20 มี.ค. 2020 เวลา 12:30
ความสำเร็จของ CASETiFY ธุรกิจขายเคสโทรศัพท์มือถือระดับโลก / โดย ลงทุนเกิร์ล
การขายของผ่านโซเชียลมีเดีย คงเป็นสิ่งที่คนไทยเราคุ้นเคยเป็นอย่างดี
แต่จะทำอย่างไรไม่ให้ลูกค้าของเราจำกัดอยู่แค่ในประเทศไทย
วันนี้ลงทุนเกิร์ลมีธุรกิจที่น่าสนใจมาเล่าให้ฟัง
นั่นก็คือ CASETiFY ซึ่งทำธุรกิจขายเคสโทรศัพท์มือถือ
ฟังแค่นี้อาจจะไม่มีอะไรน่าตื่นเต้น
จริงๆ แล้ว CASETiFY ไม่ใช่แค่ร้านขายเคสมือถือธรรมดา เพราะปัจจุบัน บริษัทนี้ถือเป็นหนึ่งในสามบริษัทอุปกรณ์ตกแต่งสินค้าเทคโนโลยีที่ใหญ่สุดในโลก
เรื่องราวของ CASETiFY เป็นอย่างไร? ลงทุนเกิร์ลจะเล่าให้ฟังค่ะ
CASETiFY ก่อตั้งโดยคุณ Wes Ng ในปี 2011
ตอนแรกคุณ Ng ตั้งชื่อธุรกิจของเขาว่า Casetigram
เนื่องจากตอนนั้นเขาเป็นหนึ่งในคนที่เสพติดการใช้อินสตาแกรม
จึงเกิดความคิดว่า ทำไมถึงไม่เปลี่ยนรูปที่เราชื่นชอบเหล่านี้มาเป็นสินค้า
คุณ Ng จึงเริ่มต้นธุรกิจเคสมือถือที่ลูกค้าออกแบบได้เอง
แล้วทำไมถึงต้องเป็นเคสโทรศัพท์มือถือ?
ความคิดของคุณ Ng ไม่มีอะไรซับซ้อน
เขาไม่ได้คิดถึงการสเกลธุรกิจในอนาคต
เขามองแค่ว่าทุกวันนี้ไม่ว่าใครก็ต้องมีโทรศัพท์มือถือ
และถ้ามีโทรศัพท์มือถือ ก็แปลว่าคนก็ต้องใช้เคสมือถือเช่นกัน
ซึ่งความพิเศษของ CASETiFY อยู่ที่
การให้ลูกค้าสามารถออกแบบเคสมือถือของตัวเอง
ผ่านขั้นตอนง่ายๆ อย่างการเลือกกรอบ เลือกเทมเพลตที่จะใส่รูป และยังสามารถปรับโทนสีได้ตามใจชอบ
เพียงเท่านี้เราก็จะได้เคสมือถือที่มีอยู่ชิ้นเดียวในโลก
ซึ่งเราเป็นคนออกแบบเองทั้งหมด
CASETiFY เติบโตอย่างก้าวกระโดดภายในระยะเวลาไม่นาน
โดยจุดเปลี่ยนสำคัญเกิดขึ้นเมื่อ คุณ Jamie Oliver เชฟและเซเลบริตีชื่อดังของอังกฤษ
โพสต์รูปเคสของ CASETiFY ลงในโซเซียลมีเดีย
ผลที่ตามมาคือ คำสั่งซื้อจำนวนมหาศาล
จนทำให้คุณ Ng ต้องลาออกจากงานประจำ และมาโฟกัสที่ธุรกิจ CASETiFY อย่างจริงจัง
แม้ว่าหลายคนจะมองว่า CASETiFY โชคดีที่มีคนดังมาช่วยโปรโมตสินค้า
แต่สิ่งสำคัญที่ทำให้ CASETiFY เติบโตอย่างต่อเนื่องถึง 8 ปี จนกลายเป็นแบรนด์ระดับโลก แน่นอนว่าไม่ได้มาจากเรื่องนี้เพียงอย่างเดียว
CASETiFY ทำงานอย่างหนักในการวิเคราะห์ข้อมูลและความต้องการของลูกค้า
ซึ่งนี่ถือเป็นประโยชน์จากการทำธุรกิจผ่านช่องทางออนไลน์
ที่ทำให้ CASETiFY สามารถเก็บข้อมูลได้จากช่องทางที่หลากหลาย
การร่วมออกแบบลายกับแบรนด์ดังอื่นๆ หรือเซเลบริตีคนดัง
การจับมือกับบริษัทขนส่ง DHL ซึ่งทำให้ CASETiFY สามารถขยายธุรกิจเข้าสู่ภูมิภาคอเมริกาเหนือ และยุโรปได้อย่างไม่สะดุด
ราคาของ CASETiFY จะเริ่มต้นที่ประมาณ 29 เหรียญ หรือประมาน 1,000 บาท
ซึ่งก็ถือว่าเป็นราคาที่ค่อนข้างสูง
แต่เนื่องจาก CASETiFY มีการเลือกผลิตอุปกรณ์ตกแต่งให้กับสินค้าเทคโนโลยีรุ่นที่มีราคาสูง และใช้กันอย่างแพร่หลาย ประกอบกับคุณภาพของ CASETiFY
ทำให้ลูกค้าของ CASETiFY ยอมจ่ายเงินในราคานี้
อ่านมาถึงตรงนี้ เราคงจะพบว่าความสำเร็จของ CASETiFY ประกอบขึ้นมาจากหลายๆ ปัจจัย
อย่างแรกคือ CASETiFY ถือเป็นผู้เล่นแรกๆ ในตลาดเคสโทรศัพท์มือถือ
ทำให้สามารถดึงดูดความสนใจของลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว
แต่เรื่องนี้ก็ยังไม่ใช่หัวใจสำคัญของความสำเร็จ
เพราะก็มีหลายๆ ครั้งที่สินค้าออกมาในจังหวะเวลาที่ลูกค้ายังไม่พร้อม
ซึ่ง CASETiFY เลือกทำธุรกิจในช่วงเวลาที่เหมาะสม
ทุกคนมีโทรศัพท์มือถือ และโซเชียลมีเดียกลายเป็นสิ่งที่ทุกคนคุ้นเคย
อย่างไรก็ตาม การประสบความสำเร็จอย่างยั่งยืนอาจไม่ได้อาศัยแค่จังหวะเวลา
แต่ต้องอาศัยการปรับตัวและความเข้าใจในตัวลูกค้าด้วย
อย่าง CASETiFY ที่มองเห็นว่า จริงๆ แล้ว ลูกค้าไม่ได้ต้องการเคสที่ออกแบบเอง
แต่พวกเขาต้องการสิ่งที่แสดงออกถึงความเป็นตัวพวกเขาต่างหาก..
References: SCMP, Business Insider, Discover.dhl, Techinasia
โฆษณา