จุดเปลี่ยนอยู่ที่เมื่อ Donkey Kong ได้ออกไปขายในประเทศสหรัฐอเมริกา โดย Nintendo of America มีความตระหนักในการปรับแก้เนื้อหาบางส่วนให้สอดคล้องกับวัฒนธรรมอเมริกัน (Localization)
บังเอิญว่าคุณมิโนรุ คานากาวะ (Minoru Kanagawa) ดำรงตำแหน่งประธานของ Nintendo of America ในขณะนั้น โต้เถียงกับเจ้าของโกดัง ชื่อมาริโอ้ ซีเกล (Mario Segale) เรื่องค้างค่าเช่าโกดัง
ทำให้พนักงานของ Nintendo ในตอนนั้น หยิบยืมชื่อของนายมาริโอ้มาใช้แทนชื่อเดิม ซึ่งคุณชิเกรุ ก็ยอมรับในการเปลี่ยนชื่อครั้งนี้ด้วย ทำให้ตัวละครตัวนี้มีชื่อว่า มาริโอ้ ในที่สุด
2. Mario ในฐานะ Pop Culture
ด้วยความที่เกมของ Nintendo ได้รับความนิยมทั่วโลก ตัวละครมาริโอ้นี้ จึงเปรียบเสมือนตัวตนของ Nintendo
จนถูกยกย่องให้เป็นมาสคอต ประจำค่ายเกม Nintendo ในเวลาต่อมา
นอกจากนี้ทั่วโลกยังยอมรับว่า Mario เป็นตัวละครเกมที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในประวัติศาสตร์
แฟรนไชส์เกม Mario นี้ขายได้มากกว่า 500 ล้านชุด ทำให้เป็นแฟรนไชส์เกมที่ทำรายได้มากที่สุดในโลกอีกด้วย