20 มี.ค. 2020 เวลา 09:34
ยุทธนาวีโผหยาง ศึกลำน้ำเลือดครองแผ่นดิน
ยุทธนาวีที่โผหยาง นับเป็นศึกครั้งใหญ่ครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ และศึกนี้เป็นการชี้ชะตาว่าใครจะเป็นผู้ปกครองแผ่นดินจีนต่อไป ศึกนี้จึงเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่จูหยวนจางชาวนายากจน กลายเป็นบุคคลหมายเลขหนึ่งปกครองแผ่นดินจีนและชาวฮั่น ผู้เขียนสามก๊กฉบับเล่นงิ้ว ที่เกิดร่วมยุคกับจูหยวนจาง ก็ได้เอาเหตุการณ์ครั้งนี้ไปดัดแปลงไว้ในสามก๊กตอน โจโฉแตกทัพเรือ ด้วย
บ้านเมืองเสื่อมโทรมช่วงราชวงศ์หยวนตอนปลาย ชาวฮั่นไม่พอใจลุกฮือก่อกบฏ ตั้งกลุ่มตั้งแก๊ง เพื่อล้มราชวงศ์หยวนของชาวมองโกล ที่ปกครองแผ่นดินจีนแบบกดขี่ ชาวฮั่นหลายก๊กหลายกลุ่ม นอกจากจะบรรเลงเพลงรบกับมองโกลแล้ว ต้องหันดาบมาสู้กับชาวฮั่นด้วยกันด้วย เพื่อแย่งชิงและครองแผ่นดินจีนทั้งหมด ซึ่งเวลานั้นมีก๊กใหญ่ๆ ได้แก่
1. กลุ่มของเสี่ยวหมิงหวาง กลุ่มนี้เป็นพันธมิตรกับจูหยวนจาง
2. กลุ่มของสวีโซว่ฮุย ครอบครองอิทธิพลอยู่ทางตะวันตก แต่สวีโซว่ฮุยนี้ไม่มีอำนาจอย่างแท้จริง เพราะอำนาจทั้งหมดอยู่กับ เฉินโหย่วเลี่ยง ซึ่งเป็นคู่ศึกของจูหยวนจาง ในศึกโผหยางครั้งนี้
3. กลุ่มของจางซื่อเฉิง
4. กลุ่มของจูหยวนจาง ที่แผ่ขยายอิทธิพลบริเวณทางใต้ของแม่น้ำฉางเจียง หรือที่คนไทยเราเรียก แยงซีเกียง
การที่จูหยวนจาง เลือกทำศึกกับเฉินโหย่วเลี่ยงก่อนนั้น ก็เพราะเห็นว่า เฉินโหย่วเลี่ยงนั้นเป็นบุคคลอันตรายที่สุด เป็นผู้กระหายอำนาจ กลุ่มของเฉินโหย่วเลี่ยงนั้นมีกองทัพมากกว่าจูหยวนจางหลายเท่า นี้แสดงให้เห็นถึงความกล้าและความเด็ดขาดของจูหยวนจาง แม้จะตายก็ตายอย่างมีลายมีชื่อ
ก่อนจะเกิดศึกที่โผหยางนั้น จูหยวนจางก็เกือบจะสังหารเฉินโหย่ว-เลี่ยงได้สำเร็จ แต่พอดีเฉินโหย่วเลี่ยง ดวงแข็งรอดไปได้ แต่ก็เป็นไปแบบทุลักทุเล เพราะทัพของจูหยวนจางไล่ตะบี้ตะบันไปอย่างติดๆ สวีโซว่ฮุ่ย กษัตริย์หุ่นเชิดของเฉินโหย่วเลี่ยง จึงต้องรีบเจรจาและผูกมิตรกับจูหยวนจางเพื่อยุติศึกครั้งนั้น ทำให้เฉินโหย่วเลี่ยง ไม่พอใจ และปลดสวีโซว่ฮุ่ยจากตำแหน่ง และจูหยวนจางกับเฉินโหย่วเลี่ยง ก็มีการทำศึกกันมาตลอดๆ ซึ่งการที่จูหยวนจางติดพันศึกกับเฉินโหย่วเลี่ยงนี้เอง ก็ทำให้จางซื่อเฉิง โจรพ่อค้าเกลือ ฉวยโอกาสมาตีเมืองอานเฟิง จูหยวนจางจึงเบนเข็มมาสู้ศึกที่อานเฟิงด้วยตัวเอง
เมื่อเหตุการณ์เป็นไปดังนี้ ปี 1363 เฉินโหย่วเลี่ยง จึงได้โอกาสหมายทำสงครามขั้นแตกหักกับจูหยวนจาง จึงจัดทัพเรือครั้งใหญ่ที่สุด ก่อนออกศึกนั้น เฉินโหย่วเลี่ยงได้ ตัดหัว เจ้านายเก่าอย่างสวีโซว่ฮุ่ย เซนธงชัย แล้วเริ่มเคลื่อนทัพเรือตามลำน้ำโผหยาง มีเรือขนาดใหญ่กว่าร้อยลำ สูงใหญ่เท่ากับตึก 3 ชั้น และเรือขาดเล็กอีกกว่าพันลำ พร้อมกับกองกำลังพลถึง 6 แสนคน กองทัพเรือของเฉินโหย่วเลี่ยงนั้นยาวเหยียด สุดลูกหูลูกตา เสียงอึกกระทึกครึกโครมล่องลอยมาตามลำน้ำ การทำศึกครั้งนี้เฉินโหย่วเลี่ยงนั้นมีความมั่นใจว่าจะพิชิตกองทัพอันน้อยกว่าของจูหยวนจางได้ ถึงขั้นกับหอบลูกจูงเมียขึ้นเรือมาพร้อมด้วย หวังให้ลูกเมียเห็นถึงความยิ่งใหญ่และชัยชนะของตน
เฉินโหย่วเลี่ยงนั้นแทนที่จะไปตีเมืองยิ่งเทียนเลยทันที กลับยกทัพไปตีเมืองหงตู ซึ่งเป็นเมืองสำคัญรองจากเมืองยิ่งเทียน การพิชิตเมืองหงตูนั้นไม่สำเร็จ เฉินโหย่วเลี่ยงเอง ต้องทำศึกยืดเยื้อนานถึง 85 วัน ซึ่งขุนศึกคนสำคัญที่มีหน้าที่รักษาเมืองหงตูครั้งนี้ ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นหลานชายของจูหยวนจางเอง นั่นคือ จูเหวินเจิ้ง
เมื่อเฉินโหย่วเลี่ยงเห็นว่า การพิชิตเมืองหงตูนั้น ไม่ง่ายดังใจคิด จึงเบนหัวเรือมุ่งหน้าไปที่เมืองยิ่งเทียน เมืองสำคัญอันดับหนึ่งของจูหยวน-จาง และกองทัพเรือองเฉินโหย่วเลี่ยง ก็มาจ๊ะเอ๋ กับ กองทัพเรือของจู-หยวนจาง ที่ทะเลสาบโผหยาง โดยจูหยวนจางมีกำลังพล 2 แสนคน ยุทธนาวีที่โผหยางนี้ ทั้งสองฝ่ายต้องต่อสู้กันแบบเลือดนองน้ำนานถึง 36 วัน ก่อนหน้า 4 วันที่สงครามจะจบลง หลิวจี ยอดกุนซือยังได้เตรียมการวางกำลังซุ่มทางที่ศัตรูจะถอยกลับด้วย เอากันแบบว่า มึงไม่มีทางที่จะรอดกลับไปเลยทีเดียว
การศึกครั้งนี้ จูหยวนจางเองได้เตรียมการไว้อย่างรอบคอบ แบบไม่ชนะก็ตาย รบเร็วเลิกเร็ว ก็เหมือนของไทยที่ถึงกับทุบหมอข้าวหมอแกง ในสมัยที่จะไปตีเอาบ้านเอาเมืองคืน มีการเตรียมอาวุธต่างๆ ให้พร้อมเพรียงและใช้การได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมกับมีทีเด็ด ท่าไม้ตายหน่วยเรือพลีชีพ
จนในที่สุด เดือน 7 วันที่ 21 ขณะที่เฉินโหย่วเลี่ยง ชะล่าใจว่าจู-หยวนจางโดนปืนใหญ่ยิงร่างแหลกตายเป็นผีเฝ้าน้ำไปแล้ว จูหยวนจางซึ่งตะเกียกตะกายขึ้นจากน้ำมาได้ ได้เล็งปืนใหญ่ไปที่เรือธงชัยของเฉินโหย่วเลี่ยง ตูมเดียวเท่านั้น เฉินโหย่วเลี่ยงก็กลายเป็นผีเฝ้าทะเลสาบโผหยาง
ยุทธนาวีโผหยางครั้งนี้ ชาวฮั่นต้องเข่นฆ่ากันเอง ศพมากมายก่ายกองแทบจะถ่มลำน้ำได้ รวมกันทั้ง 2 ฝ่ายแล้วเกือบ 5 แสนศพที่สังเวยให้กับลำน้ำเลือด แต่ศึกครั้งนี้ นับเป็นก้าวสำคัญและจุดเปลี่ยนที่จะทำให้ยอดคนอย่างจูหยวนจาง จะก้าวขึ้นเป็นฮ่องเต้ ผู้ที่จะปกครองเผ่าพันธุ์ที่มีประชากรมากที่สุดในโลก
โฆษณา