22 มี.ค. 2020 เวลา 03:58 • สุขภาพ
เมื่อวันก่อน ประธานาธิบดี โดนัลด์ทรัมป์ ได้ให้สัมภาษณ์ว่า
ค้นพบยาที่เป็นตัวเปลี่ยนเกมโรค COVID-19
มันจะช่วยรักษาCOVID-19 ได้จริง หรือ
เด่วผมจะเล่าให้ฟัง
ยาที่ ตาลุง ทรัมป์กล่าวถึง
ไฮดรอกซีคลอโรควิน (HCQ) และ Azithromycin (Az)
ซึ่งยาทั้ง 2 ตัวเป็นยาทั่วๆไป
ที่มีใช้อยู่แล้วทั่วทุกจังหวัดของไทย
มันใช้จริงหรือเนี้่ย ถึงขนาด ปธน.ทรัมป์ Twitter ออกสื่อ
เมื่อวานนี้เพิ่งมีข้อมูลผลการรักษา ของยาทั้ง 2 ตัว
ตีพิมพ์ลงใน
International Journal of Antimicrobial Agents
เรามาดูข้อมูลกันดีกว่า
การศึกษาวิจัย ทำในโรงพยาบาลที่ฝรั่งเศส
ในเมือง Marseille. 3 รพ.
เพื่อเปรียบเทียบประสิทธิภาพของยา
ต่อ การไม่พบเชื้อไวรัสในสิ่งส่งตรวจ
P(กลุ่มประชากรที่ศึกษา)
: ผู้ป่วย Confirm Case by RT-PCR ทั้งหมด
I : ให้ยา HCQ (ผุ้วิจัยอ้างว่า กดไวรัสได้ดีกว่า CQ ที่ทางจีนใช้)
แล้วเก็บข้อมูลปริมาณ Virus ทุกวัน จนถึง D14
No Blind No random
จากการคำนวณทางสถิติ ควรหา ผป. ได้ไม่น้อยกว่า 48 คน
เป้าหมายหลัก : ดูผลการกำจัดไวรัสหลังจากได้ยาครบ 6 วัน
เป้าหมายรอง : อัตราตาย นอนรพ.นานกี่วัน
C : ผู้ป่วยที่ปฎิเสธการรักษาทั้งหมด จะเป็น Control group
O :
หาได้จริง แค่ 42 จากตั้งไว้ 48 คน
ออกจากการศึกษาไป 6 คน
เหลือ จริงแค่ 36 คน
6 คน ไม่มีอาการ
22 คน เป็นหวัดเล็กน้อย
8 คน เป็นปอดอักเสบ
แบ่งเป็นกลุ่ม
ได้ยาจริง 26 (อายุเฉลี่ย 51.2 ปี ) ปฏิเสธยาวิจัย 16 ( อายุเฉลี่ย 37.3 )
กลุ่มได้ยาจริง ได้ ยา HCQ
มี6 คนทีได้ยาเสริม AZ ในวันที่ 2
เพื่อป้องกันภาวะติดเชื้อแทรกซ้อน
จาก 26 คน อยู่ไม่ถึง D6 ไป 6 คน เพราะ
- 3 คน ย้ายเข้า ICU ไปก่อน แล้วไม่ได้ส่งตรวจ Virus ต่อ
- 1 คน เสียชีวิต
- 1 คนปฏิเสธการรักษา
- 1 คน ทนผลข้างเคียงไม่ไหว
ดังนั้น เหลือ มาวิเคราะห์ ได้แค่ 20 คน เท่านั้น
ข้อมูลพื้นฐานพบว่า
คนไข้กลุ่มที่ได้ยาจริง อายุเยอะแล้วอาการหนักกว่า
เพราะมีปอดติดเชื้อ ถึง 30%
เมื่อเทียบกับกลุ่มที่ปฏิเสธการรักษา มีปอดบวมเพียง 12%
ตารางที่ 2 ผลการศึกษาหลักของงานวิจัย พบว่า
แม้กลุ่มที่จะได้ยาจริงจะอาการหนักและอายุเยอะกว่า
