21 มี.ค. 2020 เวลา 03:30
อยากรบกวนพี่ๆ ที่มีประสบการณ์การผ่านวิกฤติ มาช่วยแชร์แนวคิดฝ่าวิกฤติครั้งนี้ไปด้วยกันครับ? (1)
คำตอบ จาก คุณ picatos
ขั้นแรก ต้องรักษาใจตัวเองให้ได้ก่อนครับ ถ้าสามารถรักษาใจไม่ให้ตกไปตามราคาหุ้นที่ตกได้ วิกฤตนี้ก็ถือเป็นโอกาสทองเป็นอย่างยิ่ง
ผมผ่านวิกฤตปี 2008 มา ผมสามารถบอกและยืนยันจากประสบการณ์ได้เลยว่า ความสำเร็จ ความมั่งมี ที่ผมมีอยู่ที่วันนี้ ก็ได้มาจากการผ่านวิกฤตครั้งที่แล้ว
ดังนั้นเมื่อผมได้มาเจอกับวิกฤตครั้งนี้อีก ผมไม่กลัวนะ ผมดีใจมาก ดีใจที่ได้เจอมันอีก สถานการณ์ที่เราจะได้ทดสอบ เรียนรู้ และ สนุกกับการงาน การศึกษาการลงทุน เลยทำให้ชีวิตผมในช่วงนี้ ร่าเริง และมีพลังงานมากๆ
ในบรรดาโอกาสทองที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ โอกาสที่สำคัญที่สุด คือ โอกาสในการฝึก พัฒนา เครื่องมือ ในการที่จะรักษาใจตัวเอง ให้มีความกล้าหาญ เข็มแข็ง ในการเผชิญกับปัญหา วิกฤต อุปสรรค ที่จะสามารถนำไปใช้ได้อีกเยอะมากในอนาคต
เครื่องมือ ตลอดจน องค์ความรู้ที่ใช้ในการพัฒนาตัวเองในช่วงนี้ มีหลายอย่างมาก แต่สำหรับผม ถ้าให้เลือกเครื่องมือที่ดีที่สุด ที่สำคัญที่สุด ก็คือ เครื่องมือในการเข้าใจความทุกข์ของเรา และเรียนรู้ที่อยู่กับความไม่ได้ดังใจ ความที่ไม่เป็นไปตามสิ่งที่เราหวัง โดยที่เราไม่ไปทุกข์ใจกับมัน ถ้าฝึกจนเก่ง จนแก่กล้า จะมีความสามารถในการอยู่กับสภาพนี้ด้วยทัศนคติเชิงบวก มีความสุขได้ในทุกๆ สถานการณ์
เครื่องมือในการเข้าถือความสามารถนี้ได้ สำหรับผม คือ สติปัฎฐาน 4 หรือ ที่ตั้งของการเอาสติเข้าไปวาง 4 อย่าง ที่พระพุทธเจ้าของเราได้ทรงบัญญัติเอาไว้ในสมัยพุทธกาล
หากถามว่า จะไปศึกษาเรื่องนี้อย่างไร ผมศรัทธา และขอ แนะนำ คุณดังตฤณ อาจารย์ร่วมสมัย ที่เผยแพร่ธรรมะนี้ ผ่านทางโลก ออนไลน์ ที่สามารถเข้าถึงได้ง่ายๆ ผ่านจากบ้าน ในยามที่เราต้อง Work From Home
ขั้นที่ 2 เมื่อรักษาใจตัวเองได้ สภาพของใจของเราจะมีความสามารถอย่างหนึ่งที่เพิ่มขึ้น คือ อยู่ในสถานการณ์ แต่ไม่จมลงไปกับสถานการณ์ เราจะมีความสามารถในการถอยใจของเรา มาอยู่กับฐานของสติที่เราได้ฝึกขึ้น เมื่อเรามีความสามารถในการถอยออกมาจากสถานการณ์ ออกมามองปัญหาต่างๆ ในมุมของคนนอก ในหลายๆ มุม หลายๆ มิติ ทั้งภาพกว้าง และภาพลึก ทั้งมิติในเชิงโครงสร้าง และเชิงเวลา ทั้งความสัมพันธ์ และแรงส่งแรงกระทบกันของปัญหาที่ซ้อนกันเป็นทอดๆ เราก็จะสามารถมองเห็นสิ่งต่างๆ ได้ตามความเป็นจริงมากยิ่งขึ้น
เมื่อมองเห็นสิ่งต่างๆ ได้ตามความเป็นจริง ไม่ได้ยึดสิ่งใดสิ่งหนึ่ง สภาพใดสภาพหนึ่ง ว่าเป็นตัวตน เป็นอัตตาที่เราควรยึดมั่นถือมั่น หุ้นที่เคยเป็นหุ้นของเรา ก็จะกลายเป็นหุ้นที่ควรลงทุน ที่น่าลงทุน ที่มีโอกาสเท่าไร มีความเสี่ยงเท่าไร มี Upside เท่าไร มี Downside เท่าไร มีแนวโน้มอย่างไร มีตัวเร่งอย่างไร มีจังหวะเวลาอย่างไร
เมื่อสามารถเห็นการลงทุนต่างๆ ได้ตามความเป็นจริงมากขึ้น การลงทุน ก็เหลือเป็นเพียงการจัดสรรสัดส่วนของเครื่องมือทางการเงินแต่ละชิ้น ที่มีประโยชน์และโทษ มีคุณลักษณะของโอกาสความเสี่ยง เข้ามาอยู่ในพอร์ต ผสมสัดส่วนตามความรู้ความเข้าใจของเรา เพื่อทำให้โอกาสและความเสี่ยงของพอร์ตของเราพัฒนาให้ดีขึ้นเรื่อยๆ
วิกฤตก็สักแต่ว่าเป็นสภาพปัจจัยแวดล้อมอันหนึ่ง ที่ทำให้ โอกาสและความเสี่ยงของพอร์ตเราเปลี่ยนไป เราก็แต่ Optimize สัดส่วนการลงทุนของเราให้อยู่สภาพที่เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมใหม่อันเกิดจากวิกฤต
ตัวอย่างเช่น เมื่อเกิดวิกฤต Covid ผลกระทบนี้มีผลกระทบในเชิงลบกับหุ้นแต่ละตัวมากน้อยขนาดไหน มีผลในเชิงบวกต่อกิจการอะไรบ้าง upside/downside ของสินทรัพย์แต่ละประเภทเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร ผลกระทบนี้ในเชิงเวลามีอย่างไร ในเชิงจิตวิทยามีอย่างไร เครื่องมือเครื่องไม้ที่เรามีอยู่พร้อมแล้วหรือยังกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เราควรจะในกลยุทธ์ไหนอย่างไร
ทั้งหมดนี้ ศึกษา แล้วเขียนมันออกมา เมื่อศึกษาแล้วเขียนออกมาแล้วก็ศึกษาเพิ่มขึ้นไป ลึกลงไป จนได้เป็น Action Plan ออกมาว่า เราจะทำอะไรอย่างไร ต่อไป เมื่อเกิดเหตุการณ์แต่ละอย่าง ถ้าหุ้นตัวนี้ ราคานี้เราจะซื้อเท่าไร ขายเท่าไร ถ้าสถานการณ์ความรุนแรงหนักขึ้น หรือเบาลง เราจะดำเนินการอะไรอย่างไร
ทั้งหมดนี้ เขียนมาออกมา ในยามที่ใจสงบ พ้นจากสภาพความวุ่ยวายทางใจ จากการวางสติอย่างถูกต้อง เขียนให้เราสามารถเข้าใจมันได้ง่ายๆ สามารถที่จะหยิบขึ้นมาพร้อมกับการใช้งาน
และเมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น ใจของเราถูกตลาดทุบ ทำร้าย ให้ตกกระหน่ำลงไปอยู่ที่ตาตุ่ม ให้หายใจออกยาวๆ แล้วค่อยๆ ดึงใจกลับมาอยู่ที่ฐานของสติที่ได้ฝึกเอาไว้ จนรู้สึกว่าใจสงบลง ค่อยๆ หยิบสมุด หรือ กระดาษที่เราจด เอาไว้ ว่าเราวางแผนว่าเราจะทำอะไรในสถานการณ์นี้นะ แล้วก็ตัดสินใจทำตามแผนซะ แรงต้านที่จะไม่ทำจะมีอยู่ ความไม่แน่ใจที่จะไม่ทำยังมีอยู่
แต่ว่าแต่... ก็สิ่งที่เราเขียนเอาไว้ เราคิด เราวางแผนตอนที่ใจของเราสงบและเป็นปกติที่สุด มันน่าจะดีกว่าใจของเราที่กำลังวุ่นวายอยู่ตอนนี้นี่นา ดังนั้น ตัดใจทำมันซะ ถึงทำไม่ได้ 100% ก็ลงทำ 50% ของที่วางแผนดูแล้วกัน แต่ถ้าทำ 50% ไม่ได้ ผมว่า 25% ยังไงก็ต้องทำตามแผนนะครับ
นี่แหละครับ คำแนะนำของผม...
สรุป
1. รักษาใจตัวเองให้ได้
2. มีเครื่องมือในการรักษาใจ
3. ศึกษาความเสี่ยง/โอกาส หรือเรื่องอะไรก็แล้วแต่ที่จำเป็นในการบริหารจัดการกับพอร์ต
4. วิเคราะห์ และกำหนดแผนในการดำเนินการ ในยามที่ใจสงบ ปราศจากความวุ่นวาย
5. ทำตามแผนที่เขียนเอาไว้ ในยามที่เกิดเหตุต่างๆ โดยเฉพาะ ในยามที่เกิดเหตุไม่คาดฝัน ที่ทำให้ใจของเราสั่นไหว
ปล.
1) ที่ว่าโอกาสทอง โอกาสทองนี้เป็นโอกาสทองระดับไหน ผมบอกได้เลยว่าจากวิกฤตปี 2008 ผ่านมา 10 ปี พอร์ตของผมโตขึ้น 300 เท่า
2) ด้วยสิ่งที่ผมเล่ามาทั้งหมดนี้ วิกฤตครั้งนี้ พอร์ตของผมไม่เสียหายครับ Drawdown ลงไปเล็กน้อยในช่วงต้น หลังจากทำไปตามแผน พอร์ตก็กลับมาที่เดิมตอนก่อนเกิดวิกฤต
โฆษณา