14 มี.ค. 2020 เวลา 04:11 • ธุรกิจ
คู่มือการลงทุนในภาวะวิกฤติ
MooNoi Manual
โดย พื้นฐานการลงทุนหมูน้อยออมเงิน
เมื่อสองสามวันก่อนมี มิตรรักของเพจเราหลายคนถามคำถามที่น่าสนใจว่า
"แล้วจะเอายังไงต่อ"
ในฐานะที่เป็นหนึ่งในเพจที่ให้ความรู้ด้านการเงิน วันนี้ผมเลยทำคู่มือง่ายๆ มาให้ทุกท่านได้นำไปปรับใช้กันครับ
*ผมได้กล่าวถึงเรื่องนี้ไปแล้วในบทความเรื่องการออกแบบกลยุทธ์การลงทุนวันนี้ผมจะมาขยายความเพิ่มเติมอีกครั้งครับ
โดย ผมจะแบ่งตัวบทความทั้งหมดเป็น 4 ส่วนด้วยกัน คือ
1. Check Assets - ตรวจสอบทรัพย์สิน
2. Analyse Situation - ประเมินสถานการณ์
3. Choose & Allocation - คัดเลือก และ กระจายความเสี่ยง
4. Insurance - ประกันภัย
1. Check Assets
ตรวจสอบทรัพย์สินที่มีว่า ขณะนี้เรามีอะไรอยู่ในมือบ้าง (ลงรายละเอียดเพิ่มเติมจากบทความก่อนหน้า)
เริ่มด้วยการตรวจสอบทรัพย์สิน
ในส่วนของ.......
1.1 เงินฝาก
ทำได้ง่ายๆเลยครับ ไม่มีอะไรยุ่งยากซับซ้อน
1.2 Stocks
หุ้นที่มีอยู่ในมือ แม้แต่ตัวที่พื้นฐานดีก็ลงมาเยอะมากครับตอนนี้ ซึ่งมันจะทำให้เราเกิดคำถามว่า.....จะ ถัว, คัท, หรือ ปล่อยมันทิ้งไว้อย่างนั้นดี
ท่านใดที่จะ......................
====== "ถัว" ======
ก็ต้องวางแผนอย่างละเอียดว่า
ถัวไปแล้วหุ้นเราจะลงมาอยู่ที่ราคาเท่าไหร่
แล้วประเมินว่าต้องใช้เวลาอีกนานไหม
กว่าที่ราคาหุ้นจะมาถึงจุดที่ต้นทุนเราอยู่
ที่สำคัญ ผมไม่อยากให้ท่านคิดแค่ว่ามันต้องหลุดทุน แล้วเราจะออกจากหุ้นตัวนั้นๆได้อย่างสบายใจ
อย่าลืม "มองกำไรด้วยนะครับ"
.
====== "คัท" ======
คำพูดสั้นๆที่ พูดกี่ครั้งก็เจ็บ!
แต่ผมให้ข้อคิดอย่างนี้ครับ ว่า เมื่อเราคัท
สิ่งที่เราได้คืนมาทันทีคือ "เงิน" ซึ่งเราจะนำมาใช้ในการบริหารการลงทุนในระยะถัดไป
.
====== "ปล่อยทิ้งไว้" ======
สำหรับใครที่เลือกทางนี้ หนึ่งในต้นทุนเราต้องแบกรับคือ "เวลา"
กว่าที่มันจะกลับคืนมาในราคาที่เราเข้าซื้อ
มันอาจจะใช้เวลาหลายเดือน หลายปี
หรืออาจจะใช้เวลาแค่ไม่กี่วัน เราคงไม่อาจรู้ได้
ดังนั้น สิ่งสำคัญที่สุดคือ
"เราต้องรับผิดชอบในสิ่งที่ตัวเองเลือก"
ในวินาทีก่อนที่เราจะกดส่ง Order เราต้องรู้แล้วครับ ว่าผลลัพธ์หลังจากกด ปุ่ม Confirm order คืออะไร
"เมื่อลงมือไปแล้วอย่าได้เสียใจในสิ่งที่เราเลือก ถ้าคิดจะเสียใจ จงเสียใจที่ไม่ได้ลงมือ"
.
