Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Carman
•
ติดตาม
16 มี.ค. 2020 เวลา 01:00 • ยานยนต์
สวัสดีครับคุณผู้อ่านทุกท่าน
ยินดีนำเสนอ
EP1 :ไขขอสงสัย Eco Car คือรถอะไรกันเเน่
ทุกวันนี้ มีรถกลุ่มหนึ่งที่มักจะโดนใช้เป็นคำเหยียด หรือดูถูกรถกลุ่มนี้ว่าเป็นรถกระป๋อง กระจอก ราคาต้องถูก สเปคห่วยๆ เครื่องอืด ขึ้นเขาไม่ไหว อย่างงู้นอย่างงี้ ซึ่งรถกลุ่มที่ว่าถึง หมายถึง Eco Car
รวมถึงตอนนี้มี Eco Car รุ่นใหม่บางรุ่นของบางยี่ห้อเปิดราคามาทะลุ 7 เเสน กองเชียร์ยี่ห้อตรงข้ามที่ราคาถูกกว่าเเสนนึงเเถม
ออพชั่นเยอะกว่า ก็เเห่กันถล่มว่าทำไมเเพงจัง ขี้กั๊ก ใครเขาจะสนใจเรื่องเเรงเครื่องใน Eco Car เครื่อง Eco ราคาไม่ Eco เอาเปรียบผู้บริโภค ดราม่ากันใหญ่
ฝั่งยี่ห้อที่เปิดมาราคาเเพง ก็ไม่ยอม บอกว่ามันไม่ใช่ Eco Car มันไม่ใช่รถกระป๋อง มันคือรถ B-Segment( รถยนต์ขนาดเล็กมาก) ยอมเป็น Eco Car ไม่ได้นู้นนี่นั่น
จนทุกวันนี้ในโลกโซเชียลนี่เถียงกันเรื่องรถ 2 ยี่ห้อนี้ราวกับว่าเป็นเจ้าของบริษัท เจ้าของหุ้นส่วน เเบบว่าฉันยอมไม่ได้ ฉันจะอวยยี่ห้อฉัน ฉันจะด่าคู่เเข่งอย่างเดียว จะเอาเป็นเอาตายให้ได้ เอาจริงยิ่งกว่าหน้าที่การงาน เเล้วข้อมูลก็ไม่รู้ละว่าจะถูกผิดอะไร ฉัน(ตรู)ไม่สนใจ Noสน Noเเคร์
(ใบ้ให้ว่า 2 ยี่ห้อที่พูดถึงนี้ ยี่ห้อนึงเป็นยี่ห้อที่ผู้หญิงชอบเยอะ เป็นยักษ์ใหญ่เบอร์ 3 ในประเทศเเถมเป็นเจ้าตลาดรถเก๋งด้วย ส่วนอีกยี่ห้อนึงเป็นยี่ห้อที่เป็นเจ้าพ่อตลาดวาย เปิดตัวทีนึง ชาวบ้านเขาทำอะไรไปถึงไหนกันเเล้ว ลองเดาดูนะครับว่ายี่ห้ออะไร5555)
จะบอกว่ากองเชียร์ทั้ง 2 ค่าย(ร่วมถึงค่ายอื่นๆที่ไม่ได้ร่วมรบด้วยเเต่อาจคิดเเบบข้างต้น)ไม่ต้องเถียงกันหรอกครับ
ทุกวันนี้อาจจะมีความเชื่อเเบบข้างต้นหรือความเข้าใจเเบบผิดๆเกี่ยวกับ Eco Car
1
เเล้วที่จริงเเล้ว Eco Car คืออะไรกันเเน่ เเละจุดเริ่มต้นของมันเกิดขึ้นเมื่อไหร่
ย้อนกลับไปในปี 2007 BOI สนับสนุนโครงการรถที่ประหยัดพลังงานเเละเป็นมิตรต่อสิ่งเเวดล้อม หรือ "Eco Car"นั่นเอง ซึ่งผ่านการอนุมัติจากรัฐบาลสมัยนั้น
โดยวัตถุประสงค์ที่มีโครงการ Eco Car
คือ รถที่เข้าร่วมจะเสียภาษีสรรพสามิตที่ต่ำกว่ารถยนต์ทั่วไป เพื่อที่จะได้เป็นการดึงดูดให้ค่ายรถยนต์สนใจทำรถที่ประหยัดพลังงานเเละเป็นมิตรต่อสิ่งเเวดล้อม
รถทั่วไปเสียภาษี 20% หรือมากกว่านั้นเเล้วเเต่รุ่น ส่วน Eco Car Phase 1 เสีย 14% เเละ Eco Car Phase 2 เสีย 12%
โดยตอนเเรกจะมีเเค่ Eco Car Phase 1
ซึ่งเงื่อนไขรถที่จะเข้าโครงการนี้
1.ประหยัดน้ำมันขั้นต่ำ 20 km/l
2.ปล่อย Co2 ไม่เกิน 120 g/km
3.ใช้เครื่องยนต์เบนซินขนาดไม่เกิน 1.2 ลิตร หรือดีเซลไม่เกิน 1.4 ลิตร
4.ไม่มีข้อกำหนดด้านระบบ Safety
ต่อมาช่วงปี 2015 มี Eco Car Phase 2
ที่ยกระดับเงื่อนไขให้สูงขึ้น ดังนี้
1.ประหยัดน้ำมันขั้นต่ำ 23.25 km/l
