนกหวีดดังยาวที่ เอสตาดิโอ โลส การ์เมเนส ในกรานาด้า เมื่อคืนวันพฤหัสบดีที่ 5 มีนาคม 2563 หมายความว่า ดาร์บี้แม็ทช์แห่งแคว้นบาสก์ ครั้งแรกในรอบชิงชนะเลิศ โกปา เดล เรย์ จะเกิดขึ้น
1
เรอัล โซเซียดาด เข้าไปรอก่อนแล้วหลังจากเอาชนะมิรันเดส มาได้
แอธเลติก บิลเบา ออกไปเยือน กรานาด้า อีกทีมจากแคว้นอันดาลูเซีย เกมแรกพวกเขาเปิด ซาน มาเมส เฉือนชนะมา 1-0 เกมนี้เงื่อนไขคือไม่แพ้ หรือแพ้ก็ต้องห่างแค่ประตูเดียว ยิ่งถ้าแพ้แบบมีสกอร์ หมายถึงพวกเขาจะเข้ารอบทันที
สถานการณ์ไม่ค่อยดีนักเมื่อเจ้าถิ่นนำก่อนจาก คาร์ลอส เฟร์นานเดซ ต้นครึ่งหลัง จากนั้น เคร์มัน ซานเชซ บาราโอน่า กองหลังกรานาด้าก็พังประตูให้เจ้าบ้านนำ 2-0 ในนาทีที่ 76 ถึงตรงนี้ ประวัติศาสตร์จะไม่เกิดขึ้น แต่ในอีก 5 นาทีต่อมา ยูริ เบร์ชิเช่ ก็ทำประตูที่ บิลเบา รอคอย พวกเขาไล่มา 1-2
แล้วเมื่อนกหวีดดังยาว เรื่องราวจึงถูกเขียนขึ้นใหม่
แคว้นบาสก์ ที่หมายถึงดินแดนของชาวบาสก์ในเขตประเทศสเปนนั้น แบ่งเป็น 3 จังหวัด คือ
อลาบา มีเมืองหลวงของจังหวัดคือวิตอเรีย-กาสเตอิซ เป็นถิ่นของสโมสร อลาเบส
กิปุสกัว มีเมืองหลวงของจังหวัดคือซาน เซบาสเตียน ถิ่นของสโมสร เรอัล โซเซียดาด นอกจากนั้นยังมีเมืองเออิบาร์ ถิ่นของสโมสรเออิบาร์
และจังหวัดสุดท้ายคือบิสเกย์ ที่มี บิลเบา เป็นเมืองหลวง ที่นี่คือถิ่นของ แอธเลติก บิลเบา
จริงๆ แล้วจังหวัดนาบาร์เร่ ที่มีเมืองหลวงคือปอมโปลน่า ถิ่นของโอซาซูน่า ก็ถือเป็นบาสก์เช่นกัน เพียงแต่แบ่งตามวัฒนธรรม ภาษา และเชื้อสายของคนที่นั่น (เฟร์นานโด ยอเรนเต้ เกิดที่นี่) แต่หากแบ่งตามเขตการปกครอง นาบาร์เร่ ไม่อยู่ในแคว้นบาสก์ จังหวัดนี้ถือเป็นเขตการปกครองพิเศษต่างหาก
แม้จะมีหลายสโมสรที่สามารถเรียกได้ว่าเป็นสโมสรบาสก์ แต่เมื่อพูดถึง ดาร์บี้แม็ทช์แห่งแคว้นบาสก์ หรือ Basque derby ย่อมต้องนึกถึงการเจอกันของ 2 สโมสรใหญ่สุดคือ บิลเบา และ โซเซียดาด นั่นเอง
เมื่อสักปีเศษๆ ที่ผ่านมา เคยเขียนถึงต้นกำเนิดของฟุตบอลในแคว้นบาสก์เอาไว้แล้ว ว่าเกี่ยวพันกับคนอังกฤษอย่างมาก
บิลเบา นั้นคือเมืองท่า มีอ่าวบิสเคย์ (หรือบิสกาย่า) เปิดสู่ตะวันตก เป็นปลายทางของคนงานอพยพจากอังกฤษ จากเมืองท่าสู่เมืองท่า พอร์ทสมัธ หรือเซาธ์แฮมป์ตัน มายังบิลเบา ในปลายศตวรรษที่ 19 และปีแรกๆ ของศตวรรษที่ 20
คนงานอังกฤษเหล่านี้ก่อตั้งสโมสร "บิลเบา ฟุตบอล คลับ" ขึ้นมา จากนั้น ลูกคนมีตังค์ในบิลเบา ที่กลับมาจากไปศึกษาที่อังกฤษ ก็เรียนรู้เกมฟุตบอลจากที่นั่น เมื่อกลับมาก็ตั้งสโมสร "แอธเลติก คลับ" ขึ้นมาบ้าง
สังเกตว่าพวกเขาใช้ชื่อภาษาอังกฤษคือ Athletic ไม่ใช่ภาษาสเปน ที่ควรใช้ว่า Atletico
ต่อมาทั้งสองสโมสรก็ยุบรวมกันเป็น แอธเลติก บิลเบา อย่างที่เรารู้จักกัน
เรื่องราวก็คล้ายๆ กันที่ ซาส เซบาสเตียน เมื่อนักศึกษาชาวเมืองนี้หลายคนจบกลับมาจากอังกฤษ พวกเขาก็ก่อตั้งสโมสรกีฬาขึ้นมา ในตอนแรกชื่อว่า ซาน เซบาสเตียน รีครีเอชั่น คลับ มีกีฬาหลายอย่าง (จักรยานคือกีฬายอดนิยมในยุโรปใต้ตอนนั้น)
ปี 1905 ทีมฟุตบอลก็ถูกก่อตั้งอย่างเป็นเรื่องเป็นราวและแยกตัว เป็นเหมือนสโมสรลูกอยู่ใน ซาน เซบาสเตียน รีครีเอชั่น คลับ อีกที และเข้าร่วมแข่งขันใน โกปา เดล เรย์ ปี 1909
อย่างไรก็ดี พวกเขามีปัญหาเรื่องการยื่นส่งเอกสาร จึงต้องลงแข่งในชื่อสโมสร "กลุ๊บ ซิกลิสต้า เด ซาน เซบาสเตียน" (Club Ciclista de San Sebasti?n) หรือภาษาอังกฤษว่า San Sebastian Cycling Club สโมสรจักรยานแห่งซาน เซบาสเตียน นั่นเอง
น่าบังเอิญเหลือเกิน เพราะการเข้าร่วมโกปา เดล เรย์ 1909 ของ "สโมสรจักรยานแห่งซาน เซบาสเตียน" ได้เกิด ดาร์บี้แม็ทแห่งแคว้นบาสก์ ครั้งแรกขึ้นมา
พวกเขาเจอกับ แอธเลติก บิลเบา ในรอบแรก เมื่อ 4 เมษายน 1909 บันทึกว่าเป็นการเจอกันครั้งแรกระหว่าง 2 สโมสรใหญ่แห่งแคว้นบาสก็ที่ภายหลังจะกลายมาเป็นคู่ปรับกัน เกมนั้น ทีมจาก ซาน เซบาสเตียน เป็นฝ่ายชนะทีมจากบิลเบาไป 4-2
มิหนำซ้ำ พวกเขายังไปไกลถึงขั้นคว้าแชมป์ ด้วยการเอาชนะ เอสปันญ่อล เด มาดริด 3-1 (คนละสโมสรกับเอสปันญ่อลในปัจจุบัน ซึ่งตั้งในบาร์เซโลน่า)
หลังจากนั้น ในเดือนกันยายนปี 1909 พวกเขาก็ได้เปลี่ยนชื่อทีมฟุตบอลของสโมสรออกมาให้เป็นทางการ เพื่อกันความสับสันว่า สโมสร "โซเซียดาด เด ฟุตบอล"
ในปีต่อมากษัติรย์อัลฟอนโซ่ที่ 8 แห่งสเปน พระองค์ใช้เมืองซาน เซบาสเตียน เป็นที่ประทับแปรพระราชฐานในหน้าร้อน และรับเอาสโมสร"โซเซียดาด เด ฟุตบอล" มาอยู่ในพระราชูปถัมป์ จากนั้นมา สโมสรจึงมีคำว่า เรอัล (Real ตรงกับภาษาอังกฤษว่า Royal) พ่วงอยู่ด้วยเป็น เรอัล โซเซียดาด เด ฟุตบอล นับแต่นั้นเป็นต้นมา
111 ปีผ่านไป ทั้ง บิลเบา และ โซเซียดาด กลับมาเจอกันอีกครั้งในรายการ โกปา เดล เรย์
แน่นอน ที่ผ่านมาทั้งคู่เคยดวลกันมามากแล้วในรายการนี้ แต่นี่จะเป็นครั้งแรกที่ทั้งคู่เจอกันในรอบชิงชนะเลิศ
วันที่ 18 เมษายนนี้ ณ สนาม เอสตาโอ ลา การ์ตูฆ่า ในเซบีย่า จะเป็นสังเวียนตัดสิน สังเวียนประวัติศาสตร์ของศึกแห่งแคว้นบาสก์ศึกนี้
.
ทุกท่านสามารถติดตามอ่านบทความย้อนหลังได้ที่ ..
.
และเพิ่มเพื่อนไลน์แอด "เพื่อเด้งเตือน" ให้คุณได้อ่านก่อนใคร กดที่ลิงค์นี้ครับ
ขอบคุณครับ
โฆษณา