Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
World Maker
•
ติดตาม
17 มี.ค. 2020 เวลา 14:47 • ข่าว
Today Insight : เจาะลึกประเด็นน่าสนใจวันนี้
1. สหรัฐฯ มีการทดสอบฉีดวัคซีน Coronavirus ในคนเป็นครั้งแรก
ผู้ป่วย 4 รายได้รับการทดสอบฉีดวัคซีนชื่อว่า mRNA-1273 ที่ศูนย์วิจัย Kaiser Permanente ใน Seattle รัฐ Washington ซึ่งวัคซีนตัวนี้ไม่ได้ทำให้เป็นโรค COVID-19 แต่จะประกอบด้วยรหัสพันธุกรรมที่ไม่เป็นอันตราย ซึ่งคัดลอกมาจากไวรัสตัวอื่น ๆ ที่ทำให้เกิดโรค (ที่ผิดสังเกตคือนี่มันไม่ใช่แนวทางการผลิตวัคซีนธรรมดา)
เชี่ยวชาญหลายคนกล่าวว่าจะต้องใช้เวลาหลายเดือน กว่าจะรู้ว่าวัคซีนหรือยาอื่น ๆ ที่กำลังวิจัยอยู่ใช้ได้ผล โดยคนแรกที่ได้รับการฉีดวัคซีนเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาคือ คุณแม่วัย 43 ปีที่พักอาศัยอยู่ใน Seattle และมีบุตร 2 คน
Source : GETTY IMAGES
ขณะนี้ นักวิทยาศาสตร์ทั่วโลกกำลังเร่งวิจัยและพัฒนาวัคซีนและยารักษาอย่างต่อเนื่อง และการทดลองในมนุษย์ครั้งแรกนี้ ได้รับการสนับสนุนจากสถาบันสุขอนามัยแห่งชาติ ซึ่งเป็นส่วนนึงของขั้นตอนในการตรวจสอบเพื่อให้แน่ใจว่า "วัคซีนสามารถกระตุ้นการตอบสนองของภูมิคุ้มกันในมนุษย์"
แต่บริษัทด้านเทคโนโลยีชีวภาพที่อยู่เบื้องหลังการทำงานครั้งนี้กล่าวว่า "วัคซีนนี้ได้สร้างขึ้นโดยผ่านการทดลองและทดสอบแล้ว" โดย Dr John Tregoning ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดต่อที่มหาวิทยาลัย Imperial กรุงลอนดอนประเทศอังกฤษ กล่าวว่า "วัคซีนนี้ถูกสร้างขึ้นจากเทคโนโลยีที่มีอยู่แล้ว"
"มันถูกสร้างด้วยมาตรฐานที่สูงมาก โดยใช้สิ่งที่เรารู้ว่าปลอดภัยสำหรับใช้กับคน และเราจะมีการติดตามอย่างใกล้ชิดอยู่เสมอ ในกลุ่มตัวอย่างที่ได้รับวัคซีน"
"ใช่ มันเร็วมาก แต่นี่เป็นการแข่งขันกับไวรัส ไม่ใช่การแข่งขันกันสำหรับนักวิทยาศาสตร์ และมันถูกทำขึ้นเพื่อประโยชน์ของมนุษย์ชาติ" (หลีกหน่อยสิ พระเอกมาแล้ว)
Dr John Tregoning
วัคซีนทั่วไปสำหรับไวรัส ก็คือการนำไวรัสชนิดนั้นมาทำให้อ่อนแอ (อยู่ในสภาพใกล้ตาย) แล้วนำไปฉีดเข้าสู่ร่างกายคน เพื่อให้เกิดภูมิต้านทานโรค
แต่วัคซีน mRNA-1273 แตกต่างออกไปเพราะมันไม่ได้ทำมาจากเชื้อ COVID-19 แต่มันเป็นการรวมส่วนสั้น ๆ ของรหัสพันธุกรรม ซึ่งคัดลอกมาจากไวรัสที่มีอยู่ใน lab ของนักวิทยาศาสตร์อยู่แล้ว
ข้อสังเกต : โดยปกติแล้ววัคซีนที่ผลิตขึ้นมาใหม่ จำเป็นต้องผ่านหลายขั้นตอ ในการพิสูจน์ว่าจะสามารถใช้กับมนุษย์ได้ ซึ่งอาจกินเวลากว่า 1 ปี
โดยกลุ่มตัวอย่างแต่ละคน จะได้รับวัคซีนขนาดต่างกัน พวกเขาแต่ละคนจะได้รับการฉีดวัคซีนทั้งหมดสองครั้ง ห่างกันเป็นเวลา 28 วันในกล้ามเนื้อต้นแขน
แต่ถึงแม้ว่าเบื้องต้น การทดสอบที่ปลอดภัยนี้จะเป็นไปได้ด้วยดี แต่ก็อาจใช้เวลาถึง 18 เดือนสำหรับการฉีดวัคซีนที่มีประสิทธิภาพให้กับประชาชนทั่วไป
ก่อนหน้านี้ อิสราเอล เป็นอีกหนึ่งประเทศที่ประกาศว่า คิดค้นวัคซีนต่อต้าน COVID-19 สำเร็จแล้ว โดยสื่อของอิสราเอลกล่าวว่า "ทีมนักวิทยาศาสตร์จากสถาบันเพื่อการวิจัยทางชีววิทยา (IBR) ภายใต้กระทรวงกลาโหมอิสราเอล สามารถพัฒนาวัคซีนสำหรับใช้ป้องกันการติดเชื้อไวรัส COVID-19 เสร็จสมบูรณ์แล้ว
แต่ทั้งนี้ยังจำเป็นต้องผ่านขั้นตอนการทดสอบ และทดลองอีกจำนวนหนึ่ง ซึ่งอาจกินเวลานานหลายเดือน เริ่มจากทดลองในสัตว์ ต่อด้วยในคน เพื่อให้แน่ใจว่าวัคซีนจะไม่ก่อให้เกิดผลข้างเคียงที่เป็นอันตรายใด ๆ ก่อนจะมีการยอมรับอย่างเป็นทางการ
Source : BBC
2. สหรัฐฯ สามารถทำการทดสอบ Coronavirus ได้มากแค่ไหน ?
คำตอบสั้น ๆ คือ "ไม่มีใครรู้" ขนาดรัฐบาลก็ยังไม่รู้ แม้แต่ทรัมป์หรือรองประธานธิบดี Mike Pence ที่กล่าวไว้ก่อนหน้านี้ว่าจะมีการทดสอบ 1.5 ล้านครั้งในสัปดาห์นี้ ก็ตอบคำถามนี้ไม่ได้
รัฐบาลสหรัฐฯ กำลังเผชิญกับปัญหาในการตอบสนองต่อ Coronavirus โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อสหรัฐฯ มีการทดสอบผู้คนน้อยกว่าประเทศอื่น ๆ ที่ได้รับผลกระทบ
Source : Reuters
มีคนได้รับการทดสอบในสหรัฐฯ แล้วกี่คน ?
คำตอบคือ "ไม่แน่ชัด" นี่เป็นเพราะการทดสอบบางอย่าง ได้ดำเนินการโดยห้อง Lab และโรงพยาบาลเอกชน ที่ไม่ได้มีการรายงานในศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (CDC)
ศาสตราจารย์ Howard Forman ผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขของมหาวิทยาลัย Yale กล่าวว่า "เราไม่มีศูนย์ส่วนกลาง เพื่อติดตามและรวบรวมข้อมูลอย่างที่ควรมี เราควรเรียนรู้จากประสบการณ์ครั้งนี้"
"การมีศูนย์รวมข้อมูลส่วนกลาง เพื่อติดตามข้อมูลจาก Lab เอกชน และรัฐบาลคือเรื่องที่จำเป็นอย่างมาก" เขากล่าวเพิ่มเติม
Howard Forman
อย่างไรก็ตาม ในขณะนี้มีสิ่งหนึ่งที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางจากทั่วโลก นั่นก็คือการที่สหรัฐฯ ทดสอบเชื้อไวรัสได้ล่าช้ากว่าประเทศอื่น ๆ
โครงการหนึ่งโดย The Atlantic ประมาณการว่ามีผู้คนประมาณ 38,600 คนได้รับการทดสอบในสหรัฐอเมริกา
ในทางกลับกัน ประเทศที่มีประชากรน้อยกว่ามาก กลับมีความสามารถในการทดสอบเชื้อไวรัสได้มากกว่า อย่างเช่นเกาหลีใต้ ที่ได้มีการทดสอบผู้คนไปแล้วกว่า 240,000 คน ในขณะที่อังกฤษทดสอบไปแล้วกว่า 44,100 คน
ในระหว่างการประชุมเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว ศาตราจารย์ Pardis Sabeti ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดต่อได้ประมาณการไว้ว่า เกาหลีใต้มีความสามารถในการทดสอบมากกว่าสหรัฐฯ ถึง 700 เท่า และแคนาดาที่มีประชาชนน้อยกว่าสหรัฐฯ 10 เท่า ได้มีการทดสอบไปแล้วประมาณ 25,000 คนเมื่อวันอาทิตย์นี้
ศาตราจารย์ Forman ได้ตำหนิว่าการตอบสนองของสหรัฐฯ ยังไม่เพียงพอ "ในส่วนของรัฐบาล เราไม่ได้ทำงานได้ดีเลยแม้แต่น้อย" เขากล่าว
"ในอุดมคติ เราควรจะเลียนแบบเกาหลีใต้ ซึ่งมีการทดสอบผู้คนที่สัญจรไปมาผ่านทางรถยนต์ เพื่อป้องกันผู้ป่วยจากการที่ต้องไปรอตรวจอยู่ในห้องฉุกเฉินและแพร่เชื้อไปยังคนอื่น ๆ"
Pardis Sabeti
ทำไมการทดสอบถึงสำคัญ?
COVID-19 มีอัตราการเสียชีวิตต่ำกว่าโรคอื่น ๆ อีกหลายโรค และผู้ป่วยส่วนใหญ่ก็จะมีอาการไม่รุนแรง โดยเฉพาะผู้ที่มีอายุน้อยและมีสุขภาพดี
อย่างไรก็ตามผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่าการทดสอบนั้นมีความสำคัญเพื่อให้เจ้าหน้าที่สามารถระบุได้ว่าบริเวณที่มีการระบาดนั้นอยู่ที่ไหน เพื่อป้องกันโรคจากการแพร่กระจายไปยังผู้ที่มีความเสี่ยงสูง
"โรคอาจไม่รุนแรงสำหรับบางคน แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะไม่มีส่วนร่วมในการแพร่กระจายในชุมชน" ศาสตราจารย์ Forman กล่าว
ทำไมการทดสอบในสหรัฐฯ ถึงล่าช้า ?
เรื่องนี้มีหลายปัจจัยที่เป็นคำตอบ องค์การอนามัยโลกได้อนุมัติการทดสอบ Coronavirus ตั้งแต่เดือนมกราคม แต่รัฐบาลสหรัฐฯ ตัดสินใจที่จะไม่ดำเนินการใด ๆ (ตอนนั้นถ้าใครจำได้ ตลาดหุ้นแข็งโป๊ก และทรัมป์ก็บอกว่ามันเป็นเพียงโรคไข้หวัดธรรมดา ๆ จะไปกลัวอะไร)
ในเดือนกุมภาพันธ์ CDC ได้ส่งชุดทดสอบไปทั่วอเมริกา แต่ชุดทดสอบบางชิ้นทำงานไม่ถูกต้องและนำไปสู่ผลลัพธ์ที่สรุปไม่ได้
ความจริงที่ว่าสหรัฐฯ มีระบบการดูแลสุขภาพแบบ "Siloed" คือไม่มีการประสานงานระหว่างกันเลยในหน่วยงานย่อย มีผู้ให้บริการด้านสุขภาพและห้องปฏิบัติการต่าง ๆ มากมายได้ทำการทดสอบที่ซับซ้อนมากขึ้น โดยไม่มีมาตรการใด ๆ รองรับ (อธิบายง่าย ๆ คือต่างคนก็ต่างคิดต่างทำกันไป แต่ไม่ได้มีการพูดคุยอัพเดตหรือหาแนวทางพัฒนาร่วมกัน)
ห้อง Lab ใหญ่ ๆ ในสหรัฐฯ จำเป็นต้องพัฒนาผลทดสอบของพวกเขาเอง และยังต้องดูแลผู้ป่วยฉุกเฉินรายวัน ซึ่งมันเป็นสิ่งที่ยากลำบาก
ในขณะเดียวกันห้อง Lab ขนาดเล็กไม่มีอุปกรณ์หรือพื้นที่เพียงพอสำหรับดำเนินการในการทดสอบ แต่พวกเขามักจะอาศัยการทดสอบที่ง่ายกว่าหรือที่เรียกว่า sample-to-answer test หมายถึงการทดสอบผู้ป่วยจากการสังเกตอาการและเปรียบเทียบกับกลุ่มตัวอย่างที่มีการติดเชื้อ
ลักษณะการทำงานแบบ Siloed Working (Source : douglasgerber.com)
ตอนนี้สหรัฐฯ มีมาตรการอย่างไรบ้าง ?
เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมานายทรัมป์ได้ประกาศภาวะฉุกเฉินที่อนุญาตให้รัฐบาลอัดฉีดเงิน 5 หมื่นล้านดอลลาร์ สำหรับช่วยเหลือฉุกเฉิน
เขากล่าวว่าจะมีการทดสอบ 500,000 ชุดในไม่ช้าและสัญญาว่าภายในหนึ่งเดือนจะมีการทดสอบห้าล้านครั้งรวมทั้งเครื่องมือทดสอบผ่านทางการสัญจรไปมา
ทรัมป์ยังกล่าวอีกว่ารัฐบาลกำลังทำงานร่วมกับภาคเอกชนเพื่อให้ชุดทดสอบมีให้ชาวอเมริกันมากขึ้น
สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาได้เริ่มเปิดใช้สายด่วนฉุกเฉิน 24 ชั่วโมงสำหรับห้อง Lab ที่มีปัญหาในการจัดหาอุปกรณ์เพื่อทำการทดสอบและได้รับอำนาจในการอนุมัติฉุกเฉินสำหรับการทดสอบ Coronavirus โดย บริษัทยาที่ระบุว่าสามารถทำการทดสอบได้ (การดำเนินงานอาจเร็วขึ้น 10 เท่า)
นอกจากนี้ยังอนุญาตให้รัฐ New York มีอำนาจในการอนุมัติห้อง Lab ในท้องถิ่น สำหรับการทดสอบโดยไม่ต้องรอการอนุมัติจาก FDA ซึ่ง Andrew Cuomo ผู้ว่าราชการ New York กล่าวว่าจะเพิ่มขีดความสามารถในการทดสอบของรัฐเป็น 6,000 test/วัน
Andrew Cuomo
3. แบบสำรวจของสหรัฐฯ แสดงความกังวลที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับ Coronavirus และความเชื่อมั่นในรัฐบาลที่ลดลง
แบบสำรวจล่าสุดโดย Gallup ระบุว่าในขณะนี้ชาวอเมริกันกว่า 60% "ค่อนข้างกังวล" ถึง "กังวลมาก" ว่าพวกเขาหรือสมาชิกในครอบครัวจะได้รับเชื้อ Coronavirus ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก 36% ในเดือนกุมภาพันธ์ ขณะที่ความมั่นใจในความสามารถของรัฐบาลในการตอบสนองลดลงอย่างรวดเร็ว
หลังจากทรัมป์เริ่มเห็นความเสี่ยงของการระบาดในสัปดาห์ที่ผ่านมา เขาได้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินระดับชาติและในวันจันทร์ได้เรียกร้องให้ชาวอเมริกันหลีกเลี่ยงการชุมนุมมากกว่า 10 คน และหยุดกิจกรรมทางสังคมเป็นเวลา 15 วันเพื่อหยุดการแพร่กระจายของโรค
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเกิดขึ้นในขณะที่ตลาดการเงินร่วงลงอย่างต่อเนื่อง แม้จะมีการประกาศลดอัตราดอกเบี้ยฉุกเฉินครั้งที่สองโดย FED และล่าสุดทรัมป์ออกมาเตือนว่าเศรษฐกิจสหรัฐอาจเข้าสู่ภาวะถดถอยเนื่องจากไวรัส (อ่าวเฮ้ย ไม่เหมือนที่คุยกันไว้นี่นา)
ในทำเนียบขาว สมาชิกพรรคฝ่าย Democrats เป็นกลุ่มที่มีความกังวลเรื่องนี้มากที่สุดถึง 73% เมื่อเทียบกับสมาชิกฝ่าย Republicans ที่มีความกังวลเพียง 42%
ขณะนี้ชาวอเมริกันกว่า 85% เชื่อว่า Coronavirus จะมีผลกระทบ "มาก" หรือ "ค่อนข้างมาก” ต่อเศรษฐกิจโลกโดยเพิ่มขึ้นจาก 65% ในการสำรวจครั้งก่อน Gallup กล่าว
การกดไลค์ กดแชร์ กดติดตาม และการติชมในเชิงสร้างสรรค์ของคุณ เป็นกำลังใจให้เราและเหล่าอาชีพนักเขียนทุกคนในการพัฒนาผลงานให้ดียิ่งขึ้นต่อไป ขอเชิญทุกท่านร่วมสร้างสังคมการเรียนรู้ที่ดีด้วยกันกับเรา
World Maker
สามารถติดตาม World Maker ผ่านทาง Facebook ได้แล้ววันนี้ที่
https://www.facebook.com/WorldMakerTH
Reference :
1.
https://www.bbc.com/news/health-51906604
2.
https://www.bbc.com/news/world-us-canada-51875871
3.
https://www.reuters.com/article/us-healthcare-coronavirus-usa-confidence/u-s-poll-shows-growing-worries-about-coronavirus-drop-in-confidence-in-government-idUSKBN2133Y7
13 บันทึก
126
5
24
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
World News
13
126
5
24
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย