13 มี.ค. 2020 เวลา 15:40 • ปรัชญา
Imagine there's no heaven.
It's easy if you try.
No hell below us.
“Above us only sky.”
เสียงเปียโนท่อนอินโทรอันเป็นเอกลักษณ์
ท่วงทำนองเนิบช้า และน้ำเสียงแหลมสูงของเลนน่อน
นั้นกลับฟังดูหนักแน่น จริงใจ
ชวนให้เราติดตามผู้ส่งสารผ่านเสียงเพลงคนนี้
ไปยังห้องลึกลับแห่งหนึ่ง ในช่วงเวลา 3:14 นาที
อย่างไม่มีข้อครหาในใจได้เลย
ผมหลับตาแล้วนึกถึงภาพโพลารอยด์ใบเก่า
ที่บันทึกรูปภาพแห่งความทรงจำ
กำลังล่องลอยอย่างช้า ๆ ไปพร้อมกับเสียงดนตรี
ช่วงที่ผมอายุราว 10-12 ปี
ผมฟังเพลง ๆ นี้บ่อยเกินไปหรือเปล่านะ
จนยึดติดกับมันเป็นหลักการในการคิด
และส่งผลต่อการใช้ชีวิตไปอีกหลายปีโดยไม่รู้ตัว
ตอนเด็ก ๆ ผมคิดมาตลอดว่าเรื่องราวต่าง ๆ
บนโลกใบนี้ มีแต่ภาพลวงตาที่เราสร้างกันขึ้นมาเอง
เพื่อรองรับเหตุผลอะไรบางอย่างก็ตาม
และด้วยบางเหตุผลนั้น มันนำทางเราไปสู่เส้นทางอันบิดเบี้ยวของชีวิต... ที่ไม่มีทางย้อนคืนกลับมา
เส้นเขตแดน ความเชื่อ ความท้าทาย
ชาติกำเนิด ความสูงค่า ต่ำต้อย เด็กหน้าห้อง เด็กหลังห้อง
คนฉลาด คนโง่ ความเลิศหรู ความอัปลักษณ์
...บนเส้นแบ่งสมมติไร้มาตรวัดที่ไม่มีจริง
เมื่อเราเดินทางไปถึงจุดจบของภาพลวงตา
ทุกสิ่งอย่าง จะกลายเป็นแค่ฝุ่นควันแห่งความทรงจำของโลกนี้
ที่ไม่อาจรับรู้อะไรได้อีกต่อไป
สิ่งสำคัญที่สุดของชีวิต ก่อนจะหมดลมหายใจ
กลับคือคำถามที่ไม่มีคำตอบที่แท้จริงได้
แล้วสุดท้ายที่ทำได้ก็แค่ ลืม ๆ มันไป
// มันน่าหงุดหงิดมาก ๆ เลยไม่ใช่เหรอ?
จนถึงตอนนี้ มันผ่านมานานกี่ปีแล้วนะ
ที่ผมยังเฝ้าถามตัวเอง ด้วยคำถามเหล่านั้น
ว่าในวันที่ยังมีชีวิตอยู่
คุณซื่อตรงกับสิ่งลวงตาพวกนั้นแค่ไหน
เมื่อคุณได้ครอบครองสิ่งล้ำค่า
คุณมีความสุขกับอะไร?
เมื่อได้สนทนากับคนที่ยกตนให้สูงส่ง
คุณเลือกที่จะศิโรราบกับความสูงค่าเหล่านั้น
ด้วยเหตุผลของมาตรวัดที่ไม่มีจริง ไปเพื่ออะไร?
คุณเลือกที่จะตัดสินความเป็นจริงบางอย่าง
ด้วยมาตรฐานที่ตั้งอยู่บนภาพลวงตา
ข้อตัดสินนั้น ย่อมไม่ต่างจากคำโกหกไม่ใช่เหรอ?
ถ้าสาระสำคัญของชีวิตนี้
คือการมีชีวิตที่มีความสุข
แต่ทำไมความสุขของเราทุกวันนี้
มันกลับ “ยาก” และ “ซับซ้อน” ขึ้นไปทุกที
ถึงเวลาของคุณแล้วหรือยัง
ที่จะกลับมาหาคำตอบ กับคำถามง่ายๆ
แล้วเลิกเต้นไปกับความหลอกลวง…
โฆษณา