22 มี.ค. 2020 เวลา 04:27
โดยปกติแล้ว คนทั่วไปที่ทุกข์ใจ เกิดจากเอาใจไปข้องไว้ในโลก(โลกธรรม)
ถ้าจะว่าให้ตรงกว่านั้น..
ความทุกข์ของคนทั่วไป เกิดจากเราเอาใจไปข้องไว้ในความเลวของคนอื่น และความเลวของตนเอง
🌿 ถ้าเราปรุงว่าเขาเลว ..แปลว่า เราทุกข์เพราะข้องอยู่ในความเลวของเขา เราก็เลวเช่นกัน
🌿 ถ้าเราเห็นเขาดี แล้วเราก็ยังทุกข์ได้อีก ..แปลว่า เราทุกข์ เพราะเอาใจไปข้องอยู่ในความเลวของตน ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง
ที่กล่าวในเบื้องต้น เป็นความทุกข์ในสมมติทั่วไป ถัดมา ถ้าคิดว่าสิ่งใดเลว(ก็ยังอยู่ในการปรุงแต่งนะ) ก็อย่าเอาใจไปข้อง รอดพ้นด้วยระดับจิต ..จิตจะไปข้องอยู่ในกุศลแทน ทีนี้ก็มีความสุขอยู่กับความดี ส่วนความเลวร้ายในโลกที่มีเป็นปกติ จะไม่สามารถทำร้ายใจได้.. ข้องอยู่ในดีก็ยังปรุงอยู่ 😊😊😊
1
ถัดมา ..ไม่ข้อง ทั้งดี ทั้งเลว ..ตัวยังบนโลก มันยังมีครบทุกสิ่ง แต่ใจไม่ข้อง #ไม่ข้องด้วยใจ ..นี่ความจริงของนิพพาน
แต่ถามว่า เมื่อไม่ข้องในทั้งดีทั้งเลว แล้วจะมีใครไปทำเลวไหม.. ไม่มีหรอก ก็ทำแต่ความดีไป ความเลวไม่ทำ แต่ใจไม่ข้องอยู่ในดี อันนี้คือหนทาง
พระพุทธองค์ ก็พ้นทุกข์ไปแล้ว ท่านเสวยวิมุติสุข แต่ท่านก็ยังพูดเรื่องความทุกข์ เหตแห่งความทุกข์ วิธีดับทุกข์ และความดับถาวรซึ่งกองทุกข์
กองทุกข์ที่ว่าดับนี่ ไม่ใช่กองทุกข์นอกกายนะ แต่เป็นกองอาสวะในใจ ทุกข์ที่ใจ มันดับตรงนั้น ไม่ได้ดับข้างนอก
ท่านพูดอยู่เท่านี้ล่ะ ศาสนาพุทธมีแค่นี้ คือ การพ้นทุกข์ ..แต่วิธีสอน แตกธรรมออกมามากมาย อธิบายกันยาวเหยียด
ท่านสอนดับทุกข์ แต่ก็ต้องเอาความจริงในสมมติแห่งทุกข์ มาอธิบายด้วย กลไกที่มาต่างๆ เพื่อให้มนุษย์เดินไปถึงความดับทุกข์ได้ นี่วิธีของศาสนาพุทธ
พูดอยู่แต่เรื่องทุกข์ แต่ท่านก็ไม่ได้ทุกข์ ท่านวิมุติสุข ยิ้มอ่อนๆตลอดเวลา #แม้กายจะอยู่บนโลกแต่ใจไม่ข้องอยู่ในโลก
#หลุดพ้นด้วยระดับจิต นิพพานที่จิต ไม่ได้อยู่บนฟ้าหรือวิมานไหน
นี่ พระพุทธศาสนา มีจุดมุ่งหมาย ให้ไปถึงสภาวะที่เรียกว่า #เหนือโลก
credit วัชระ อุตพุธ
โฆษณา