10 มี.ค. 2020 เวลา 04:24
02 'ผสมดินปลูกแคคตัส' สำหรับหนุ่ม-สาวออฟฟิส
หนุ่มออฟฟิสอย่างเรา มีเวลาเข้าสวนจำกัด และการดูแลกระบองเพชรที่เรารัก จึงต้องผสมดินให้พิเศษกว่าชาวบ้านเค้าหน่อยนึงนะครับ ..
ดินปลูก หรือ เครื่องปลูก เป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้ต้นไม้ที่เรารักเจริญเติบโต เปรียบเสมือนบ้าน และห้องครัวของต้นไม้ ดินปลูกที่ดีจึงควรมีความเหมาะสมกับพืชพรรณแต่ละชนิด เพราะต้นไม้แต่ละสายพันธุ์มีความชอบลักษณะของดินแตกต่างกัน สำหรับต้นกระบองเพชร หรือ แคคตัสนั้น ชอบดินที่มีความโปร่งสูงมาก สามารถระบายน้ำได้เร็ว เพราะเป็นไม้อวบน้ำ มีปริมาณน้ำในลำต้นสูงอยู่แล้ว หากดินมีความชื้นสะสมมากเกินไป อาจเป็นอันตรายต่อแคคตัส ต้นไม้ที่เรารักอาจจะรับน้ำเข้าไปปริมาณมาก และเน่าตายไปในที่สุด
วันนี้ 'เมลมีไม้' ขอนำเสนอส่วนผสมของดินปลูกแคคตัสพื้นฐาน ที่ทางสวนผสมใช้ปลูกกระบองเพชรและไม้อวบน้ำเป็นประจำ เป็นส่วนผสมง่ายๆ ที่ใครๆก็ทำเองได้ แถมเหมาะกับหนุ่ม - สาววัยทำงาน ที่มีเวลาดูแลต้นไม้จำกัด เฉกเช่นเดียวกับผู้เขียน ซึ่งมีงานประจำ แถมบางสัปดาห์ต้องค้างคืนที่หอพักของที่ทำงาน จึงมีเวลากลับสวนเพียงสัปดาห์ละครั้ง ซึ่งวัสดุปลูกที่จะนำมาคลุกเค้าผสม ต้องสามารถเก็บความชื้นในดินได้พอสมควร ดังนี้ ..
1. ดิน
อาจใช้ดินร่วนที่หาได้ตามท้องถิ่น หรือดินถุงที่ขายตามร้านขายต้นไม้ นำมาร่อนโดยใช้ตะกร้าพลาสติก ที่มีรูตะแกรงขนาดไม่เกิน 1 เซนติเมตร นำมาร่อนให้วัสดุปลูกร่วงทะลุลงในภาชนะที่เตรียมไว้ ส่วนวัสดุปลูกชิ้นที่มีขนาดใหญ่ อาจใช้ครกทุบพอให้ดินแตก แล้วนำมาร่อนอีกครั้ง
ประโยชน์ของดินถุงที่ซื้อตามร้านขายต้นไม้ คือ ส่วนใหญ่จะเป็นดินที่ผสมวัสดุปลูกที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของพืชทั่วไปอยู่แล้ว อันประกอบไปด้วย ดินร่วน แกลบหยาบ ขี้เถ้าแกลบ ขุยมะพร้าว กาบมะพร้าวสับ ใบก้ามปูผุ และปุ๋ยคอก เป็นต้น ซึ่งมีสารอาหารที่เพียงพอต่อการเจริญเติบโตของพืชอยู่แล้ว
2. ปุ๋ยคอกเก่า
ปุ๋ยคอก หรือ ปุ๋ยที่ได้รับจากมูลสัตว์ที่เป็นที่นิยม และผู้เขียนเองแนะนำคือ มูลสุกร มูลโค และ มูลกระบือ เพราะเมื่อเอามาผสมกับดินปลูกแล้วไม่ทำให้ดินมีค่ากรดมากจนเกินไป หากใช้มูลไก่ ต้องใช้แต่น้อยๆระวังเรื่องดินเค็ม ควรใช้ปุ๋ยคอกเก่าที่ตากแดดไว้มากกว่า 1 สัปดาห์ เพื่อลดกรดและฆ่าเชื้อโรค และไข่พยาธิบางชนิดที่อาจะเป็นพาหะนำโรคของพืชให้หมดไปเสียก่อน
3. ใบก้ามปูผุ
ใบก้ามปู หรือ ใบฉำฉา หรือ ใบจามจุรี เป็นไม้ยืนต้นที่ในใบจะตรึงไนโตรเจนเอาไว้สูงมาก และเมื่อนำใบก้ามปูผุไปผสมกับดินปลูกกระบองเพชรแล้ว จึงมีส่วนช่วยให้ต้นไม้ได้รับไนโตรเจน ซึ่งเป็นธาตุอาหารที่สำคัญมากในการส่งเสริมการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วของพืช พืชที่ได้รับไนโตรเจนอย่างเพียงพอ ใบจะมีสีเขียวสด มีความแข็งแรง และโตเร็ว
4. หินภูเขาไฟพัมมิส (Pumice)
เป็นหินที่เกิดขึ้นจากการประทุของภูเขาไฟ ลาวาเหล่านี้เมื่อแห้งตัวแล้วกลายเป็นหินที่มีความพรุนสูง สามารถลอยน้ำได้ ซึ่งหินพัมมิสนี้มีสารอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อพืช ดังนี้
>> 4.1 ซิลิก้า : สร้างผนังเซลล์พืชให้แข็งแรง ต้านทานโรคในพืช
>> 4.2 โพแทสเซียม : ทำให้ลำต้นพืชแข็งแรง
>> 4.3 แมงกานีส : เป็นเอนไซม์ช่วยย่อยสลายสารอาหารให้พืชดูดซึมไปใช้
>> 4.4 แมกนีเซียม : เสริมสร้างคลอโรฟิลล์ในพืช
>> 4.5 แคลเซียม : ช่วยให้เซลล์พืชทำงานได้ตามปกติ
5. หินภูเขาไฟเวอร์มิคูไลท์ (Vermiculite)
เป็นหินที่มีลักษณะคล้ายเกล็ดขนมปังแต่ซ้อนทับกันเป็นชั้น สีน้ำตาล ครีม ทอง มีความพรุน เบา ลอยน้ำ แต่ไม่ละลายน้ำ มีคุณสมบัติสำคัญคือ ทำให้ค่า PH ในดินเป็นกลาง สามารถดูดซับสารอาหารและตรึงความชื้นในดินเอาไว้ แล้วค่อยๆปล่อยออกมาใช้ทีละน้อยในภายหลัง มีสารอาหารที่สำคัญอาทิ โพเเทสเซียม แมกนีเซียม และ แคลเซียม เป็นต้น
6. หินภูเขาไฟเพอร์ไลท์ (Perlite)
หินชนิดนี้มีลักษณะสีขาวมีเลื่อมคล้ายกากเพชร หรือเรียกว่า เป็นหินภูเขาไฟเนื้อแก้ว มีน้ำหนักเบา มีรูพรุน มีคุณสมบัติทำให้ดินร่วนซุย รักษาความสมดุลย์ระหว่างน้ำกับอากาศในดิน เป็นฉนวนทำให้ดินรักษาอุณหภูมิไว้คงที่ ช่วยดูดซับสารอาหารและสารเคมีต่างๆที่ใส่ลงไปในดินได้อีกด้วย
= อัตราส่วนผสม =
ดินปลูกร่อน : 4 ส่วน
หินPumice : 2 ส่วน
หินVermiculite : 1 ส่วน
หินPerlite : 1 ส่วน
ปุ๋ยคอก : 1/2 ส่วน
ใบก้ามปูหมัก : 1 ส่วน
( หากในดินปลูกมีใบก้ามปูผสมอยู่แล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องนำมาผสมเพิ่ม )
นำส่วนผสมทั้งหมดมากองกระจายรวมกัน แนะนำให้พรมน้ำพอให้ดินหมาด เพื่อเป็นการลดฝุ่น จากนั้นใช้ช้อนปลูก หรือพลั่วค่อยๆพลิกฟื้น จนส่วนผสมเข้ากันเป็นอันใช้ได้ อาจหากล่องพลาสติกเอาไว้จัดเก็บดินไว้เตรียมปลูก หากมีฝาปิดด้วยก็จะเป็นการรักษาความชื้นในดินเพื่อพร้อมปลูกได้เลย
ส่วนผสมดินปลูกกระบองเพชร อาจจะไม่มีสูตรตายตัว ขึ้นอยู่กับปัจจัยอีกหลายอย่าง เช่น สภาพแวดล้อมที่ใช้ปลูก ความถี่ในการรดน้ำ หากพื้นที่ที่ใช้เพาะกระบองเพชร มีความชื้นสะสมปริมาณสูง ดินระบายน้ำได้ช้า ก็ควรผสมดินให้มีความโปร่งเป็นพิเศษโดยเพิ่มวัสดุปลูกที่มีความพรุนสูงๆเข้าไปเพิ่มเติม หรือเจ้าของต้นไม้ท่านใดขยันรดน้ำบ่อยเป็นพิเศษ (2-3ครั้งต่อสัปดาห์) ก็เช่นเดียวกัน
ในส่วนตัวของผู้เขียนเองนั้น ใช้ส่วนผสมของดินปลูกที่ไม่ให้ดินโปร่งมากจนเกินไป เหมาะกับการรดน้ำสัปดาห์ละครั้ง ทำให้ดินเก็บความชื้นได้พอสมควร เหมาะกับหนุ่ม - สาว ออฟฟิสที่ใช้เวลาน้อยนิดในวันหยุดสุดสัปดาห์เพื่อดูแลต้นไม้ที่คุณรัก ..
ขอให้ทุกคนมีความสุขกับการปลูกต้นไม้นะครับ
เมลมีไม้
10 มีนาคม 2563
โฆษณา