2.ปล่อย Co2 ไม่เกิน 100 g/km
3.ใช้เครื่องยนต์เบนซินขนาดไม่เกิน 1.3 ลิตร หรือดีเซลไม่เกิน 1.5 ลิตร
4.มีระบบป้องกันล้อล็อค ABS พร้อมระบบควบคุมการทรงตัวทุกรุ่นย่อย
เเล้วถามว่าจากเงื่อนไขข้างต้นมีข้อไหนไหมที่บอกว่า Eco Car ไม่จำเป็นต้องเเรง ต้องเป็นรถราคาถูก ต้องเป็นรถเกรดต่ำ ต้องเป็นรถขนาดเล็ก ไม่มีเลย
เพราะ Eco Car จริงๆเเล้ว คือ Ecology Car เป็นรถที่เน้นการประหยัดพลังงานเเละปล่อยมลพิษต่ำโดยที่รูปเเบบเละขนาดของเครื่องยนต์เข้าข่าย Phase1 หรือ Phase2 เฉยๆ เเต่ทุกวันนี้คนไปตีความว่าเป็น Economy Car คือ ต้องราคาถูก ห้าม
ราคาเเพง คันเล็ก รถเกรดต่ำนั่นเอง เลยกลายเป็นความเชื่อที่ผิดไปเลย
คำถาม : เเล้วทำไมคนถึงเชื่อเเบบนั้น
คำตอบ : 1.โดยหลักการเเล้วผู้ใช้รถยนต์ส่วนใหญ่ที่เน้นในเรื่องของอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงมักจะขับรถในเมือง เพราะในเมืองนั้นรถติดเเละใช้ความเร็วต่ำเป็นหลัก รถส่วนใหญ่เลยสิ้นเปลืองน้ำมันค่อนข้างมาก ผู้ใช้จึงต้องการรถที่ประหยัดน้ำมัน กลุ่มลูกค้า Eco Car จึงน่าจะใช้รถในเมืองเป็นหลัก
2.ต่อจากข้อ 1 ในเมืองนั้นเนื่องจากมีรถจำนวนมากจึงต้องการเน้นความคล่องตัว ไม่เน้นรถที่มีขนาดใหญ่ จึงนิยมใช้รถที่มีขนาดเล็ก ไม่เทอะทะ
3.ต่อจากข้อ 1-2 ในเมืองนั้นไม่ได้ใช้ความเร็วสูง ไม่ได้เน้นการขับขี่ทางไกลหรือต้องใช้พละกำลังเครื่องยนต์มากนัก จึงนิยมใช้รถที่มีพละกำลังเเรงม้าต่ำ สมรรถนะที่ไม่เเรง
4.ต่อจากข้อ 1-3 คนที่มีอายุน้อย โดยเฉพาะเด็กมหาลัย หรือพนักงานที่เพิ่งทำมาหากิน ต้องการมีรถคันเเรก หรือคนไม่ได้มีกำลังทรัพย์มาก จึงต้องการรถที่คันเล็ก ราคาถูก ประหยัดน้ำมัน
5.ต่อจากข้อ 1-4 มันเลยกลายเป็นว่ารถยนต์รุ่นเเรกที่บุกเบิกตลาด Eco Car คือ Nissan March ซึ่งนำเอารถ B-Segment มายัดเครื่อง 1.2 ลิตร เพื่อเข้าโครงการ Eco Car Phase 1 ทำให้มีราคาถูกกว่า B-Segment รุ่นอื่นๆ ประหยัดน้ำมันกว่า เเต่วัสดุภายในค่อนข้างจะก๊องเเก๊งนิดนึง เพื่อลดน้ำหนักให้เบาลง เเละลดต้นทุนเพื่อที่จะขายราคาถูกที่สุดจนเป็นกลยุทธ์เเบบใหมที่เอาไว้เเข่งขันในตลาด ซึ่งกลยุทธ์ของ Nissan March ถือว่าประสบความสำเร็จใช้ได้ในระดับนึงเลยทีเดียวในยุคนั้น
6.ต่อจากข้อ 5 ค่ายรถอื่นๆจึงเเห่กันนำ B-Segment มายัดเข้า Eco Car กันหมด ทั้ง Suzuki Swift, Mitsubishi Mirage, Toyota Yaris บลาๆๆตามกันมาเป็นขบวน จนทำให้ Eco Car มีเเต่รถเล็ก ราคาถูก วัสดุภายในก๊องเเก๊งค์ เครื่องยนต์อืด จนสร้างความเชื่อผิดๆให้กับคนว่า Eco Car ต้องถูก คุณภาพต่ำ คันเล็ก รถกระป๋อง หรือเป็นคำเหยียดรถที่เป็น Eco Car ไปเลยโดยปริยาย
คุณลองคิดดูนะครับ สมมติผมทำ honda civic ซึ่งเป็นรถยนต์ C-Segment(รถยนต์ขนาดเล็ก)ใส่ เครื่องเบนซิน 1.3 เทอร์โบมาเเล้วจูนเครื่องให้ประหยัดเเละผ่านมลพิษตาม Eco Car Phase 2 เพื่อที่จะได้ภาษีถูกลง เเล้วขายคันละ 9 เเสน หรือ 1 ล้าน ได้ไหม ก็ได้สิครับ เเหมจะให้ผมขายคันละ 5-6 เเสนหรือไง ในเมื่อเขาไม่กำหนดเงื่อนไขความเเรง ขนาดตัวรถ ออพชั่น ราคา มีบรรทัดไหนเขาบอกไหม ไม่!!! เเล้วขอถามว่าคุณภาพตัวรถมันด้อยลงไหม ไม่!!! ผมต้องขายถูกไหม ไม่!!! ทุกอย่างมันมีต้นทุนเเละที่มาที่ไปของมันอยู่ ผมเเค่ใช้สิทธิในการลดภาษีเท่านั้นเอง เพื่อที่ว่าจะได้ไปชดเชยกับค่าเทคโนโลยีใหม่ๆที่เเพงขึ้น เท่ากับว่าคุณอาจได้รถยนต์ที่เทคโนโลยีดีขึ้นเเต่ราคาเท่าเดิมอะไรประมาณนี้ ฉะนั้นไม่ว่าจะเป็นรถรุ่นอะไรก็เข้า Eco Car ได้เเละถือว่าเป็น Eco Car หมดไม่ว่าจะเป็นรถ segment ใดก็ตาม
คำถาม : ทำไมทุกวันนี้มีเเต่รถ B-Segment เป็น Eco Car
คำตอบ : ตามทฤษฎีเเล้วรถยนต์ที่มีขนาดเล็ก จะมีน้ำหนักเบากว่า เเละใช้ขนาดเครื่องยนต์เล็กกว่า ทำให้จะประหยัดน้ำมันได้ง่ายกว่ารถใหญ่กว่า เช่น C-Segment, D-Segment(รถยนต์ขนาดกลาง) นั่นเอง
ทุกวันนี้มีรถ B-Segment หลายรุ่นที่ยัดเข้า Eco Car Phase 2 ซึ่งเทคโนโลยีต่างๆพัฒนาไปมากเเล้วทั้งเเรงขึ้นประหยัดขึ้น ขนาดตัวถังโตขึ้นจนบางรุ่นนี่เท่า C-Segment สมัยก่อนๆเลยทีเดียว เเถมยังมีวัสดุภายในที่หรูหราขึ้น เเละออพชั่นที่ใส่จนคุ้มค่าเกินราคากันเลย
ดังนั้น Eco Car ไม่ใช่คำเหยียด หรือคำดูถูกคุณภาพเเละศักยภาพตัวรถเหมือนที่ใช่กัน เป็นเพียงรถที่มีรูปเเบบเครื่อง,ระบบ Safety,เเละประหยัดน้ำมันตามเงื่อนไข จนทำให้ได้ภาษีถูกลง เเละขายในราคาที่คุณเห็นอยู่นี้ได้ยังไงละครับ!!!
สรุป รถ B-Segment ที่เป็น Eco Car ทุกวันนี้ ได้เเก่ Phase 1: Honda Brio(A-Segment), Honda Brio Amaze(A-Segment), Nissan March, Nissan Note, Suzuki Ciaz, Suzuki Celerio(A-Segment)
*A-Segment คือ รถยนต์กลุ่มที่เล็กมากๆเล็กกว่า B-Segment
Phase 2: Honda City, Nissan Almera, Toyota Yaris ATIV, Toyota Yaris, Mazda 2 Sedan, Mazda 2 Hatchback, Mitsubishi Attrage, Mitsubishi Mirage, Suzuki Swift
B-Segment ที่ไม่ใช่ Eco Car ได้เเก่ Honda Jazz, Toyota Vios, MG3, MG5
เเละทั้งหมดนั่นละครับ คือ คำว่า Eco Car
อย่าลืมนะครับ ถ้าชอบบทความเเบบนี้ อย่าลืมกดไลค์ กดเเชร์ กดฟอลโลว์กันนะครับ
เเละอีกช่องทางการติดตามนึงสำหรับผู้อ่านย้อนหลัง คือทาง FB: Carman สามารถติดตามย้อนหลังจากเผยเเพร่ทาง Blockdit 2 วัน ไปกดไลค์กดติดตามกันได้นะครับ
ใครมีความรู้สึกยังไง, มีข้อเสนอเเนะสามารถคอมเม้นลงมาที่ด้านล่างนี้เลยนะครับ
วันนี้ลาไปก่อนครับ สวัสดีครับ
1
เครดิตข้อมูล
http://www.headlightmag.com/comparing_ecocar1_vs_ecocar2_report/
2 บันทึก
12
26
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
Carman Series
Eco Car
2
12
26
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย