9 มี.ค. 2020 เวลา 14:28 • ความคิดเห็น
เเม้ตะวันจะลับฟ้า ก็ยังมี เเสงจันทร์เป็นเส้นนำทาง เเม้หมดเเสงจันทร์ยังมีแสงดาว
บทความนี้อยากจะเขียนให้กำลังใจทุกคนที่ท้อเเท้หรือสิ้นหวังในเรื่องต่างๆที่ผ่านมาในชีวิต
"เเม้ตะวันจะลับฟ้า"
ผมอยากให้ประโยคเเรกนี้เป็นเหมือนจุดเริ่มต้น ของปัญหา คนเราจะดำเนินชีวิตได้นั้นต้องพึ่งพา เเสงสว่างจากดวงอาทิตย์ เมื่อมีเเสงไฟอะไรๆก็ง่ายไปหมดเหมือนกับชีวิตคนเรามีขาขึ้นอะไรๆก็ สวยสดงดงาม
เเต่เมื่อ
.
.
.
"ตะวันค่อยๆลับฟ้า"
มันคือจุดเปลี่ยนของชีวิต เมื่อเราอยู่สูงได้ก็มีโอกาสลงมาได้ ความมืดมิดหลังฟ้าค่พเป็นเวลาที่เหน็บหนาว ชีวิตคนเราเมื่อเจออุปสรรคปัญหามักจะท้อเเท้
ไม่มีทางเเก้ ทำอะไรก็ลำบาก เหมือนมนุษย์เมื่อขาดเเสงไฟจะมองไม่ห็น ทำอะไรก็ลำบาก
ก็ยังมี
"เเสงจันทร์เป็นเส้นนำทาง"
เเม้ว่าตะวันจะลาลับไปความมืดจะปกคลุมท้องฟ้าเเต่เมื่อคุณพยายามตั้งใจมองหาบนท้องฟ้า
ไม่นานคุณจะเจอกับเเสงสว่างของ “พระจันทร์” ส่องเเสงลงมาให้คุณเห็นทางที่เดินอีกครั้งเเม้มันจะไม่สว่างง่ายดายเหมือนเเสงตะวัน เเต่มันก็เป็นเเสงที่ทำให้คุณผ่านพ้นปัญหาตรงนั้นไปได้
ในคืนใดที่คุณมองไม่เห็น ดวงจันทร์ ก็ยังมีดวงดาวที่คอยเป็นเส้นนำทางให้คุณ
สุดท้ายนี้ผมอยากให้กำลังใจคนที่กำลังท้อสิ้นหวัง
พวกคุณต้องสู้เเละพยายามมองหาเเสงสว่างผมเชื่อว่า
มันต้องมีทางออกครับเเม้มันจะใช้เวลานานเเค่ไหนขอ
เเค่ให้คุณอดทนไม่ยอมเเพ้มันเเละไม่นานเเสงสว่างนั้น
จะปรากฏให้พวกเราเห็น
โฆษณา