แต่กลับไม่พบไวรัสในสิ่งส่งตรวจได้สูงถึง 70 เปอร์เซ็นต์ที่ Day 6
เมื่อเทียบกับกลุ่มที่ไม่ได้รับยา มีเพียง 12%
และสามารถเคลียร์ไวรัสได้ตั้งแต่ D1สูงถึง50%
อย่างมีนัยสําคัญทางสถิติ
กราฟสุดท้ายแสดงถึง
จำนวนคนไข้ที่ยังพบปริมาณไวรัสจากสิ่งส่งตรวจ
กราฟสีดำคือ กลุ่มที่ปฏิเสธ การรักษา
กราฟสีน้ำเงินคือ ได้ HCQ เพียงอย่างเดียว
กราฟสีเขียวคือ ได้ทั้ง HCQ+ AZ
พบว่า
หลังจากที่ได้ AZ เสริมเข้าไปใน D1
ทำให้ไม่พบไวรัสในสิ่งส่งตรวจได้สูงมากขึ้น และไม่พบเลยที่ D5
ในขณะที่กลุ่มทดลองยังพบสูงถึง 80 ถึง 90 เปอร์เซ็นต์
อย่างมีนัยสําคัญทางสถิติ
วิจารณ์ ความน่าเชื่อถือ และสามารถเอาไปใช้จริงได้ไหม
งานข้อมูลวิจัยฉบับนี้ มีความน่าเชื่อถือค่อนข้างต่ำ เนื่องจาก
- หาจำนวนคนไข้มาได้ไม่เพียงพอกับปริมาณที่คำนวณไว้ในตอนแรก
- No Blind
- ไม่มีการควบคุม ปัจจัยกวนที่ดีพอ เช่น โรคประจำตัว ผลเลือดต่างๆ
- ไม่มีการสุ่ม
- กลุ่มได้ยา หายไปถึง 6 คน จาก 26 คน
ซึ่งมากพอที่จะเปลี่ยนผลการวิจัยได้
- ไม่มี Hard outcome ที่สัญญาไว้เลย ทั้ง LOS Mortality rate
น่าจะเป็นจาก จำนวนคนไข้ในงานวิจัยน้อยเกินไป
อย่างไรก็ตาม กลุ่มคนไข้ที่ได้รับยาจริงซึ่งเป็นกลุ่มคนไข้ที่
- อายุเยอะกว่า
- อาการหนักกว่า
กลับมีผลไม่พบไวรัสที่ดีกว่า กลุ่มที่ไม่ได้รับยาอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ
ตั้งแต่วันแรกๆของการรักษา นับว่าเป็นผลการศึกษาที่น่าสนใจ
แต่เนื่องจากไม่มี control group ที่ดีพอ + คุม confounder ได้ดีพอ
ดังนั้น โดยส่วนตัวก็ฟังหูไว้หู คงต้องรอดูผลการวิจัย
ระดับ RCT ใน Multicenter ต่อไป
ดังนั้น จากข้อมูลข้างต้น
นับว่า HCQ+ AZ เป็นสูตรยาที่น่าสนใจ
แต่ยังต้องรอดูข้อมูลเพิ่มเติม
แต่ จาก Twitter Trumps ถึงขนาดบอกว่า
ยานี้ จะเป็นถึงขนาด Game changer
เท่ากับ Favipiravir ที่กำลังจะมี RCTออกมา
เป็นไปได้ 2 อย่างคือ
1. ตาทรัมป์ ไม่รู้เรื่องอะไร
ทั้งที่มี Evidence เพียงแค่ small open label single arm trial
2. Trumps ก็ต้องมีข้อมูลเบื้องต้นขนาดใหญ่ใน USA
อยู่ในมือ
แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม
วันนี้ USA เป็นประเทศที่มีผู้ติดเชื้อรายใหม่สูงที่สุดในโลก
โฆษณา