9 มี.ค. 2020 เวลา 03:41 • การเมือง
"บ้านใหม่ หัวใจเดิม" จาก 'พรรคอนาคตใหม่' สู่ 'พรรคก้าวไกล'
หลังจากโดนยุบพรรค สส. ที่เหลือ 65 คนของพรรคจึงกลายเป็นเพียง 'อดีตพรรคอนาคนใหม่' และจำเป็นต้องหาบ้านใหม่ภายใน 60 วัน เพื่อให้สส. แต่ละคนพาตัวเองไปสังกัดพรรคการเมืองใหม่ โดยมีฝั่งที่มีพรรคสังกัดแน่นอนแล้ว 10 คน ที่เข้าร่วมกับพรรคร่วมรัฐบาล (ภูมิใจไทย 9 คน และชาติไทยพัฒนา 1 คน) ส่วนสส. ที่เหลืออีก 55 คนยืนยันอุดมการณ์เดิม ร่วมจับมือกันสมัครสมาชิก 'พรรคก้าวไกล' สัปดาห์หน้า นำทีมโดยทิม พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ซึ่งมีราศีผู้นำพรรคโดดเด่นมาแต่ไกล
ก่อนอื่น ต้องเข้าใจก่อนว่า 'พรรคก้าวไกล' ไม่ใช่พรรคการเมืองเก่าแก่ แต่เดิมพรรคนี้มีชื่อว่า 'พรรคร่วมพัฒนาชาติไทย' ซึ่งก่อตั้งในปีพ.ศ. 2557 จากนั้นจึงเปลี่ยนชื่อมาเป็น 'พรรคผึ้งหลวง' เมื่อต้นปีที่แล้ว แล้วจึงเปลี่ยนชื่อกลับไปเป็นชื่อแรกเมื่อปลายปีที่แล้ว และล่าสุด เปลี่ยนชื่อใหม่เป็น 'พรรคก้าวไกล' โดยขณะนี้ มีปีใหม่ รัฐวงษาเป็นหัวหน้าพรรค (รักษาการ)
ด้านคุณทิมเอง ยังไม่ได้กล่าวอะไรเกี่ยวกับพรรคใหม่นี้มากนัก เพียงแต่กล่าวว่า มีอุดมการณ์คล้ายกัน และพร้อมที่จะสืบสานอุดมการณ์ทางการเมืองของพรรคอนาคตใหม่ตอไป แต่ไม่ได้เปิดเผยสาเหตุว่า มีข้อตกลงกับคณะกรรมการบริหารพรรคเดิมว่า ต้องเข้ามามีบทบาทในพรรคหรือไม่ เขาบอกเพียงว่า ขณะนี้ ยังตกลงกันอยู่
หากถามถึงคุณธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจว่า จะมีส่วนร่วมหรือเกี่ยวข้องกับพรรคใหม่นี้หรือไม่ คำตอบ คือ "ไม่มีอย่างแน่นอน" ซึ่งคุณทิมตอบคำถามนี้ว่า "พวกเราไม่ได้รับนโยบายมา แต่ทำนโยบายมาด้วยกัน และทุกคนทำงานเกี่ยวข้องกัน 1-2 ปี อยู่ในดีเอ็นเอของพวกเรา" ส่วนคุณเอกก็ตอบคำถามนี้เมื่อวันที่ 7 ว่า “ในตอนนี้ผมไม่ได้มีส่วนร่วมกับพรรคการเมืองใดๆ แล้ว ทำให้ไม่มีอำนาจในการออกกฎหมายอีกต่อไป แต่ด้านดีคือ ในขณะเดียวกันผมก็ได้ถูกปลดปล่อยจากกฎเกณฑ์ ข้อจำกัดต่างๆ ของการเป็นพรรคการเมือง ตอนนี้ผมเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระมากขึ้น ดังนั้น ผมขอประกาศการเกิดขึ้นของคณะอนาคตใหม่ ซึ่งไม่ใช่องค์กร แต่เป็นเครือข่ายของผู้ที่มีความคิดเห็นไปในทางเดียวกัน เริ่มต้นจากประชาชนมากกว่าหกหมื่นคนที่เคยเป็นสมาชิกพรรคอนาคตใหม่ และจะรวบรวมมวลชนมากขึ้นไปยิ่งขึ้น ทุกเพศ ทุกวัย ทุกอาชีพ ทุกคนที่ไม่ยอมจำนนต่ออำนาจเผด็จการ ทุกคนที่ต้องการทำให้สังคมนี้เป็นประชาธิปไตยและมีความเท่าเทียมมากขึ้น เรามั่นคงในการเดินทางของเราไปสู่จุดหมายปลายทางที่ใช้ร่วมกันผ่านยานพาหนะใหม่ ทำให้ประเทศไทยเป็นประชาธิปไตย กระจายอำนาจ และไม่ให้กองทัพมายุ่งเกี่ยวกับการบริหารจัดการประเทศ” เป็นที่เข้าใจว่า เขาจะไม่มีส่วนร่วมทางการเมืองในสภาแล้ว แต่จะเข้าถึงและมีส่วนร่วมกับประชาชนได้มากขึ้น
โฆษณา