21 มี.ค. 2020 เวลา 03:44 • ธุรกิจ
ก่อนจะทาย หัว-ก้อย
ภาพจาก internet
ก่อนจะทาย หัว-ก้อย เหรียญที่ตกลงพื้น แล้วกระดอนหมุนขึ้นมา ก่อนจะตกลงพื้นอีกครั้ง ในเสี้ยววินาที คุณมองเห็นเหรียญด้านหนึ่งหงายขึ้น จากมีมือคนปิดมันใว้ ตอนนี้คุณต้องถามตัวเองว่า “เห็น” หรือ “ไม่เห็น” และ “เชื่อ” หรือ ”ไม่เชื่อ” สิ่งที่เห็น
ในความเข้าใจของผมเรื่องสำคัญของชีวิตเรานั้นมีเพียงสองเรื่อง คือ เรื่องที่เรา “เชื่อ” และ เรื่องที่เรา “ไม่เชื่อ”
หลายสิ่งเข้ามาในชีวิต เราเลือกจะรับใว้หรือปัดทิ้งแบบไม่ใยดี ก็ขึ้นกับความเชื่อและประสบการณ์ชีวิตของเราในตอนนั้น
ย้อนกลับไปบางอย่าง “เหลือเชื่อ” บางอย่าง “ไม่น่าเชื่อ” แต่เราก็เชื่อ และทำอะไรตามความเชื่อผิดๆ ถูกๆ เหล่านั้นมาไม่รู้กี่ครั้ง
ความเชื่อ อาจเป็นศิลปะแบบหนึ่งที่ไม่มีข้อกำจัดเรื่องความถูก หรือผิดเช่นเดียวกันหากเราไม่อยากจะไม่เชื่อเรื่องอะไรก็ตัดสินใจอย่างไร้เหตุผลได้ทันที
คุณคงเคยได้ยินคำที่ว่าความเชื่อสามารถขยับภูเขาได้ แต่ผมมีมุมมองแบบนี้ครับ
1.ชีวิตคือช่วงเวลา: บางครั้งความเชื่อเกิดขึ้น และเปลี่ยนแปลงไปตามเวลาต่างๆ ของชีวิต เช่น ตอนเรียนเราอาจไม่เชื่อว่าชีวิตวัยเรียนคือช่วงเวลาที่สนุกที่สุด เพราะเชื่อว่าชีวิตการทำงานมีเงินเป็นของตัวเองคงดีกว่าแน่นอน แต่เมื่อเวลาผ่านไปเรากลายเป็นคนทำงานเราจึงเชื่อและนึกย้อนกลับไปสมัยเรียน
2.มนุษย์รักตัวเองเสมอ: หากมีสิ่งใดที่เราได้ข้อมูลมามีแนวโน้มว่าสิ่งนั้นจะทำให้ชีวิตเราดีขึ้น ก้าวไปข้างหน้ามากขึ้น เรามีโอกาสจะเชื่อในสิ่งนั้นไว้ก่อนเสมอ เช่น หากมีคนมาบอกว่าล๊อตตารี่รางวัลที่ 1 งวดหน้าจะออกเลขอะไร เราจะลองเชื่อไว้ก่อนเพราะมันเป็นประโยชน์กับตัวเราเอง
3.ก้นเหวของจิตใจ: คือจุดที่ความเชื่อ อาศัยอยู่ ซึ่งเป็นที่ ที่ลึกลงไปแบบก้นเหวมืดๆ จนมองไม่เห็นว่าสิ้นสุดที่ตรงไหน ผมรู้สึกแบบนั้นเพราะไม่มีใครจะหยิบมันออกมาได้ แม้แต่ตัวเราเองก็หยิบมันออกมาไม่ได้ มันลึกเกินว่าที่อวัยวะของเราจะดึงมันออกมา มีแต่จิตใจเท่านั้นที่จะสะกิดความเชื่อได้
แต่หัวใจสำคัญของเรื่องนี้คือ
เรื่องที่เรามี “ความเชื่อ” ผลักดันเราเท่าไหร่
เรื่องที่เรา”ไม่เชื่อ” ก็ผลักดันเราเช่นกัน!!
เคยได้ยินทำนี้ไม่ครับ ว่าคุณต้องรับผิดชอบ ทั้งสิ่งที่คุณเลือก และ คุณไม่ได้เลือก
แปลกว่าเมื่อเราหันหน้าให้กับบ้างอย่าง เราจะหันหลังให้กับบ้างอย่างโดยไม่รู้ตัว
เช่นกันครับ
ชีวิตมันเหมือนขั้วแม่เหล็ก เรื่องที่เราเชื่อ จะดึงดูดสิ่งที่เราเชื่อเหล่านั้นเข้ามา
แต่เรื่องที่เราไม่เชื่อเราจะผลักสิ่งเหล่านั้นหรือเรื่องราวเหล่านั้นออกไป
ประเด็นสำคัญอยู่ตรงนี้ครับ
บางคนดันผลักสิ่งที่ตัวเองต้องการออกโดยไม่รู้ตัว และดึงดูสิ่งที่ไม่ต้องการเข้ามา
ซึ่งอันนี้มีมากจริงๆ ครับ
เชื่อ : ว่าทำในสิ่งที่รักจะนำไปสู่ความสำเร็จ
ไม่เชื่อ : ว่าการทำอะไรเพื่อคนอื่นจะนำไปสู่ความสำเร็จ
มาดูกันแบบนี้คิดว่าเราจะดึงดูดอะไรเข้ามา แล้วผลักดันอะไรออกไปครับ
-สิ่งที่ดึงดูดเข้ามา:คุณจะพยามดึงดูด สิ่งที่คุณรัก สิ่งที่คุณอยากทำมากมาย คุณจะดูเหมือนคนขยัน คุณจะลองค้นหาสิ่งที่ตัวรักจนเหน็ดเหนื่อย จนบางครั้งก็แน่ใจว่ารักอะไรกันแน่ แต่คุณเชื่อแบบนั้น สุดท้ายสมมุติว่าคุณได้เจอสิ่งที่คุณรักจริงๆ นั้นคือ “การนั่งดูทีวีในห้องแอร์” “การได้ออกกำลังกาย” “การได้ไปท่องเทียว” หรือกิจกรรมที่ต้องทำคนเดียว มักไม่มีประโยชน์กับคนอื่น
-สิ่งที่ผลักออกไป:คุณผลักออกไป คือความคิดที่จะบริการผู้คน หรือทำให้ชีวิตคนอื่นนั้นดีขึ้น คุณดันเรื่องเหล่านี้ออกไป เพราะคุณไม่เชื่อว่าการทำเรื่องแบบนั้นจะนำพาคุณไปสู่ความสำเร็จ คุณจะคิดเอง เก็บข้อมูลเอง ไม่อยากแชร์ ไม่อยากแบ่งปันข้อมูลกับใคร ซึ่งนั้นมันอยู่ฝั่งตรงข้ามกับความสำเร็จ
#ถ้าสตีฟ จ๊อบ มีความเชื่อตามตัวอย่าง
แล้วหาเฉพาะสิ่งที่ตัวเองชอบ เราคงไม่มีไอโฟนใช้ในวันนี้
แต่เปล่าเลยเค้า “เชื่อ” ว่าสิ่งที่สร้างจะต้องเป็นการบริการ ทำให้โลกดีขึ้น สะดวกขึ้น
เมื่อเชื่อดังนั้นเข้าดึงดูดทั้งสองเรื่องที่สำคัญต่อความสำเร็จเข้ามา ทั้งเรื่องทำในสิ่งรัก และ การทำอะไรเพื่อคนอื่น
เราจึงมี WIFI ใช้กันอยู่ในทุกวันนี้
#ดังนั้นผลลัพธ์ของตัวอย่างคงพอเดาได้ใช่ไหมครับ
ว่าคงอีกนานถ้าเดินอ้อมความสำเร็จแบบนี้
เมื่อบางอย่างยาวขึ้น อีกอย่างจะสั้นลง
ในเรื่องราวเดียวกันหากเชื่ออะไรมากขึ้น บางอย่างก็มักน้อยลงด้วยเช่นกัน
ผมทบทวนตัวเองเสมอ ว่า
หากเชื่อเรื่องไสยศาสตร์แล้ว เราจะเชื่อวิทยาศาสตร์ ได้น้อยลงหรือไม่
หากจะเชื่อเรื่องโชคชะตาแล้ว เราจะทำงานหนักน้อยลงหรือไม่
หากเราเชื่อเรื่องความสามารถเฉพาะตัว เราจะเชื่อเรื่องการทำงานเป็นทีมน้อยลงหรือไม่
หากเราเชื่อเรื่องการเป็นผู้นำ เราจะยังเป็นผู้ตามที่ดีได้หรือไม่
ก่อนจะทาย หัว-ก้อย เหรียญที่ตกลงพื้น แล้วกระดอนหมุนขึ้นมา ก่อนจะตกลงพื้นอีกครั้ง ในเสี้ยววินาที คุณมองเห็นเหรียญด้านหนึ่งหงายขึ้น จากมีมือคนปิดมันใว้ ตอนนี้คุณต้องถามตัวเองว่า “เห็น” หรือ “ไม่เห็น” และ “เชื่อ” หรือ ”ไม่เชื่อ” สิ่งที่เห็น
อยู่กับคนทำชั่ว เราจะเป็นคนดีได้น้อยลงไหม
อยู่กับคนขยัน เราจะเป็นคนขี้เกียจได้น้อยลงไม่
คุยแต่เรื่องคนอื่นบ่อยๆ จะทำให้ลืมเรื่องตัวเองไหม
คุณเท่านั้นที่ตอบได้เชื่อไหมล่ะ ?
#Pencil_man
โฆษณา