15 มี.ค. 2020 เวลา 23:19 • ปรัชญา
กักตัว..ดีกว่ากักตุน
ความน่ากลัวของไวรัสโควิด เป็นสิ่งที่ต้องระมัดระวังตัวกันมากแล้ว..แต่สิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่าคือความตื่นตระหนกต่างหาก
ยิ่งเห็นข่าวจากต่างชาติบางประเทศแย่งกันไปกักตุนสินค้าบริโภคกัน..เท่ากับเริ่มแพร่เชื้อความวิตกกังวลมาสู่ประเทศอื่นได้อย่างรวดเร็ว
การกักตุนนั้น..ช่วยได้แค่ลดความกังวลว่าจะไม่มีอะไรจะกินในยามฉุกเฉินเท่านั้น แต่ความวุ่นวายจะเกิดขึ้นตรงนี้แหละ
เพราะของที่มีอย่างเหลือเฟือ..กลายเป็นขาดตอนไม่ทันใจคนซื้อ
ยิ่งเอาสินค้าขึ้นชั้นวางไม่ทัน ก็ยิ่งสร้างกระแสจิตตื่นตกใจ..มากยิ่งขึ้น
ยิ่งซื้อยิ่งมา กองเก็บไว้..กินไม่ทันอายุ
ดังนั้นสิ่งที่คนเราควรทำยามนี้ เพื่อหยุดยั้ง..การแพร่กระแสที่สื่อแบบตื่นตามๆกัน อย่างน้อย 5ประการคือ
(1)ควรเรียกสติ..ให้รีบกลับคืนมาตั้งหลักในใจโดยเร็ว อย่าเชื่อในสิ่งที่เห็นและได้ยินหรือการบอกมาแบบปากต่อปาก พึงฟังจากแหล่งที่เชื่อถือได้เป็นดี
(2)ควรสร้างความเชื่อมั่น และมั่นใจ ในใจเราก่อน ว่าบ้านเมืองเราจะไม่เลวร้ายขนาดนั้น เพราะความเชื่อมั่นในประเทศ จะเกิดขึ้นได้ก็มาจากคนเราทุกคนต้องช่วยกัน ไม่ใช่ใครคนใดคนหนึ่งเท่านั้น
ทัศนคติที่บวกย่อมช่วยสร้างสรรค์หาหนทางแก้สถานการณ์ได้ดีกว่าการคิดลบเสมอ..
(3)ควรรู้ว่าบ้านเรานั้นคือแหล่งผลิตอาหาร มีความเพียงพอ ต่างจากประเทศอื่น ถ้าเรามีความพอเพียง ไม่แห่กันไปกักตุนย่อมมีพอสำหรับทุกคน
(4)ควรเรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกัน เป็นชุมชนที่เข้มแข็ง ที่มีความเอื้ออาทรและพร้อมช่วยเหลือแบ่งปันกันและกัน
สังคมที่ดีนอกจากจะร่วมด้วยช่วยกันแล้ว ยังจะลดความรู้สึกเอาตัวรอดให้ลดลงได้
ตัวอย่างที่เคยเห็น สมัยตอนน้ำท่วมปี54มีหลายหมู่บ้านช่วยเหลือกันได้ดีหลายชุมชน ที่น่าชื่นชม
(5)ควรรู้ว่าห้วงเวลาที่อยู่ในยามยากลำบาก
จะเป็นเวลาที่"พิสูจน์การเป็นคนผู้มีจิตเมตตาของสังคม"
ใครที่มีกำลังพร้อมช่วยเหลือก็ควรจะได้เข้ามาปรากฏให้เห็นใจกันได้ ก็คราวนี้
ไม่ต้องโผล่มาหาคะแนนนิยม..แต่หาทางออกให้กับผู้คนได้พ้นภัย..ย่อมเป็นการประเสริฐกว่า
ดังนั้นสิ่งสำคัญในเวลานี้..การกักตุน..จึงไม่ได้ช่วยให้ปัญหาการระบาดของไวรัสโควิดลดลงได้แม้แต่น้อย
แต่การ"กักตัวเอง"เพื่อรักษาฟื้นฟูตนเองและช่วยรับผิดชอบไม่แพร่กระจาย ถือเป็นมหากุศลที่ผู้คนย่อมสรรเสริญ
เตรียมพร้อมนั้นเป็นการดี ถ้าเป็นไปเพื่อป้องกันการติดเชื้อ..ย่อมดีกว่าเป็นไปเพื่อป้องกันการไม่มีกิน..
ยามมีภัย..คนที่มีหลักธรรมเป็นสิ่งยึดเหนี่ยวนำใจ ย่อมปราศจากทุกข์โศกโรคภัยได้..
ก็คือการรู้จักอยู่อย่างมีสติ
ไม่เบียดเบียนกักตุน มีเมตตาจิตช่วยเหลือ
ให้ความกรุณาและเห็นใจคนที่ป่วย
และในยามไม่แน่ใจตนเองก็ให้อุเบกขากักตัว ไม่ช่วยแพร่พันธุ์ไปสู่ผู้อื่น.....
"LL&L16/3/63
โฆษณา