10 มี.ค. 2020 เวลา 13:14 • ไลฟ์สไตล์
Alpine Route Tateyama
ไม่ต้องบอกก็รู้ ว่าญี่ปุ่นเป็นหนึ่งในประเทศที่มีระบบขนส่งมวลชนดีที่สุดในโลก ไม่ว่าจะเป็นระบบรถไฟในกรุงโตเกียวที่มีเกินกว่า 10 สาย รถไฟฟ้าที่แตกระแหงเข้าไปถึงจุดที่เป็นแค่เมืองเล็กๆ ที่มีผู้อยู่อาศัยแค่หลักหมื่น
และถึงแม้จะเป็นยอดเขาจะสูง 3000 เมตร แต่เค้าประเทศนี้ก็ไม่ทำให้เราผิดหวัง! ผ่านเส้นทางที่ชื่อ “alpine route” เพราะว่าที่นี่ "Japan"
Murodo Highland ที่ 2500 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล
ช่วงกลางฤดูใบไม้ร่วงปีที่แล้ว ผมมีโอกาสได้ไป tateyama (ทาเทยามะ) เป็นครั้งแรก ซึ่งเป็นช่วงใบไม้เปลี่ยนสีพอดี ซึ่งไม่มีการเตรียมตัวใดๆทั้งสิ้น รู้แค่ว่ามันคือที่นี่อะ ก็จอง airbnb ไว้ข้างภูเขา
ไปถึงบ้านพักตอนเย็นๆ โฮสต์ก็ชวนคุยเรื่องแผนเที่ยว
“เห้ย รู้ใช่มั้ย ว่าจะขึ้นเขาเนี่ย มันต้องออก 7 โมงนะ ไม่งั้นไม่ทันบัส”
“อ๋อ บัสขึ้นยอดเขา!?”
ไม่ใช่! มันคือนั่งไปที่สถานีเคเบิ้ลคาร์
การที่ไม่โดนน้าเค้าตบกระโหลกถือเป็นเรื่องโชคดี แต่เค้ายังอาสาไปส่งผมที่สถานีรถไฟ เพื่อไปขึ้นบัสพรุ่งนี้เช้าอีก สมแล้วที่เป็น superhost 5555
คือประเทศนี้ แค่ไปให้ถึงสถานีรถไฟ แล้วรางมันจะพาคุณไปเอง โลเคชั่นที่ดีเนี่ย วัดเป็นระยะจากสถานีรถไฟเป็นหลัก ประมาณว่า เห้ย คอนโดทานากะ ห่างจากสถานี เพียงแค่เดินเท้า 4 นาที!! จะบอกว่าห้านาทีไม่ได้ เห้ยเดี๋ยวเค้าว่าไกลหว่ะ จะยอมได้ไงหล่ะ
กลับมาเข้าเรื่อง คือน้าแกมีรถ ผมก็สบายไป ทุกอย่างก็เป็นไปตามแผน ขึ้นบัสไปลงตีนภูเขา คือเจ้า alpine route ที่ว่าเนี่ยมันเชื่อมระหว่างจังหวัด Nagano และ Toyama มันเป็นเส้นทางที่ประกอบด้วยรถบัส เคเบิ้ลคาร์ ropeway รวมๆประมาณ 7-8 สถานี แล้วแต่ละ stop จะเป็นที่ให้ชมวิว
ซึ่งไฮไลท์จะอยู่ที่เขื่อน Kurobe ซึ่งเค้าก็ต้องโวหน่อย ว่าเป็นเขื่อนที่สูงสุดในเจแปน
Kurobe dam
ตามมาด้วยที่ราบสูง Murodo ซึ่งอยู่ 2500 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล และเป็นจุดสูงสุดของ route นี้
และที่ไม่กล่าวถึงไม่ได้เลย คือ “the snow wall” จากซีรีย์ game of thrones ซึ่งต้องมาดูช่วงสงกรานต์ แต่ฤดูที่ผมไปเนี่ย มันได้พังทลายไปแล้ว เฉกเช่นเดียวกับความคาดหวังของแฟนๆ ที่มีต่อซีซั่นล่าสุด
Tateyama-Kurobe Alpine Route แบบเต็มๆ cr: alpen-route.com
ระหว่างนั่งบัสขึ้นไปยังสถานีที่สอง ผมก็นึกขึ้นได้ “เห้ย ขึ้นเขามันก็ต้องกันดารหน่อยป่ะ จะอดตายอยู่ข้างบนมั้ยวะ” แต่ผมคิดผิดถนัด! ทุกสถานีมีร้านอาหาร มุมนั่งพัก ส่วนร้านขายของฝากกับตู้กดน้ำอะ ไม่ต้องสืบเลย มันแน่อยู่แล้วว่ามี!
แต่ความกังวลอย่างแรกผ่านไปไม่ทันไร ความกลัวอันถัดไปก็เข้ามา “เห้ย อันนี้สิของจริง แม่เอ๊ย!” มันคือ Tateyama Ropeway นั่นเอง แบบว่าถ้าเคเบิ้ลขาด ตกลงไปคือไม่ต้องหาศพ เสียเวลา
Ropeway ความยาวกว่า 1.6 km ยกสูง 400 m
แล้วยังมีหน้ามาโฆษณาอีกนะ ว่าเป็นทางเคเบิ้ลแบบ unsupported ที่ยาวสุดในเจแปน (1.6 km) คือปกติ ropeway ที่ยาวมากๆ มันจะมีเสาอยู่ระหว่างทางเป็นระยะๆ แต่นี่คือปล่อยห้อย หย่อนๆเด้งๆ ขึ้นไปก็ต้องสวดพระบิดา พระบุตร พระจิตไป
แต่พอผ่านพ้นยานพาหนะหรรษา “จำนวนมาก” มาได้ ทิวทัศน์บนจุดยอด (Murodo) ต้องบอกว่าไม่ทำให้ผิดหวังจริงๆ ตัวผมไม่เคยเห็นวิวแบบนี้มาก่อน เห้ย แบบว่า นี่กูยังอยู่บนโลกปะวะ หรือเคเบิ้ลเมื่อกี้มันขาด แล้วมาโผล่สวรรค์ เอ๊ะ! หรือว่านรก!?
คือมันเป็นเฉดสีที่ไม่ค่อยได้เห็นปกติเท่าไหร่ ต้นหญ้าที่เปลี่ยนเป็นสีเหลืองอมน้ำตาล แล้วก็มีบางส่วนที่ยังคงเขียวขจี แล้วคลุมด้วยหิมะบนเทือกเขาอีกที ถ้าบอกว่านี่ดาวอังคาร นาทีนั้นผมก็เชื่อ!
ทะเลสาบบนที่ราบสูง Murodo
ท่ามกลางความมึนงงกับทิวทัศน์รอบๆ ผมก็สังเกตได้ว่า เห้ย ผู้สูงวัยเยอะจังหว่า แต่พอคิดอีกที ด้วยความที่ทุกอย่างมันสะดวกสบายขนาดนี้ ต่อให้เป็นผู้สูงอายุก็ไม่มีปัญหา ถ้ายังเดินไหว แต่เอาจริงคือเค้าแข็งแรงกว่าผมอีก เสื้อกันลมจัดเต็ม ไม้ trekking เป้ใบใหญ่ คือเอาจริง คุณลุงคุณป้าแกแข็งแรงกว่าผมอีกครับ ลงจากรถมานี่ซัดละ จ้ำรัวๆ หันไปมองอีกที นู่นนน... ถึงยอดละ
คือเค้าทำมาดีจริง ทั้งระบบรถราง บัสก็ใช้พลังงานไฟฟ้า เว็บไซต์ก็มีภาษาอังกฤษ ซัพพอร์ตนักท่องเที่ยวต่างชาติเต็มที่ ร้านอาหาร บนยอดมีโรงแรมด้วยซ้ำ ไม่จำเป็นต้องเป็น backpackers ก็มาพักบนยอดเขาได้แบบชิวๆ
ส่วนค่าเดินทางต่างๆ ถ้าขึ้นถึงยอดแล้วกลับทางเดิมแบบผม หรือจะทะลุไปโผล่อีกจังหวัด ก็ 10000 เยนหรือ 3000 บาทไทย แต่ถ้าเทียบกับค่าครองชีพที่นี่เรียกว่าไม่ได้แพงเลย สำหรับสิ่งที่ได้รับ ถึงภาษีที่นี่จะแพง แต่พอได้สัมผัสว่ามันทำให้ชีวิตคนดีขึ้นเนี่ย จะให้เอาไรไปบ่น
1
สำหรับใครที่ชื่นชอบผลงานสามารถติดตามได้ทางเพจ facebook "อยู่ญี่ปุ่นกับคนอินเดีย" กันอีกทางนะครับ
ส่วน Ig ไว้ลงลายแทงอาหารครับ
โฆษณา