11 มี.ค. 2020 เวลา 14:24
มีเพื่อนๆพี่ๆในกลุ่มเราหลายคน สนใจที่จะแปรรูปมะม่วงหิมพานต์มาขายเอง ผมจะสรุปขั้นตอนการทำให้เเบบง่ายๆ ให้อ่านเเล้วกันนะครับ ใจจริงอยากให้เห็นรูปภาพเลย เเต่ผมไม่มีรูปที่ถ่ายเก็บไว้ ก่อนอื่นเลยต้องขออธิบายก่อนว่า มะม่วงหิมพานต์ที่จะนำมากระเทาะเปลือก ข้อที่1.ควรเป็นมะม่วงหิมพานต์ที่เก็บจากต้นมาเเล้ว ไม่น้อยกว่า2-3เดือน เเละต้องตากแดดให้เเห้งสนิทด้วย ทำไมต้องเป็นเม็ดที่เก็บมาเเล้วอย่างน้อย2ถึง3เดือนขึ้นไป เหตุผลก็คือ ปกติเเล้วเปลือกของมะม่วงหิมพานต์จะเเข็งมาก เเละเนื้อที่อยู่ข้างในจะเเน่น ถ้าหากเราเก็บจากต้นเเล้วตากเเดดให้เเห้งเเล้วนำไปเเช่น้ำครบ3วันเอาขึ้นมากระเทาะเลย เม็ดขาวที่อยู่ข้างในจะเเงะออกยาก เยื่อที่หุ้มเม็ดขาวอยู่จะเอาออกยากด้วย ทำให้ต้องออกเเรงเเงะถ้าเเรงมากเม็ดขาวก็จะเเตกหัก เสียราคาต้องเเบ่งไปขายอีกเกรด เพราะฉะนั้นควร เอาเม็ดมะม่วงหิมพานต์ที่เก็บมาเเล้ว ตากเเห้งทิ้งไว้ครบ2-3เดือนค่อยเอามาแปรรูปจะดีที่สุด 2.คัดขนาดของเม็ดมะม่วงหิมพานต์ให้ได้ขนาดที่ใกล้เคียงก่อน เเล้วค่อยนำมากระเทาะ เพราะอะไรรู้มั้ยครับ เพราะเวลาเรากระเทาะเสร็จเเล้วจะได้ไม่ต้องมาเสียเวลาเเยกขนาดของเม็ดมะม่วงหิมพานต์ ยอมเสียเวลาตอนเริ่มต้นครั้งเเรกเลยดีกว่า 3.หลังจากได้เม็ดมะม่วงหิมพานต์ที่คัดขนาดได้ตามต้องการเเล้ว ควรเอาเม็ดมาล้างทำความสะอาดยางของมะม่วงหิมพานต์ให้สะอาดด้วยด้วย 4.หลังจากล้างให้สะอาดเเล้วให้เตรียมถังที่เป็นโลหะหรือสังกะสีเเล้วเอามะม่วงหิมพานต์ที่เราล้างยางเเล้ว ใส่ถังเเช่น้ำลงไปอย่างน้อย3คืน ถังที่เเช่ควรทิ้งไว้กลางเเดดเลย เเละให้เอาถุงพลาสติกสีดำมาคลุมโปงปากถังไว้ ให้น้ำที่เราแช่ในถังไม่ระเหยออกไปไหน ให้มันร้อนระอุอยู่ในถังนั้นเอง ความร้อนเเละน้ำที่เราเเช่ไว้ จะช่วยให้เม็ดม่วงหิมพานต์เปลือกมันอ่อน เเละเม็ดที่อยู่ข้างในจะร่อน เวลากะเทาะใช้เครื่องหรือคีมจับจะทำได้ง่าย เเงะเม็ดออกก็ง่าย 5.หลังจากเเช่ครบ3วันเเล้วให้เทน้ำทิ้งให้หมด เเต่ยังต้องเอาถุงพลาสติกคุมปากถุงไว้เหมือนเดิมอยู่นะครับ ป้องกันไม่ให้น้ำที่ซึมเข้าไปในเม็ดมะม่วงหิมพานต์ ระเหยเร็วไปเพราะจะทำให้เปลือกมันเเข็งได้ เวลากะเทาะก็ให้ค่อยๆทยอยเอาเม็ดมะม่วงหิมพานต์ออกมานะครับ อย่าเอาออกมาหมดที่เดียว เอาออกมาเเค่พอทำได้ หมดเเล้วค่อยไปเอาใหม่ 6.หลังจากกระเทาะหรือปลอกได้เม็ดขาวเเล้ว ให้เอาไปตากในตู้กระจกหรือตู้อบถ้าเเดดดีๆก็ประมาณ1-2วันเยื่อหุ้มก็ร่อนออกเเล้ว ไม่ควรตากเเดดนาน เพราะน้ำหนักมันจะหาย อย่างสมมุติว่าเราปลอกเม็ดขาวได้3กิโล เเต่พอไปตากเเดดลอกเยื่อหุ้มออกเเล้ว เราอาจจะได้เม็ดขาวเเค่2.8กิโล ส่วนที่หายไป2ขีดคือเยื่อหุ้มมันนั้นเอง ปกติเเล้วทั่วๆไปมะม่วงหิมพานเม็ดเปลือก5กิโล กระเทาะเเล้วจะได้เม็ดขาว1.2กิโล อาจจะได้มากหรือน้อยกว่านี้ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์และขนาดของเม็ดมะม่วงหิมพานต์ครับ เเถวบ้านเพื่อนผมจะมีชาวบ้าน รับจ้างแกะมะม่วงหิมพานต์โดยเเค่ใช้เเค่คีมกับมีดเเค่2อย่างนี้เองครับ รับจ้างในราคากิโลกรัมล่ะ100บาท เป็นเม็ดขาวสมบูรณ์ไม่มีเยื่อพร้อมจำหน่ายได้ทั้นที่ ข้อควรระวังนะครับ เวลากระเทาะมะม่วงหิมพานต์หรือปลอก ควรส่วมใส่เเวนตาเเละถุงมือเสื้อเเขนยาวตลอดเวลา เพราะว่ายางของมันจะกระเด็นใส่ตาเเละกัดผิวหนังของเราได้ครับ เพื่อนๆพี่ๆคนไหนมีอะไรเสนอเเนะเพิ่มเติมจากผมตรงนี้ ก็เสนอมาได้นะครับ ขอบคุณครับ
โฆษณา