1.3 Fund - กองทุน
ในส่วนของกองทุนเราก็ใช้หลักการคิดเดียวกับ หุ้น ครับ เพียงแต่มันจะมีความซับซ้อนเล็กน้อยตรงที่ว่า "ถ้าเราคิดจะขาย"
เราต้อง ตรวจสอบก่อนว่า กองทุนที่เรามีอยู่ในมือ มีตัวไหนบ้างที่เราสามารถ "ขายได้โดยไม่ผิดเงื่อนไข"
ธนาคารไหนที่มี Mobile App ส่วนใหญ่จะบอกใน App เลยครับว่าตัวไหนที่เราขายได้โดยไม่ผิดเงื่อนไขบ้าง
แต่ถ้าไม่มี แล้วท่านคิดจะขาย ผมแนะนำให้
ไปติดต่อผู้แนะนำการลงทุนของที่ๆท่านซื้อกองทุนตัวนั้นๆมา
"ถ้าเราคิดจะไม่ขาย" หรือ มันอยู่ในเงื่อนไขของ "ยังไม่ครบกำหนดเวลา"
เรายังมีทางเลือกที่จะ "สลับกอง ที่อยู่ในกองทุนประเภทเดียวกัน" เช่น
-LTF ก็สลับกันได้ใน LTF โดยที่ไม่ผิดเงื่อนไข
-RMF ก็สลับกันได้ใน RMF โดยที่ไม่ผิดเงื่อนไข
**** สำหรับที่ท่านใดที่จะสลับไปยังกองทุนประเภท Defensive แล้วกองทุนเอาไปลงทุนในตราสารหนี้ ต้องระวังตราสารหนี้ที่อยู่ในประเภท Non rate ด้วยนะครับ
ความเสี่ยงสูงสุดของตราสารหนี้ที่เราต้องตระหนัก คือการ Default หรือการผิดนัดชำระหนี้ เพราะการที่ผู้ออกตราสารผิดนัดชำระหนี้
...บ่งบอกอะไรได้หลายๆอย่างครับ****
2. Analyse Situation - ประเมินสถานการณ์
ในข้อนี้ ผมอยากให้เราใช้เหตุผล และ ข้อเท็จจริง ในการประเมินสถานการณ์
"ห้ามใช้อารมณ์โดยเด็ดขาด"
อย่าเข้าซื้อด้วยความคิดที่ว่า เดี๋ยวมันก็เด้ง มันลงมาลึกแล้ว ฯลฯ
เพราะมันจะส่งผลเสียกับ "ทัศนคติที่มีต่อการลงทุนของเราในระยะยาว"
ที่สำคัญ
"ไม่ว่าความคิดเราจะถูกหรือผิด
ก็ต้องมีแผนรองรับไว้ในสถานการณ์ตรงกันข้ามเสมอ"
เมื่อเราอยู่ในสนาม เราไม่มีเวลาลังเลครับ
การตัดสินใจ ณ วินาทีนั้นต้องไม่มีอารมณ์มาเกี่ยวข้อง
คิด วางแผน ให้เรียบร้อยก่อน แล้วค่อยเข้าไป
ผมขอยกตัวอย่าง ส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ที่ผมวางไว้นะครับ
ในกลยุทธ์หลักชุดที่ 1 ของผมจะมีเรื่อง
สถานการณ์ที่เกี่ยวข้องกับ COVID-19 มาเป็นแกนหลัก
แต่ ในขณะนั้นเอง ก็มีปัจจัยเรื่อง น้ำมันเข้ามาแทรก อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ก็ไม่ได้ทำให้ภาพใหญ่ของกลยุทธ์ผมเปลี่ยนแปลงไปในทางตรงกันข้าม
แต่มันกลับทำให้เกิดอัตราเร่ง นำไปสู่ จุดที่ผมมองไว้เร็วขึ้นไปอีก
ณ ตอนนี้ ผมมองว่า "เรื่องมันเพิ่งจะเริ่ม" เท่านั้นครับ
.....ผมกำลังรอผลกระทบใน real sector แสดงออกมาให้เราดูอยู่
แน่นอนครับว่า ระหว่างนี้ ภาพช่วงสั้นอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงบ้าง ตราบใดที่แกนกลางของปัญหายังไม่ได้ถูกแก้ไข
"เรื่องมันก็ยังไม่จบ"
ที่สำคัญคือ "ไม่ประมาท ทำตามแผน ไม่ใช้อารมณ์"
3. Choose & Allocation - คัดเลือก และ กระจายความเสี่ยง
ณ ตอนนี้ไม่ใช่เวลานั่งเศร้ากับความสูญเสียที่เกิดขึ้น ทำอย่างไรที่จะทำให้เราได้เปรียบมากที่สุดตอนที่ทุกอย่างมันฟื้นตัวขึ้นมาแล้ว
รีวิว การลงทุน ประเภทต่างๆพลางๆ ครับ
ว่าจะเอาเงินเราไปลงในอะไร ที่ไหน เมื่อไหร่
แล้วเราเลือกเอาไปลงตรงนั้นด้วยเหตุผลใด
4. Insurance - ประกันภัย
การซื้อประกันคือการจัดการกับความเสี่ยงในรูปแบบหนึ่งครับ
ถ้าเราคิดว่าสุดท้ายเราก็ไม่รอดแน่ๆ
ผมแนะนำให้ซื้อประกันเกี่ยวกับ COVID-19
มี 2 ประเภท คือ
1. ตรวจเจอแล้วได้เงิน อย่างน้อยถ้าเราเป็นก็ได้เงินมากินขนม
(ปรกติเค้าแนะนำกันอย่างนี้มั๊ยครับ 5555)
2. แบบที่มีการรองรับค่าใช้จ่ายระหว่างการรักษาตัว
ซึ่งการที่เราซื้อประกัน ก็ ทำให้เราสามารถ cover loss ในส่วนนี้ได้ครับ
*อย่าลืมไปอ่านเงื่อนไขการรับประกันก่อนซื้อนะครับ เท่าที่ผมดูตอนนี้ก็ไม่แพงเท่าไหร่
*** *เอาจริงๆ ถ้าไม่ติดได้ ก็จะดีกว่าครับ
ป้องกันตัวเองดีๆ หลีกเลี่ยงการไปที่แออัด ใส่หน้ากาก ล้างมือทุกครั้งที่กลับมาถึงบ้าน หลังการสัมผัส ตู้ ATM ปุ่มลิฟท์ ราวจับบันได ลูกบิดประตูหรืออะไรที่ต้องจับบ่อยๆก็ทำความสะอาดบ่อยๆ
ที่สำคัญที่สุด คือ โทรศัพท์มือถือ เราจับมันทุกวัน และต้องเอามาแนบหน้าตอนโทรอีก ทำความสะอาดกันด้วยนะครับ****
สุดท้ายถ้าติดขึ้นมาจริงๆ เราก็มีการรับประกันความเสี่ยงเอาไว้แล้ว ในระดับนึง
ก็คร่าวๆประมาณนี้ครับ
ผมฝากทุกท่านช่วยไปกด Subscribe ที่ช่อง youtube กันด้วยนะครับ
ขอบพระคุณมากครับ

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา